ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6
“ใช่แล้ว ประมุขสำนักเซี่ยช่างรอบรู้ น่าเลื่อมใสยิ่งนัก”
เขายกยออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว เซี่ยหงเฉินกลับพูดขึ้นกะทันหัน “ชานี้เป็นชาสายพันธุ์ดัดแปลงที่ฮูหยินข้าปรับปรุงขึ้นเองกับมือเมื่อหกสิบปีก่อน เนื่องจากทดสอบใบชากับนางอยู่ตลอด ข้าจึงจำได้”
“อ้อ” จงกั๋วกงพลันกระจ่างแจ้ง ใช่แล้ว ฮูหยินของเซี่ยหงเฉินเชี่ยวชาญการปรับปรุงพันธุ์พืชที่สุด ชาหนึ่งเสี้ยวใจนี้ก็เป็นฝีมือฮูหยินของเขาหรือ เขาจึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “แกว่งขวานหน้าบ้านหลู่ปันแท้ๆ ทำให้ประมุขสำนักเซี่ยขบขันแล้ว”
ยามกล่าวเช่นนี้จงกั๋วกงดูผ่อนคลายลง เซี่ยหงเฉินดื่มชาอีกคำแล้วเอ่ยว่า “หลายปีมานี้สำนักเซียนกับราชสำนักไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน เลี่ยงมิได้ที่จะเกิดความบกพร่องบางประการ แต่กับเรื่องของฝ่าบาท สำนักเซียนใส่ใจมาโดยตลอด”
ยามเซี่ยหงเฉินพูดจาดูไม่หยิ่งยโสและไม่วางตนต้อยต่ำ ให้ความรู้สึกเปิดเผยจริงใจต่อผู้อื่น ทั้งยังไม่มีความรู้สึกของผู้สูงส่งที่อยู่เหนือกว่าอย่างเซี่ยหลิงปี้และไม่มีความแปลกประหลาดยากจะคาดเดาอย่างซือเวิ่นอวี๋ ทำให้คนเกิดความรู้สึกดีต่อเขา
จงกั๋วกงรีบประสานมือเอ่ยว่า “ประมุขสำนักเซี่ยมีใจห่วงใยใต้หล้า เปี่ยมด้วยเมตตาและคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่โดยแท้”
ในที่สุดเซี่ยหงเฉินก็เข้าประเด็นสักที เขากล่าวว่า “คุณธรรมที่ยิ่งใหญ่นั้นมิกล้ารับ แต่ฝ่าบาทเสวยยาลูกกลอนอายุวัฒนะมาหลายปี ข้าฟังแล้วรู้สึกสนใจ จึงเคยไหว้วานสหายเก่าให้หาตำรับยามาให้”
…ร้ายกาจยิ่งนัก จงกั๋วกงลอบอุทานในใจ ตำรับยาลูกกลอนอายุวัฒนะเป็นความลับเพียงใด ท่านแค่ไหว้วานสหายเก่าง่ายๆ เพียงคำเดียวก็หามาได้แล้ว ราวกับหาตำรับยาลูกกลอนต้าลี่** อย่างไรอย่างนั้น
“ตำรับยานั้นไม่เลว แม้จะสิ้นเปลืองเวลาและกำลัง แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ทุกคนในสำนักเซียนล้วนภาวนาให้ฝ่าบาทอายุขัยไร้ที่สิ้นสุด แผ่นดินดำรงอยู่อีกหมื่นปี” เสียงของเขาเป็นจังหวะ ไพเราะกังวาน จงกั๋วกงรู้ว่าคำพูดต่อจากนี้คือประเด็นสำคัญ เขาจึงรีบตั้งใจฟัง
จริงดังคาด เซี่ยหงเฉินชะงักไปเล็กน้อยก่อนพูดว่า “เพียงแต่ยาลูกกลอนอายุวัฒนะในปีนี้ ข้าเห็นปราณลูกกลอนจากที่ไกลๆ แล้วผิดปกติยิ่งนัก เนื่องจากไม่สะดวกจะไปถามกรมซือเทียน ทว่าในใจก็มีความกังวล จึงได้แต่ฝากให้จงกั๋วกงนำความไปทูลฝ่าบาท”
“อะ…อะไรนะ!” จงกั๋วกงตกตะลึง…อะไรคือปราณลูกกลอนผิดปกติ เขาขมวดคิ้ว “ตำรับยาลูกกลอนอายุวัฒนะมิได้มีการปรับแก้แต่อย่างใด”
เซี่ยหงเฉินกล่าว “หากมิได้มีการปรับแก้ เช่นนั้นก็น่าสงสัยนัก ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงราชสำนักและฝ่าบาท ข้าผู้แซ่เซี่ยไม่สะดวกจะวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าท่านกั๋วกงคงต้องใส่ใจให้มากสักหน่อยแล้ว” กล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นประสานมือเอ่ยอย่างมีมารยาท “ข้าผู้แซ่เซี่ยกล่าวได้เพียงเท่านี้ ตำรับยาไม่เหมือนสิ่งอื่น มิหนำซ้ำยังเกี่ยวพันถึงพระวรกายของฝ่าบาท ท่านกั๋วกงจำต้องระมัดระวังให้มาก หากมีความจำเป็น สำนักเซียนอวี้หูยินดีทดสอบยาลูกกลอนให้ฝ่าบาท” จากนั้นเขาก็พูดต่อ “วันนี้ได้รับชาชั้นเลิศจากท่านกั๋วกง ข้าผู้แซ่เซี่ยซาบซึ้งใจยิ่งนัก” เขาคล้ายมีความในใจ สีหน้าหม่นหมองไม่น้อย “แต่น่าเสียดายที่ฮูหยินของข้าล้มป่วย รอให้นางหายดี ข้าผู้แซ่เซี่ยจะต้องเชิญท่านกั๋วกงมาลิ้มรสชาด้วยกันอีกแน่นอน”
กล่าวจบเขาก็ค้อมกายเล็กน้อย จากนั้นจงกั๋วกงก็รู้สึกว่าประกายแสงตรงหน้าแตกกระจาย ครั้นรู้สึกตัว ภาพตรงหน้าก็กลับกลายเป็นหิมะโปรยปราย
หิมะตกแล้ว เขายังคงยืนอยู่กลางลานเรือนทำท่าหมัดมวยอยู่ มีเซี่ยหงเฉินอะไรที่ใดกัน!
“นายท่าน? นายท่าน?” ฮูหยินของเขาร้องเรียกอยู่นานที่ใต้ชายคา ในที่สุดเขาก็ได้สติกลับมา ทว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ยังฉายชัดอยู่ตรงหน้า จะเป็นเรื่องเท็จไปได้อย่างไร
จงกั๋วกงไม่อยากจะเชื่อว่า…เขาถึงกับฝันไปหรือนี่!
เขากลับเข้าไปในห้องโถงรับแขก ความคิดจิตใจยังคงเลื่อนลอย แต่เมื่อมองไปที่โต๊ะก็ตกตะลึงทันใด
ในห้องโถงรับแขกมีถ้วยชาสองใบ บนโต๊ะหลักหนึ่งใบ บนโต๊ะแขกอีกหนึ่งใบ จงกั๋วกงใช้นิ้วมือแตะดู ชาในถ้วยยังไม่เย็น จงกั๋วกงจึงหันไปถามฮูหยิน
“เจ้าเคยได้ยินชื่อหนึ่งเสี้ยวใจบ้างหรือไม่”
ฮูหยินกั๋วกงก้าวเข้ามา ปัดหิมะที่เกาะอยู่บนร่างเขาออกพลางตำหนิ “หนึ่งเสี้ยวใจจากเขาชูอู้เป็นชาเลื่องชื่อ แต่ละปีเก็บเกี่ยวใบชาได้เพียงสองชั่ง* หายากยิ่งนัก เหตุใดนายท่านถึงลืมเรื่องนี้ไปได้เล่า”
จงกั๋วกงถาม “ชาหนึ่งเสี้ยวใจนี้ใครเป็นคนปรับปรุงขึ้น”
ฮูหยินตอบ “ฮูหยินประมุขสำนักเซียนอวี้หู นามว่าหวงหร่าง สมัยที่นางยังไม่ออกเรือนเคยเป็นนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่ลือนาม ทว่าหลังจากแต่งเข้าสำนักเซียนนางก็ไม่ลงแปลงเพาะปลูกด้วยตนเองอีก ชาหนึ่งเสี้ยวใจนี้ได้ยินว่าเป็นเพราะประมุขสำนักเซี่ยชื่นชอบชา นางจึงลงมือปรับปรุงพันธุ์ด้วยตนเอง เนื่องจากทำขึ้นเพื่อให้สามีดื่มเท่านั้น จึงมิได้คำนึงถึงปริมาณของผลเก็บเกี่ยวที่ได้ ภายหลังเนื่องจากชานี้โด่งดัง ถูกคนขอต้นกล้าไป จึงได้กระจายสู่ชาวบ้าน”
จงกั๋วกงสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับถามว่า “เซี่ยฮูหยินล้มป่วยอยู่ใช่หรือไม่”
“นายท่านรู้ได้อย่างไร” ฮูหยินทำหน้าฉงน “ตอนนี้เซี่ยฮูหยินล้มป่วยอยู่จริงๆ ไม่พบแขกมาหลายปีแล้ว”
จงกั๋วกงฟังฮูหยินพูด ในใจก็ตื่นตระหนก
นี่มิใช่ความฝัน เซี่ยหงเฉินมาที่นี่จริงๆ! แต่คนของสำนักเซียนอย่างพวกเขาจะมีวิชาเข้าฝันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกทั้งยาลูกกลอนอายุวัฒนะหลอมโดยกรมซือเทียน เกรงว่าเขาคงไม่สะดวกจะเดินทางมาด้วยตนเอง
ทว่า…ยาลูกกลอนอายุวัฒนะเป็นของปลอมจริงๆ หรือ
“เป็นไปไม่ได้” เขาพึมพำกับตนเอง เจ้ากรมซือเทียนตี้อีชิวเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ ยาลูกกลอนอายุวัฒนะที่เขาหลอมเองจะเป็นของปลอมได้อย่างไร!
จากนั้นเขาก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ต่อให้เมื่อครู่เป็นเพียงความฝันหวงเหลียงจงกั๋วกงกลับมั่นใจอย่างยิ่ง…เซี่ยหงเฉินเป็นถึงประมุขสำนักผู้สูงส่ง หากมิได้มั่นใจเต็มเปี่ยม เขาไม่มีทางตั้งใจมาบอกตน
แย่แล้ว…แย่แล้ว จงกั๋วกงกุมหน้าอก เริ่มวางแผนรับมือ
ติดตามตอนต่อไปวันศุกร์ที่ 11 ก.ค. 68
Comments
