เวลานี้ขุนนางในชุดคลุมสีแดงเข้มผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาจากฝูงชน ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นถานฉีผู้ช่วยกองพยัคฆ์ขาว
ถานฉีประกาศเสียงดังกังวาน “ราชสำนักมีคำสั่ง หากคนจากสำนักเซียนเข้ามาในเมืองชั้นในจะต้องพกใบผ่านทางที่ออกโดยทางการ เมื่อวานหลังการตรวจสอบของกรมซือเทียน คนของสำนักเซียนผู้นี้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย นี่เป็นความผิดข้อแรก ดูหมิ่นราชสำนัก นี่เป็นความผิดข้อที่สอง วันนี้กองพยัคฆ์ขาวของกรมซือเทียนจะลงทัณฑ์เขาต่อหน้าฝูงชน ทำลายพลังวัตรของคนผู้นี้และโบยร้อยไม้!”
ผู้คนรอบด้านพลันตื่นตระหนก เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นคราหนึ่ง
คนของสำนักเซียนมีฐานะสูงส่งในใจชาวบ้านมาโดยตลอด แต่บัดนี้กรมซือเทียนของราชสำนักกลับจะนำตัวคนผู้นั้นมารับโทษทัณฑ์หน้าตลาดอย่างเปิดเผย เกรงว่าการกระทำนี้คงแฝงนัยอย่างลึกซึ้ง
มิต้องสงสัยเลยว่านักโทษที่ต้องรับโทษทัณฑ์คือสายลับจากสำนักเซียนอวี้หูที่หลี่ลู่พูดถึงเมื่อวานนั่นเอง
ถานฉีประกาศความผิดของนักโทษแล้วก็โบกมือทันใด มีเจ้าหน้าที่ลากตัวสายลับขึ้นมาแล้วกดร่างลงบนม้านั่งลงทัณฑ์ตัวหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ลงมือไม่กี่ทีก็เปลื้องผ้านักโทษออกจนหมดท่ามกลางสายตาผู้คน ต่อให้นักโทษผู้นั้นดิ้นรนด่าทอสารพัดพวกเขาก็ไม่สนใจ พวกชาวบ้านถอยหลังไปหลายก้าว ได้เห็น ‘เซียนซือ’ เปลือยกายรับโทษทัณฑ์เป็นครั้งแรกก็ทั้งตื่นตระหนกทั้งอยากรู้อยากเห็น
ตี้อีชิวดื่มชาไปพลางกินขนมด้วยท่วงทีผ่อนคลายสบายอารมณ์ไปพลาง
เสียงไม้พลองฟาดลงบนเนื้อทุ้มหนักเป็นพิเศษ เพียงแค่สามทีก็เห็นโลหิตแล้ว แรกเริ่มนักโทษยังร้องด่า ต่อมาเสียงก็ขาดหายไป
หลงจู๊ยกชากับขนมมาให้หลี่ลู่ หลี่ลู่กลับไม่มีอารมณ์จะจับตะเกียบ…กรมซือเทียนทำเช่นนี้ เซี่ยหลิงปี้ยอมอยู่เฉยก็แปลกแล้ว
ตอนนี้สำนักเซียนอวี้หูปกครองโดยคนสองคน หนึ่งคือประมุขสำนักเซี่ยหงเฉิน สองคือปรมาจารย์เซี่ยหลิงปี้ หลังจากเซี่ยหลิงปี้ยกตำแหน่งให้เซี่ยหงเฉินผู้เป็นศิษย์แล้วก็ถอยไปอยู่หลังม่าน แต่กลับมิได้สูญเสียอำนาจในมือไป
เขารักในชื่อเสียงบารมีของตนมากเพียงใด หลี่ลู่รู้ดีที่สุด
มิผิดจากที่คิด ลงทัณฑ์ไปได้ครึ่งหนึ่ง ท้องฟ้าก็บังเกิดสายฟ้าที่น่าตื่นตระหนก เสียงสนั่นเลื่อนลั่นดังขึ้นข้างหูของทุกคน
พวกชาวบ้านปิดหู มิกล้าชมความครึกครื้นอีก รีบหลบหนีไปโดยไว
