หลายปีมานี้เขายอมรับในความธรรมดาและความไร้ประโยชน์ของพ่อตาอย่างหวงซู่ ทั้งยังคอยถ่วงดุลความละโมบที่ไม่สิ้นสุดของพี่น้องหวงหร่าง เขายอมถอยก้าวใหญ่ที่สุดแล้วเพื่อความรักของตนเอง ดังนั้นกับหวงหร่างเขาจึงเย็นชาและยับยั้งชั่งใจตนเองมาตลอด ถึงขั้นเรียกได้ว่ามีเจตนาละเลยนาง
เขาให้หวงหร่างอยู่ในหอฉีลู่ และตนเองก็ไปที่นั่นน้อยครั้งยิ่ง
เซี่ยหลิงปี้ทำข้อตกลงกับเขาโดยอนุญาตให้เขาไปที่นั่นทุกวันได้ แต่จะอยู่ได้แค่หนึ่งชั่วยาม ทว่าอันที่จริงเวลาส่วนใหญ่เขาไม่ได้ไป
ต่อให้ความปรารถนามากล้นพัวพันอย่างลึกซึ้ง เขาก็สามารถนิ่งเฉยต่อมันได้ และเขาก็รู้ว่าหวงหร่างไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้
แล้วก็จริงดังคาด หวงหร่างไม่สนใจจริงๆ
ดูเหมือนนางจะไม่มีคำกล่าวโทษใดๆ ไม่ว่าเวลาใดขอเพียงเขาไปหา นางจะแต่งตัวอย่างประณีตออกมาต้อนรับเสมอ นางอยู่ในหอฉีลู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน ศึกษาค้นคว้าสุรารสเลิศ ชาชั้นดี และขนมต่างๆ
เซี่ยหงเฉินไม่ชอบให้นางปรับปรุงเมล็ดพันธุ์จำหน่าย เขาคิดว่าการที่ฮูหยินประมุขสำนักเข้าๆ ออกๆ ท้องนาถึงอย่างไรก็ดูไม่งาม ด้วยเหตุนี้แม้กระทั่งเรื่องพวกนี้หวงหร่างก็ละทิ้งไปด้วย
เพียงเพราะเซี่ยหงเฉินชอบกล้วยไม้ นางจึงปลูกกล้วยไม้ไว้ทั่วสำนักเซียนอวี้หู
เวลาร้อยกว่าปีนางเปลี่ยนตนเองจาก ‘เทพธิดาเสวียนตู้’ ที่ชื่อเสียงเลื่องลือในโลกภายนอกกลายเป็นฮูหยินประมุขสำนักที่ได้รับความเคารพรักใคร่จากศิษย์สำนักเซียนอวี้หูอย่างยิ่ง
นางควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีมาก มีทักษะในการคบหากับผู้อื่น ทั้งยังเชี่ยวชาญการซื้อใจคน กอบโกยชื่อเสียงบารมีให้ตนเอง ดังนั้นทุกคนจึงยกย่องนางว่าอ่อนโยนสง่างาม เพียบพร้อมด้วยจรรยาและคุณธรรม
เซี่ยหงเฉินคิดว่าตนไม่ควรชื่นชอบสตรีเช่นนี้
สตรีผู้นี้ความคิดในใจกับสิ่งที่แสดงออกมาไม่ตรงกัน ทำทุกอย่างโดยมีเป้าหมายของตนเอง…นางรู้ดีเกินไปว่าตนเองต้องการสิ่งใด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนางไม่เลือกวิธีการ ปราศจากความรู้สึก นางทำให้คนจิตใจแข็งแกร่งอย่างเซี่ยหงเฉินสามารถเปลื้องอาภรณ์ร่วมอภิรมย์กับนางก่อนแต่งงานได้
ความจริงแล้วในใจเซี่ยหงเฉินดูแคลนสตรีผู้นี้ แต่สิ่งที่สตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นไม่กล้าทำ นางล้วนกล้าทำทั้งหมด ความเย้ายวนรัญจวนจิตที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นช่างตราตรึงใจและฝังลึกในกระดูกเกินไป แม้เขาจะมีสติตื่นรู้ แต่ก็ไม่วายหลงใหลไปกับมัน
ก่อนที่หวงหร่างจะหายตัวไป นางกระทำเรื่องหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้เขา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดนับตั้งแต่แต่งงานกันมาร้อยกว่าปี นางบอกเขาว่า ‘ท่านพี่เคยคิดที่จะสังเกตการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์บ้างหรือไม่ หลายวันก่อนข้าพบเจอเรื่องหนึ่ง ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด ข้าคิดอยู่มิวายว่าท่านพี่ควรจะมุ่งหน้าไปยอดเขาอั้นเหลยเพียงลำพังเพื่อตรวจสอบดูสักครั้ง’
เซี่ยหงเฉินตำหนินางด้วยความโมโหทันที เนื่องจากรู้ว่าเซี่ยหลิงปี้มีอคติกับนางมาก เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงอย่างสุดกำลังมิให้ทั้งสองข้องแวะกัน ปกติเซี่ยหลิงปี้ไม่ไปหอฉีลู่ หวงหร่างเองก็ไม่ไปยอดเขาอั้นเหลย
แม้เขาจะอาลัยในความเย้ายวนของหวงหร่าง แต่จะไม่มีวันยอมให้สตรีผู้นี้กล่าวหาอาจารย์ผู้มีพระคุณของตนเป็นอันขาด ดังนั้นเขาจึงไม่พูดมากอีก สะบัดแขนเสื้อจากไป
หลังจากนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนเขาก็ไม่ได้ไปเยือนหอฉีลู่อีก และภายหลังหวงหร่างก็หายตัวไป
เขาคิดว่านางวางอุบายอยากให้เขาร้อนใจ ทว่านับจากนั้นเป็นเวลาสิบปีเขาก็ไม่ได้พบเจอนางอีก
ครั้งนั้นเป็นการพบหน้ากันครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขา