กรมซือเทียน
กองเสวียนอู่อยู่ระหว่างการซ่อมแซม เนื่องจากยามกลางวันใต้เท้าเจ้ากรมกับเซี่ยหงเฉินต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้หอพักศิษย์ในกองเสวียนอู่ถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง
คนของกรมโยธาได้แต่พร่ำบ่นไปพลางตากหิมะเร่งซ่อมแซมไปพลาง
ใต้เท้าเจ้ากรมไม่สะดวกที่จะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ทว่าสถานที่เช่นนี้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เขาย่อมมิอาจพาหวงหร่างไปด้วยได้
ดังนั้นใต้เท้าเจ้ากรมจึงเข็นหวงหร่างไปจนถึงห้องหนังสือของกองวิหคเพลิง
ในห้องมีเอกสารทับถมจนสูงเป็นภูเขา
เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว บัดนี้เกิดความฝันประหลาดที่กินเวลาร้อยปี ทั้งยังเกิดเรื่องน่าตกใจถึงเพียงนี้ ไม่พูดถึงชาวบ้านและทางการ แม้กระทั่งสำนักเซียนยังวุ่นวายโกลาหล กรมซือเทียนย่อมใกล้จะถูกเอกสารจมมิดเต็มที
ตี้อีชิวเข็นหวงหร่างเข้าไป จากนั้นก็ลูบศีรษะนางเบาๆ พลางพูดว่า “เจ้ารออยู่ที่นี่ ยามดึกเหมียวอวิ๋นจือน่าจะมาฝังเข็มให้เจ้า”
เมื่อจะจากไป เขาพลันนึกถึงคำพูดของนางยามอยู่ในความฝันขึ้นมาได้
‘ท่านต้องรับปากข้า ภายภาคหน้าต่อให้แต่งภรรยามีบุตรแล้วก็ห้ามไม่สนใจข้าเด็ดขาด! ห้ามให้พวกนางมารังแกข้า ข้ากลัวความมืด ต้องจุดโคมไฟไว้ตลอด ข้าไม่ชอบอยู่คนเดียว ท่านไปที่ใดต้องพาข้าไปด้วย ยามกลางคืนเวลาเข้านอนก็ต้องอยู่กับข้า ต้องพูดคุยกับข้าให้มากๆ…’
ต่อจากนั้นคนผู้นี้ทำท่าผิดหวังเหลือแสน พูดอย่างอ่อนแรง ‘ช่างเถิด หากพูดเช่นนี้ต่อไปข้าคงจะเรียกร้องมากเกินไป ช่างเถิด’
ใต้เท้าเจ้ากรมกุมมือนาง เอ่ยเสียงแผ่ว “สิ่งที่เจ้าพูดในความฝันข้าจดจำได้ทั้งหมด เจ้าไม่ต้องห่วง แค่ว่าบริเวณที่กำลังซ่อมแซมฝุ่นฟุ้งเกินไป ไม่ดีต่อเจ้า เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา ดีหรือไม่”
แน่นอนว่าหวงหร่างไม่อาจตอบได้ ดังนั้นเขาจึงย้อนนึกถึงคำพูดของนางในความฝันต่อ
“ต้องพูดคุยกับเจ้าให้มากๆ…พูดคุยกับเจ้าให้มากๆ…”
สายตาของใต้เท้าเจ้ากรมกวาดมองไปรอบด้าน สุดท้ายก็จับอยู่ที่สิ่งหนึ่ง
นั่นอย่างไร!
นั่นเป็นศิลาทวนเสียงก้อนหนึ่ง รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนหินกรวดแม่น้ำ สะอาดเกลี้ยงเกลาและเปล่งประกาย
ใต้เท้าเจ้ากรมหยิบมันขึ้นมาและถ่ายพลังวิเศษเข้าไป จากนั้นก็ยื่นมันมาที่ข้างริมฝีปากพลางพูดว่า “ผิงไฟอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา”
กล่าวจบเขาก็พยักหน้า วางหินก้อนนี้บนมือทั้งสองของหวงหร่างอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้นใต้เท้าเจ้ากรมก็เปิดประตูเดินออกไป
ประตูห้องปิดลง ในห้องมีเพียงเสียงถ่านไฟเผาไหม้ในอ่างไฟ ที่นี่น่าจะมีข่ายอาคมปิดกั้น เสียงจากกองเสวียนอู่จึงลอยเข้ามาไม่ได้
สายตาของหวงหร่างเลื่อนต่ำลงช้าๆ จับจ้องก้อนหินในมือ…นี่คืออะไร
ไม่นานนักนางก็ได้รับคำตอบ
เห็นเพียงหินก้อนนั้นกะพริบแสงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง หลังจากนั้นก็มันเริ่มเปล่งเสียง “ผิงไฟอยู่ที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา”
น้ำเสียงและสำเนียงล้วนเหมือนที่ตี้อีชิวพูดเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด
ทว่านี่ยังไม่น่ากลัว
สิ่งที่น่ากลัวคือมันเปล่งเสียงพูดประโยคนี้ซ้ำๆ ไม่หยุด
พอกะพริบแสงมันก็เริ่มพูด พอแสงดับลงมันก็พูดจบประโยคพอดี วนเวียนไปมาเช่นนี้
…หวงหร่างจับจ้องเจ้าสิ่งนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
…ช่วยข้าด้วย ใครก็ได้มาช่วยข้าที!
เมื่อแสงจากท้องฟ้ามืดสลัวลงก็มีคนเข้ามาจุดเทียนไข
หวงหร่างใช้สายตาส่งสัญญาณสุดชีวิต หวังว่าผู้ที่มาจะมีไหวพริบ สามารถเอาก้อนหินที่ส่งเสียงหนวกหูไม่หยุดออกไปจากมือนางได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนทำเช่นนั้น หวงหร่างได้แต่จับจ้องเจ้าสิ่งนี้ด้วยสีหน้าสิ้นหวังไร้ที่พึ่ง