จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท ตี้อีชิวก็กลับมาจริงๆ
เขาถอดชุดคลุมกันลมสีดำ สะบัดเกล็ดหิมะบนนั้นออกแล้วพับให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นในที่สุดเขาก็หยิบก้อนหินบัดซบนั่นออกไปจากมือหวงหร่าง
ก้อนหินนั่นเมื่ออยู่ในมือเขาก็ถูกดึงพลังวิเศษออกไป จึงหุบปากได้ในที่สุด
ใต้เท้าเจ้ากรมกุมมือหวงหร่าง ถามอย่างอ่อนโยน “เช่นนี้รู้สึกดีขึ้นมากใช่หรือไม่”
ดีอะไรกันเล่า หวงหร่างถูกเสียงนั่นรบกวนจนปวดหู พอได้ยินเช่นนี้แล้วก็ได้แต่ทำหน้าแข็งทื่อ
“กองเสวียนอู่ยังคงอยู่ระหว่างการซ่อมแซม พวกเราพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวสักคืนดีหรือไม่” ตี้อีชิวเข็นเก้าอี้ล้อเข็นของนางไปยังข้างโต๊ะทำงาน แม้จะเป็นคำถาม แต่กลับคุ้นชินเสียแล้วที่นางไม่ตอบ
บนโต๊ะทำงานมีเอกสารทางการกองอยู่มากมาย เขาสุ่มหยิบขึ้นมาฉบับหนึ่ง กำลังจะเปิดดูก็หันไปเห็นหวงหร่างนั่งนิ่งอยู่ด้านข้าง
“เจ้าคงเบื่อแย่แล้วกระมัง ข้าจะหาของสนุกให้เจ้าดูดีหรือไม่” เขาอุ้มหวงหร่างขึ้นมา ให้นางนั่งลงบนตักตนเอง
หวงหร่างรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหลังนางทั้งแข็งแรงและอบอุ่น ในที่สุดความบอบช้ำที่เกิดจากศิลาทวนเสียงก็บรรเทาลงเล็กน้อย
ใต้เท้าเจ้ากรมกึ่งโอบนางไว้และเริ่มอ่านเอกสารเหล่านี้
“บุรุษผู้หนึ่งในอำเภอเติงสุ่ย ภรรยาตายกลับไม่แจ้งทางการ อยู่กินกับภรรยาเป็นเวลาครึ่งปี ศพของภรรยาไม่เน่าเปื่อย ขุนนางผู้น้อยเกรงว่าจะมีเรื่องลี้ลับแฝงอยู่จึงตั้งใจรายงานมายังกรมซือเทียน ขอท่านโปรดส่งคนไปตรวจสอบ” ใต้เท้าเจ้ากรมจรดพู่กันเขียนเอกสารพลางถาม “น่าสนใจทีเดียวใช่หรือไม่”
เอ่อ…หวงหร่างไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้
ไม่นานนักใต้เท้าเจ้ากรมก็พลิกเอกสารอีกฉบับ เขาอ่านต่อ “เนื่องจากขัดสนเงินทอง พ่อค้าในเมืองชิงโจวจึงปล้นสุสานยามราตรี เห็นศพสตรีงดงามก็บังเกิดราคะ เสพสังวาสกับศพ หลังกลับมาบ้านเกิดฝีหนองตามร่างกาย หนองพิษไหลเยิ้ม…”
หวงหร่าง “…”
…เรื่องที่ท่านเล่านี้ไม่เรียกว่าน่าสนใจ แต่เรียกว่าเหลวไหลต่างหาก
ทว่าใต้เท้าเจ้ากรมกลับอ่านเอกสารทางการให้นางฟังฉบับแล้วฉบับเล่า อีกทั้งเขายังคิดว่าตนเองช่างเอาใจใส่ทีเดียว ข้ามเหตุการณ์โหดเหี้ยมที่เต็มไปด้วยคาวเลือดพวกนั้นไป เหลือไว้เพียง ‘เรื่องเล่าประหลาด’ ที่นำมาแบ่งปันกับนาง
หวงหร่างรับฟังจนถึงยามดึก ในที่สุดเหมียวอวิ๋นจือก็ผลักประตูเข้ามา ดูเหมือนว่าคงถึงเวลาฝังเข็มให้นางแล้ว หวงหร่างเห็นเขาแล้วก็ประหนึ่งเห็นดาวช่วยชีวิต
…ตี้อีชิว คำพูดของข้าในความฝัน ท่านลืมไปเสียเถิด
เหมียวอวิ๋นจือมองคราเดียวก็เห็นสถานการณ์ภายในห้อง จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว เวลานี้ตี้อีชิวนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ส่วนหวงหร่างนั่งอยู่บนตักเขา ถูกเขากึ่งโอบไว้ในอ้อมอก ท่วงท่าเช่นนี้ออกจะใกล้ชิดเกินไปจริงๆ
“ระวังภาพลักษณ์ด้วย!” เหมียวอวิ๋นจือตำหนิประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กางกระเป๋าใส่เข็มออก เข็มเงินข้างในมีขนาดหนาบางสั้นยาวไม่เท่ากัน
ตี้อีชิวอุ้มหวงหร่างไปวางบนเก้าอี้ล้อเข็น ปล่อยมวยผมของนางออก ให้เรือนผมยาวของนางแผ่สยายลงมาดุจสายน้ำ
จากนั้นเหมียวอวิ๋นจือก็เริ่มฝังเข็มให้หวงหร่าง
“ในความฝันประหลาดครั้งก่อนนางพูดอะไรบางอย่างกับข้า ผู้อาวุโสคิดว่าสติรับรู้ของนางยังแจ่มชัดอยู่หรือไม่” ตี้อีชิวนั่งอยู่ด้านข้างระหว่างที่เหมียวอวิ๋นจือฝังเข็ม สายตาเขาจับจ้องไปที่หวงหร่าง
“เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกร้ายกาจเกินไป ผู้ที่ถูกลงทัณฑ์ด้วยสิ่งนี้ ความเจ็บปวดยากที่คนทั่วไปจะนึกได้” เหมียวอวิ๋นจือเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ท่าทางของนางอ่อนแอเช่นนี้ ทั้งยังถูกลงทัณฑ์มานานปี เจ้าคิดว่านางยังหลงเหลือสติรับรู้อยู่สักกี่ส่วนเล่า”
ตี้อีชิวรับคำ ก่อนหน้านี้เขาก็คิดเช่นนี้