ก้อนเมฆบนท้องฟ้ามารวมตัวกัน เพียงครู่เดียวแสงสีขาวก็สาดส่องลงมา ห่อหุ้มร่างของนักโทษไว้ ขณะที่แสงสีขาวกำลังจะพาคนจากไป ถ้วยชาในมือตี้อีชิวก็หก ชาถูกสาดออกไปทางหน้าต่าง เพียงพริบตาก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทอง
แสงสีขาวกับแสงสีทองพุ่งปะทะกัน จากนั้นก็เกิดเสียงดังครึกโครม จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็สลายหายไป
เหล่าชาวบ้านโผล่ศีรษะออกมาจากที่ซ่อนตัว มองสำรวจเงียบๆ ถานฉีรู้ว่าเจ้ากรมของตนอยู่ใกล้ๆ ในใจจึงสงบนิ่ง ยังคงสั่งการเจ้าหน้าที่ให้โบยต่อจนครบร้อยไม้ จากนั้นก็ทำลายพลังวัตรของนักโทษ
สายลับผู้นั้นถูกโบยจนมีสภาพปางตาย ทั้งยังถูกทำลายพลังวัตร เขามีผ้าคลุมร่าง กระทั่งเรี่ยวแรงจะด่าคนก็ไม่เหลือแล้ว เนิ่นนานยังคงลุกไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่สองคนกำลังจะลากตัวเขาออกจากเมืองชั้นใน ทันใดนั้นสิงโตหินคาบลูกกลมใต้หอประตูเมืองก็ส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด…กลับมีชีวิตขึ้นมา
มันย่างเท้าเข้ามาทีละก้าวจนถึงเบื้องหน้าสายลับ คายลูกหินในปากทิ้ง คาบสายลับขึ้นมาและจากไปช้าๆ ฝีเท้าของมันหนักอึ้ง ย่ำผ่านถนนสายยาวจนแผ่นหินแตกร้าว คล้ายใครบางคนกำลังประกาศศักดา
ทุกคนต่างรู้ว่าคราวนี้กรมซือเทียนกับสำนักเซียนอวี้หูผูกความแค้นใหญ่หลวงกันเสียแล้ว
ตี้อีชิวออกมาจากร้านน้ำชา เหลือบมองเศษหินและถนนหนทางที่ชำรุดเสียหายคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “สั่งให้กรมโยธาปูถนนใหม่ บัญชีค่าใช้จ่ายส่งไปยังสำนักเซียนอวี้หู”
หลี่ลู่รับคำ “เหตุการณ์วันนี้น่ากลัวว่าเซี่ยหลิงปี้กับเซี่ยหงเฉินคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เจ้ากรมจะไม่ป้องกันมิได้นะขอรับ”
ตี้อีชิวคลี่ยิ้มอย่างเย็นชา หาได้ใส่ใจไม่ ทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน หลี่ลู่รั้งท้ายครึ่งก้าวอย่างรู้กาลเทศะพลางเอ่ยขึ้นอีก
“วันนี้เป้าอู่กลับมาแล้ว เจ้ากรมจะพบเขาสักหน่อยหรือไม่ขอรับ”
เป้าอู่คือรองเจ้ากรมซือเทียนอีกคน เวลาส่วนใหญ่เขาจะนำศิษย์ในสำนักออกไปปฏิบัติงานข้างนอก ปราบปีศาจขจัดมารให้ชาวบ้าน
ตี้อีชิวส่งเสียงตอบรับ จู่ๆ ก็ยืนนิ่งไม่ขยับ
หลี่ลู่ตกใจ คิดว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ แต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เจ้ากรมก็เดินเข้าไปในร้านแป้งชาดร้านหนึ่ง
ร้านแป้งชาดหรือ!