เหมียวอวิ๋นจือเอ่ยอย่างรวดเร็ว “เมื่อความฝันนี้จบลงเกรงว่าทุกคนย่อมต้องสงสัยว่าต้นเหตุเกี่ยวข้องกับหวงหร่าง เช่นนั้นผาไป๋กู่ก็มิอาจปกป้องนางได้” ความคิดของเขากระจ่างแจ้ง วางแผนรับมือในทันที “เจ้าต้องพานางกลับไปกรมซือเทียน คุ้มกันอย่างเข้มงวด!”
ตี้อีชิวรับคำ จากนั้นก็เอ่ยว่า “มิทราบว่าข้าขอเชิญผู้อาวุโสเดินทางไปเมืองหลวงและพักอยู่ที่นั่นสักระยะได้หรือไม่”
เหมียวอวิ๋นจืออึ้งงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วตอบรับ “ได้”
ตี้อีชิวไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับปากอย่างง่ายดาย เขายังเตรียมคำพูดโน้มน้าวไว้มากมาย เหมียวอวิ๋นจือกลับโบกมือ
“ห้วงฝันแปลกประหลาดถึงเพียงนี้ ประเด็นสำคัญล้วนอยู่ที่สตรีผู้นี้ ความฝันยาวนานหนึ่งร้อยปี บัดนี้เกรงว่าใต้หล้าคงวุ่นวายโกลาหล แม้ผาไป๋กู่เป็นดินแดนที่เร้นกายจากโลกภายนอก กระนั้นคนที่มีชีวิตอยู่ในใต้หล้านี้จะเร้นกายจากใต้หล้านี้ได้อย่างไร”
เวลานี้ทุกคนในใต้หล้าต่างตื่นจากความฝัน
หากบอกว่าความฝันครั้งแรกทุกคนแค่รู้สึกตกใจและประหลาดใจเท่านั้น เช่นนั้นความฝันครั้งนี้ก็เริ่มทำให้คนรู้สึกหวาดหวั่นแล้ว
เพราะความฝันครั้งนี้ยาวนานถึงร้อยปี ผู้คนและเรื่องราวมากมายล้วนแตกต่างไปจากนอกความฝัน
ดังนั้นคนที่เดิมทีตายไปแล้วนอกความฝัน บัดนี้จึงทยอยปรากฏตัว
แต่ความทรงจำของพวกเขาล้วนเป็นความทรงจำในความฝันทั้งสิ้น พวกเขาถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกความฝันพวกเขาได้ตายไปแล้ว
สำนักเซียนอวี้หู
เซี่ยหงเฉินตื่นขึ้นมาในตำหนักเยี่ยอวิ๋น สองตาของเขายังคงมีแถบผ้าสีขาวพันอยู่ ความรู้สึกในความฝันโถมทะลักเข้ามาอย่างครอบฟ้าคลุมดิน
การอยู่ร่วมกับหวงหร่างตลอดร้อยปีประหนึ่งเหตุการณ์ที่ฉายชัดตรงหน้า
เขาลงจากเตียง เดินไปยังตำหนักด้านหลัง ลานฝึกยุทธ์กลับว่างเปล่า ไม่มีหวงหร่าง
เซี่ยหงเฉินเดินผ่านโต๊ะทำงาน จากนั้นก็พบว่าบนโต๊ะมีกล้วยไม้กระถางหนึ่งวางอยู่จริงๆ!
หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น คนแทบจะโผเข้าไปอย่างซวนเซ
ขณะที่มือเขาสัมผัสถูกกล้วยไม้ กล้วยไม้นั้นกลับหลอมละลายทันที มันเปลี่ยนรูปและหยดลงมาช้าๆ สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรทั้งสิ้น
บนโต๊ะว่างเปล่า สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ดุจภาพมายา
เซี่ยหงเฉินเก็บมือกลับมา เขาเรียกกระบี่แห่งจิตออกมา บังคับกระบี่มุ่งหน้าไปตำหนักหลัวฝูทันที!
ตำหนักหลัวฝู
เซี่ยหลิงปี้ใช้สองมือกุมศีรษะ ร้องโหยหวนไม่หยุด
เซี่ยหงเฉินก้าวเข้าไป เนื่องจากมีประสบการณ์ตอนเข้าสู่ความฝันครั้งแรกแล้ว เขาถึงขั้นไม่รู้สึกแปลกใจ
จริงดังคาด เซี่ยหลิงปี้สูญเสียพลังวัตรไปมาก อีกทั้งกะโหลกยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่เกรงว่านี่มิใช่สิ่งที่ร้ายแรงที่สุด
…ในความฝันต่อหน้าผู้คนในสำนักเซียนมากมายนับไม่ถ้วน เซี่ยหลิงปี้ใช้กระบี่แห่งจิตต่อสู้กับหวงหร่าง ทว่ากลับพ่ายแพ้
พ่ายแพ้ยังไม่เท่าไร เขาถึงขั้นทำลายเขตอาคมจำกัดพลังวัตรในลานฝึกยุทธ์ หมายจะสังหารหวงหร่างให้ตาย
ปรมาจารย์สูงส่งผู้หนึ่งถูกชนรุ่นหลังในสำนักเอาชนะ หลังจากพ่ายแพ้ก็อับอายจนกลายเป็นโกรธ ทำลายเขตอาคมลงมืออย่างโหดเหี้ยม สุดท้ายก็ถูกหุ่นกลนักรบของกรมซือเทียนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
คำพูดเหล่านี้ไม่ว่าประโยคใด สำหรับชื่อเสียงของเซี่ยหลิงปี้ล้วนเป็นการโจมตีขั้นทำลายล้าง
“จับตัวนางชั้นต่ำผู้นั้นไว้!” เซี่ยหลิงปี้คว้าข้อมือของเซี่ยหงเฉิน น้ำเสียงเกรี้ยวกราดดั่งผีร้าย “ข้าจะแล่เนื้อนางออกมาทีละชิ้นให้นางตายอย่างทรมาน ระบายความแค้นในใจ!”
เขากลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เซี่ยหงเฉินมองดูคนตรงหน้า รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซี่ยหลิงปี้ให้ความสำคัญกับฐานะของตนเองอย่างยิ่ง ไม่เคยเสียกิริยาถึงเพียงนี้