หวงหร่างหันมองไปทางลานเรือน ร้อนใจอย่างยิ่ง
นางไม่อยากให้คนในลานเรือนตัดสินแพ้ชนะกันเช่นนี้ สาเหตุหลักเป็นเพราะห่วงว่าตี้อีชิวจะสู้ไม่ได้
แม้เซี่ยหงเฉินจะน่าโมโห ทว่ามิใช่คนที่คุยโวโอ้อวดแน่นอน
เทียบกับเขาแล้ว ตี้อีชิวนับเป็นชนรุ่นหลังอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นเพียงช่างฝีมือคนหนึ่ง เกรงว่าในด้านพลังวัตรคงจะเสียเปรียบเป็นพิเศษ
ส่วนในลานเรือน ใต้เท้าเจ้ากรมย่อมไม่ใช้แต่กำลังเข้าสู้อยู่แล้ว
ในเมื่อรับศึกแล้วย่อมต้องต่อสู้อย่างสุดฝีมือ เซี่ยหงเฉินร้ายกาจใช่ว่าเขาจะไม่รู้
หากมีแต่คนของกรมซือเทียนก็แล้วไปเถิด ถึงอย่างไรในปากคนเหล่านี้ก็ไม่อาจมีงาช้างงอกออกมา ได้อยู่แล้ว ทว่าหวงหร่างอยู่ในห้องโถงรับแขก หากเขาถูกเซี่ยหงเฉินกดลงกับพื้นตีจนฟันร่วงและต้องเที่ยวหาฟันไปทั่วพื้นเล่า…
แค่คิดก็สยดสยองแล้ว
ด้วยเหตุนี้ใต้เท้าเจ้ากรมจึงงัดไพ่ตายออกมาใช้ทั้งหมด
ในวัตถุวิเศษเก็บของของเขามีทั้งกลไก กับดัก อาวุธลับ ถึงขั้นมีระเบิด เกรงว่าแม้แต่เซียนกระบี่อันดับหนึ่งก็ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน
และเซี่ยหงเฉินก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนจริงๆ
เหล็กขนาดใหญ่ที่ยิงอสนีเพลิงออกมาจากกระบอกยาวได้ ทำให้บนพื้นเต็มไปด้วยเศษหินและเกล็ดน้ำแข็งนั่นคืออะไร
ทั้งยังมีลูกกลมที่ฝังตัวอยู่ในหิมะ ทั่วทั้งลูกเต็มไปด้วยหนามยาว พอเหยียบก็จะพ่นเข็มพิษนับไม่ถ้วนออกมานั่นคืออะไร
เอาเป็นว่ากองเสวียนอู่ในวันนี้ ใต้เท้าเจ้ากรมกำลังต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะกับเซียนกระบี่อันดับหนึ่งอยู่
เซี่ยหงเฉินที่โกรธจัดรู้สึกตกใจเช่นกันเมื่อพบว่าคนผู้นี้รับมือได้ยากทีเดียว
ส่วนใต้เท้าเจ้ากรม…ไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว
หวงหร่างนั่งอยู่ในห้องโถงรับแขก ข้างเท้ามีอ่างไฟให้ความอบอุ่น แต่ในใจกลับร้อนรนดุจไฟเผา
หลี่ลู่ เป้าอู่ และคนอื่นๆ ทยอยรุดมาถึง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์
…สงครามครั้งนี้ไม่มีผู้ใดในกรมซือเทียนสามารถก้าวก่ายได้
ทุกคนร้อนใจจนไม่รู้จะทำเช่นไรดี เคราะห์ดีที่มีผู้ปราดเปรื่องท่านหนึ่งปรากฏตัวออกมา!
เหมียวอวิ๋นจือก้าวเข้ามา มิได้มองสองคนที่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยซ้ำ แต่ตรงเข้าไปในห้องโถงรับแขก
หวงหร่างเห็นเขาแล้ว ในที่สุดก็บังเกิดความหวังขึ้นเสี้ยวหนึ่ง
เหมียวอวิ๋นจือก้าวเท้าไปข้างหลังหวงหร่าง ยกมือขึ้นจะจับปลายเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกบนศีรษะนาง
“หากยังไม่หยุด ข้าผู้เฒ่าจะช่วยพวกท่านดึงเข็มนี้ออกมาเสีย!” เขากล่าวเสียงดุดัน
หวงหร่าง “…”
…ขอบคุณท่าน นี่ช่างเป็นความคิดที่ดีจนชวนให้ฟ้าผ่าตายจริงๆ!
ทว่าสองคนที่ต่อสู้กันอยู่ในลานเรือนกลับหยุดมือจริงๆ
กองเสวียนอู่สภาพเละเทะนานแล้ว บรรดาศิษย์ต่างหลบไปด้านข้าง ตี้อีชิวก้าวเร็วๆ เข้าไปในห้องโถงรับแขก เซี่ยหงเฉินย่อมตามไปด้วย
มือของเหมียวอวิ๋นจือยังคงทำท่าจะจับปลายเข็ม แต่เข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกนั่นกลับมิอาจแตะต้องได้ หาไม่แล้วกะโหลกศีรษะจะเจ็บอย่างรุนแรง
แววตาของหวงหร่างสั่นไหวเล็กน้อย เหมียวอวิ๋นจือเอ่ยในที่สุด “เซี่ยหงเฉิน ให้นางรั้งอยู่ที่กรมซือเทียนเถิด ที่นี่มีข้าผู้เฒ่าคอยดูแล ท่านสามารถวางใจได้”
ด้วยฐานะของเหมียวอวิ๋นจือ หากยอมเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ย่อมต้องพูดได้ทำได้