หลี่ลู่ที่คอยจดบันทึกอยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ได้ยินเรื่องการตายของตนเองแล้วไม่มีอาการผิดปกติ”
เหมียวอวิ๋นจือพูดออกมาอย่างอดไม่อยู่ “เมื่อครู่ตอนอยู่ผาไป๋กู่พวกเขาแตะต้องศพของตนเองแล้วจึงละลายหายไป”
เป้าอู่ได้ยินดังนั้นก็คว้านักโทษคนหนึ่งมา หิ้วตัวเขาไปยังข้างศพของตนเอง ยามนี้นักโทษคนนั้นเริ่มสงสัยแล้วว่านี่เป็นแผนการของราชสำนัก
เขาดิ้นรนไปพลางร้องด่าอย่างเดือดดาลไปพลาง
เป้าอู่กดร่างเขาลงบนศพ ในชั่วขณะที่เขาสัมผัสกับศพของตนเอง ร่างกายเขาพลันบิดเบี้ยวอย่างน่าประหลาด ต่อจากนั้นใบหน้า แขนขาทั้งสี่ ไปจนถึงทั่วร่างกายก็บิดเบี้ยวหลอมละลายในชั่วพริบตา สุดท้ายก็สลายหายไป
นักโทษอีกสามคนที่เหลือเห็นสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ก็ร้องด่าไม่ออกอีกต่อไป
สายลมระลอกหนึ่งพัดกระเพื่อมมาจากรอบด้าน นักโทษทั้งสามคนประหนึ่งควันสีเทา ทบซ้อนและบิดเบี้ยวหลายครั้ง ก่อนจะสูญสลายไปกลางอากาศเช่นกัน อย่าว่าแต่เสื้อผ้า แม้กระทั่งเส้นผมยังไม่เหลือไว้สักเส้น
ใต้เท้าทุกท่านเงียบงันไม่เอ่ยวาจา เนิ่นนานทีเดียวใต้เท้าชีจึงเอ่ยว่า “ไม่เคยพบเจอมาก่อน!”
เหมียวอวิ๋นจือที่อยู่ด้านข้างถามว่า “คนที่ฟื้นคืนชีพเหล่านี้มีอาการกระหายเลือดหรือคลุ้มคลั่งหรือไม่”
ทุกคนตรึกตรองพักหนึ่งก็พากันส่ายหน้า ใต้เท้าชีจึงเอ่ยอีกว่า “ไม่แตกต่างอะไรจากตอนที่มีชีวิตอยู่ ไม่เห็นอาการผิดปกติ”
จากนั้นก็มีคนพูดเสียงค่อย “บางทีเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกัน สวรรค์เมตตาสรรพชีวิต หากพวกเขาแค่ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีก็ไม่เห็นเป็นไร”
พอเขากล่าวเช่นนี้ก็มีคนเสียดสีทันที “มารดาของใต้เท้าโจวก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ฟื้นคืนชีพ ท่านย่อมต้องพูดเช่นนี้อยู่แล้ว”
คนผู้นั้นเงียบงันไปทันใด
วังหลวง เจดีย์หยวนหรง
พระโอรสพระธิดาที่ฟื้นคืนชีพมีมากถึงแปดสิบกว่าพระองค์
แน่นอนว่าฉิวเซิ่งไป๋เองก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง แต่เห็นคนเหล่านี้ไม่ว่าการพูดจาหรือการกระทำล้วนไม่แตกต่างจากในความฝัน ไม่มีความผิดปกติอื่นๆ จึงค่อยๆ วางใจลงได้
เขาจัดให้ทุกคนพักอยู่ในชั้นใต้ดินของเจดีย์หยวนหรงแล้วไปแจ้งซือเวิ่นอวี๋
กระนั้นซือเวิ่นอวี๋กลับมิได้พบเขา เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงล่องลอยว่า “ในเมื่อสวรรค์เมตตา เช่นนั้นก็ดูแลพวกเขาให้ดีเถิด”
ฉิวเซิ่งไป๋ได้รับคำสั่ง กอปรกับพระโอรสพระธิดาเหล่านี้มิได้น่ากลัวเหมือนปีศาจร้าย จึงได้แต่จัดหาที่พักให้พวกเขาใหม่
ในจำนวนนั้นองค์ชายห้าซึ่งมีนามเดิมว่าซือเยี่ยนจือ ภายหลังถูกบังคับให้เปลี่ยนไปใช้สกุลจ้าว จึงมีชื่อว่าจ้าวเยี่ยนจือ
นอกความฝันเขา ‘หายสาบสูญ’ ไปนานแล้ว บัดนี้กลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แม้กระทั่งฉิวเซิ่งไป๋เองยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เรื่องคนตายฟื้นคืนชีพแพร่สะพัดไปอย่างครึกโครมในเวลาอันรวดเร็ว
ตามความเห็นของตี้อีชิวควรบุกเบิกพื้นที่ใหม่ให้คนเหล่านี้อยู่แยกต่างหากจากคนทั่วไป เพื่อป้องกันมิให้เกิดเภทภัยขึ้น
แต่ยามบ่ายซือเวิ่นอวี๋กลับประกาศพระราชโองการฉบับหนึ่ง
เนื้อความในพระราชโองการคือฟ้าดินมีเมตตา ให้กำเนิดและเลี้ยงดูสรรพสิ่ง สรรพสิ่งก่อกำเนิดและเติบโต ตายไปและดับสูญ จากนั้นก็ก่อกำเนิดและเติบโตอีกครา ในเมื่อได้มีชีวิตใหม่ก็เหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง
พระราชโองการฉบับนี้ถูกประกาศออกไปภายในวันนั้น ดังนั้นคนที่ฟื้นคืนชีพในความฝันจึงได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป
ราษฎรต่างซาบซึ้งในพระเมตตาของฮ่องเต้ ทว่าก็มีคนหวาดหวั่นเป็นกังวลเช่นเดียวกัน ชั่วขณะจึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว