ในห้วงสมองของหวงหร่างพลันเกิดประกายหินไฟวาบขึ้นมา นางนึกออกทันใด…ตี้อีชิวผู้นี้ชาติกำเนิดไม่ต่ำต้อย เขาเป็นพระโอรสของซือเวิ่นอวี๋ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จะว่าไปแล้วก็เป็นองค์ชายพระองค์หนึ่ง
เพียงแต่ซือเวิ่นอวี๋มีพระโอรสพระธิดามากเกินไป องค์ชายมีมากมายดุจสุนัข แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นคนไร้คุณค่า
ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือซือเวิ่นอวี๋แสวงหาหนทางสู่ความเป็นอมตะ จึงไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทสักที ถึงขั้นกังวลว่าบรรดาพระโอรสทั้งหลายจะมีใจเป็นอื่น จึงบีบคั้นให้องค์ชายเหล่านี้เปลี่ยนชื่อสกุล จากนั้นก็ขับออกจากราชสกุลทีละพระองค์
ด้วยเหตุนี้ฐานะองค์ชายของตี้อีชิวจึงยิ่งไม่มีค่าควรให้เอ่ยถึง
พี่ห้าของตี้อีชิวแค่นเสียงเย็นชา “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าใช้ไม้พลองลงทัณฑ์คนของสำนักเซียนอวี้หูที่หน้าตลาด ถึงขั้นขัดแย้งกับตาเฒ่าเซี่ยหลิงปี้นั่นตรงๆ ฝ่าบาทย่อมต้องส่งข้ามาดูว่าใต้เท้าเจ้ากรมซือเทียนอย่างเจ้าองอาจน่าเกรงขามมากเพียงใด”
“ที่แท้เป็นเรื่องนี้เอง” ตี้อีชิวไม่สะทกสะท้าน ยิ้มพลางตอบว่า “ข้าเพียงทำตามพระราชโองการของฝ่าบาท ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของราชสำนักเท่านั้น”
“หึ เจ้าจะล่วงเกินพวกเขาก็ต้องคิดดูให้ดีว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากพวกเขาอย่างไร ใกล้ถึงกำหนดส่งมอบยาลูกกลอนอายุวัฒนะแล้ว ฝ่าบาทไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นด้วยเหตุนี้” เขาพูดพลางยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของหวงหร่าง “ของเล่นชิ้นนี้ของเจ้าทำได้ประณีตนัก” แม้เขาจะเอ่ยชม แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแววดูแคลน “เซี่ยหงเฉินกอดคนจริง เจ้ากลับมากอดวัตถุไร้ชีวิตอยู่ตรงนี้ ไม่เลวจริงๆ”
หวงหร่างอยากหลบมือเขา แต่นางทำไม่ได้ นางรังเกียจคนผู้นี้ รังเกียจทั้งน้ำเสียงและสัมผัสของเขา
พี่ห้าของตี้อีชิวผู้นี้มีเจตนาดูหมิ่นอย่างเห็นได้ชัด ปลายนิ้วของเขาเลื่อนลง ลูบไล้ผ่านลำคอของหวงหร่างหมายจะเปิดคอเสื้อนางออก ตี้อีชิวเดินช้าๆ เข้าไป เสียงดั่งสายลมวสันต์
“ในเมื่อพี่ห้าชื่นชอบ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งไปให้ที่จวนของท่าน”
…ท่านยอมจำนนเร็วเกินไปแล้วกระมัง…หวงหร่างพูดไม่ออก นางได้แต่คิดเงียบๆ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขายังคงคิดจะแก้แค้นข้าอยู่
“ฮ่าๆ เจ้ารู้กาลเทศะทีเดียว ได้” บุรุษผู้นั้นรับคำอย่างฉับไว “เช่นนั้นก็ให้เป้าอู่เป็นคนส่งของมาให้ข้าแล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าเขายังคงแค้นใจกับการกระทำของเป้าอู่เมื่อครู่ เคราะห์ดีที่ข้อเสนอของตี้อีชิวบรรเทาโทสะของเขาได้…ตุ๊กตาตัวนี้แม้จะเป็นของปลอม แต่ประณีตและเสมือนจริงเหลือเกิน ความนุ่มเนียนของผิวหนังและความเย้ายวนของคิ้วตาดึงดูดความสนใจและความคาดหวังของเขาได้อย่างแท้จริง ฝีเท้าของเขาก้าวออกไปข้างนอก เดินไปพลางพูดไปพลาง
“ยาลูกกลอนอายุวัฒนะหลอมไปถึงขั้นใดแล้ว”
ตี้อีชิวถือโอกาสหมุนเก้าอี้ล้อเข็น ทำให้ภาพตรงหน้าของหวงหร่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางนั่งหันหน้าเข้าหาผนัง ได้แต่จ้องผนังตรงหน้า
หลี่ลู่กับเป้าอู่คุกเข่าอยู่หน้าประตู ส่วนตี้อีชิวเดินออกมากับพี่ห้าของเขา
ตี้อีชิวขยับมือขวาเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน “การหลอมยาลูกกลอนอายุวัฒนะราบรื่นดี ข้าจะพาพี่ห้าไปดู” พอกล่าวถึงตรงนี้เขาก็ชะงัก จากนั้นมือขวาก็เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า จู่โจมไปยังหัวใจบุรุษตรงหน้า
พี่ห้าของตี้อีชิวรู้สึกได้ จึงตวาดเสียงเกรี้ยวกราด เกล็ดงูชั้นหนึ่งผุดขึ้นบนร่าง แม้จะสกัดไว้ด้วยสองมือ ทว่าไม่ทันการณ์โดยสิ้นเชิง! ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหักดังกังวาน สองมือของเขาหักเสียแล้ว ได้แต่ถอยไปข้างหลังจนแผ่นหลังติดผนัง
ตี้อีชิวลงมือว่องไวปานสายลม ใช้สองนิ้วทำลายเกล็ดป้องกันของอีกฝ่าย จากนั้นก็จี้ไปยังหัวใจ กระแสปราณก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องในร่างกายพี่ห้าของเขา
ลำคอพี่ห้าของเขามีโลหิตทะลักออกมาจากมุมปากหยดลงบนพื้น ตี้อีชิวเก็บมือขวากลับมา มือขวาของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดงูสีเขียวตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้!
ทว่าเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเกล็ดงูบนมือของตี้อีชิวก็เลือนหายไป เขายิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบ “วิชาเลิศล้ำได้ด้วยความเพียร สูญสิ้นเมื่อละเลย พี่ห้าควรตั้งใจฝึกวิชาให้ดี”
“ตี้อีชิว เจ้า! เจ้าถึงกับกล้า…เจ้าไม่กลัวฝ่าบาท…” พี่ห้าของตี้อีชิวไม่อยากจะเชื่อ แต่คำพูดเอ่ยถึงตรงนี้กลับหยุดลง เขาล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง สองขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหางงู
จากนั้นเขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งงูตนหนึ่ง
“เจ้ากรม…” เป้าอู่เหมือนเพิ่งได้สติกลับมา แม้แต่ชาวยุทธ์อย่างเขายังกดเสียงต่ำลงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวร้ายแรงยิ่ง
ตี้อีชิวดึงผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาเช็ดสองมือของตนเอง ส่วนศพพี่ห้าของเขาดูอ่อนยวบ โพรงอกค่อยๆ มีโลหิตสีแดงซึมออกมา…ตี้อีชิวเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไป เกล็ดงูที่แข็งแกร่งมิอาจทำลายก็แตกออก
หลี่ลู่เหมือนเพิ่งได้สติกลับมา เขารีบลุกไปปิดประตูแล้วเตือนว่า “เจ้ากรม นายท่านห้าตายที่นี่ ฝ่าบาทจะต้องสืบสาวราวเรื่องเป็นแน่!”
คำพูดของเขาเจือน้ำเสียงร้อนรนอยู่มากทีเดียว