ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 67-68
บทที่ 67 หลบหนี
เซี่ยหลิงปี้ ‘สวม’ ร่างของเซี่ยหงเฉินเดินออกจากตำหนักหลัวฝูไปอย่างเปิดเผยเช่นนี้เอง ส่วนเซี่ยหงเฉินถูกกักขังอยู่ในร่างของเซี่ยหลิงปี้ แม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะตามไปยังไม่มี เขาทรุดนั่งลงบนเตียง เสียงของฉิวไฉ่ลิ่งและคนอื่นๆ ลอยมาจากข้างนอก
เซี่ยหงเฉินหลับตาพักผ่อน เขารู้ว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นกำลังถกเถียงอะไรกัน
พวกเขาไม่มีทางเห็นด้วยกับการพิจารณาตัดสินเซี่ยหลิงปี้อย่างเปิดเผย เรื่องมาถึงบัดนี้เซี่ยหงเฉินย่อมกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี
ผู้อาวุโสเหล่านั้นแม้ปกติจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในสำนัก แต่พวกเขาต่างหากที่เป็นป้ายบูชาองค์เทพ* ที่แท้จริงของสำนักเซียนอวี้หู ทั้งยังเป็นหลักยึดที่แท้จริงที่ทำให้สำนักเซียนอวี้หูได้ชื่อว่าเป็นสำนักเซียนอันดับหนึ่ง
พวกเขาแต่ละคนอายุยืนนาน อยู่เหนือโลกธุลีมานานแล้ว แน่นอนว่าในยามปกติย่อมไม่มาแก่งแย่งอำนาจช่วงชิงผลประโยชน์
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมหรือพลังวัตร พวกเขาล้วนพึงพอใจเซี่ยหงเฉินอย่างยิ่ง หลายปีมานี้ผู้อาวุโสในสำนักเซียนรักและปกป้องเซี่ยหงเฉินมาโดยตลอด ถึงขั้นให้ความสำคัญกับเขายิ่งกว่าเซี่ยหลิงปี้
แต่นี่มิได้หมายความว่าเซี่ยหงเฉินจะพิจารณาตัดสินเซี่ยหลิงปี้อย่างเปิดเผยได้!
ถึงอย่างไรเซี่ยหลิงปี้ก็เป็นประมุขสำนักคนก่อนของสำนักเซียนอวี้หู หากพลังวัตรของเขาไม่ติดขัดอะไร อีกสองร้อยกว่าปีเขาก็จะได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี
ฉิวไฉ่ลิ่งและคนอื่นๆ สามารถไม่สนใจเซี่ยหลิงปี้ ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาอาจไม่ชอบการกระทำของเซี่ยหลิงปี้
ทว่าใครก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าเซี่ยหลิงปี้ที่อยู่ในฐานะปรมาจารย์สั่งสมบารมีมาหลายปี นับเป็นส่วนหนึ่งของชื่อเสียงและหน้าตาของสำนักเซียนอวี้หูไปแล้ว
บัดนี้เซี่ยหงเฉินคิดจะพิจารณาตัดสินเซี่ยหลิงปี้อย่างเปิดเผย มิเพียงเป็นการกระทำที่ผู้เยาว์ล่วงเกินผู้อาวุโส ทว่ายังเป็นการไม่สนใจชื่อเสียงและหน้าตาของสำนัก!
ไม่ว่าเซี่ยหลิงปี้ทำอะไรลงไป บรรดาผู้อาวุโสย่อมต้องปกป้องเขาอย่างสุดกำลัง
เว้นเสียแต่ว่า…ความผิดของเขาจะหนักหนาสาหัสเกินไป ผู้คนรู้กันทั่วหล้าจนไม่ว่าใครก็มิอาจปกป้องเขาได้อีก
เซี่ยหงเฉินไม่อยากคิดเช่นนี้ เขาแลกร่างกายกับเซี่ยหลิงปี้นับเป็นการตอบแทนไมตรีฉันอาจารย์กับศิษย์ครั้งสุดท้ายอย่างเต็มที่แล้ว เขาหวังว่านับแต่นี้ไปเซี่ยหลิงปี้จะสำรวมตน หรือไม่ก็…จ่ายค่าตอบแทนในสิ่งที่ได้กระทำลงไป
ตำหนักเยี่ยอวิ๋น
‘เซี่ยหงเฉิน’ นั่งอยู่หน้าโต๊ะ ผู้อาวุโสทั้งหลายมากันพร้อมหน้าแล้ว และนั่งลงด้านข้างเขา
เขาวางท่าเป็นประมุขสำนัก ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้เอ่ยอะไร
ฉิวไฉ่ลิ่งกล่าวว่า “ประมุขสำนักก็เห็นแล้ว บัดนี้เซี่ยหลิงปี้เป็นตะเกียงที่ใกล้หมดน้ำมัน ดูไปแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่นาน หรือประมุขสำนักยังจะคว้าจับความผิดเล็กน้อยของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย”
คำพูดนี้สะท้อนความไม่พอใจอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสคนอื่นๆ แต่ละคนหน้าบึ้งตึง
บรรยากาศภายในตำหนักตึงเครียดเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าในตอนนี้เซี่ยหลิงปี้ได้กลายเป็นเซี่ยหงเฉินไปแล้ว
เขาได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ในใจย่อมคลุ้มคลั่งยินดี แต่กลับรู้สึกรังเกียจผู้อาวุโสเหล่านี้นัก
ความจริงแล้วตอนเซี่ยหลิงปี้ดำรงตำแหน่งประมุขสำนัก เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้อาวุโส เขาเป็นคนดื้อรั้นมากทิฐิ บรรดาผู้อาวุโสจึงค่อนข้างไม่พอใจเขา
เพียงแต่สำนักต้องการคนดูแล เวลานั้นในบรรดาศิษย์ทั้งหมดเซี่ยหลิงปี้ก็โดดเด่นจริงๆ
แม้ทุกคนจะไม่ชอบ แต่ก็มิได้คัดค้าน
บัดนี้เมื่อเห็นคนเหล่านี้วางอำนาจทำท่าจะเอาผิดตน แม้เซี่ยหลิงปี้จะนึกรำคาญ ทว่ากลับได้แต่เสแสร้งแสดงความใจกว้างและความอดทนออกมาผ่านใบหน้าของเซี่ยหงเฉิน!
ตาเฒ่าพวกนี้มีหรือจะนึกถึงข้าอย่างแท้จริง
ยามนี้ฉิวไฉ่ลิ่งเอ่ยว่า “หลายปีมานี้หลิงปี้คงจะกระทำเรื่องผิดพลาดมาบ้าง บัดนี้อายุขัยของเขาใกล้จะหมดลง หากประมุขสำนักยังคงติดใจเรื่องนี้ จบชีวิตเขาอย่างลับๆ เสียก็สิ้นเรื่อง ไยต้องทำให้ปลาตายตาข่ายขาด* บอบช้ำกันทั้งสองฝ่ายด้วยเล่า”
คำพูดนี้ของฉิวไฉ่ลิ่งทำเอาเซี่ยหลิงปี้ฟังแล้วบังเกิดความหนาวเหน็บในใจ
ตาเฒ่าพวกนี้คิดจะกำจัดเขาอย่างเงียบๆ จริงๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ไยเขาต้องเกรงใจอีกเล่า
ฉิวไฉ่ลิ่งเพิ่งจะพูดจบ คังเสวี่ยถงผู้อาวุโสอีกคนก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสฉิวกล่าวถูกต้อง ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือหาวิธีกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักกลับคืนมา เซี่ยหลิงปี้จะถูกพิจารณาตัดสินอย่างเปิดเผยไม่ได้”
นี่เป็นการออกคำสั่งโดยสมบูรณ์
เพลิงโทสะลุกโชนในใจเซี่ยหลิงปี้ ตอนเขาเป็นประมุขสำนักก็ต้องอดทนกับผู้อาวุโสเหล่านี้มามากพอแล้ว บัดนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะเปลี่ยนเอาร่างของเซี่ยหงเฉินมาได้ ไม่คิดว่ายังต้องอดทนกับการชี้นิ้วสั่งการของตาเฒ่าพวกนี้อีก
ในสำนักแห่งนี้คนที่หวังให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีมีเพียงเซี่ยหงเฉินที่ประกาศว่าจะพิจารณาตัดสินเขาอย่างเปิดเผย!
ช่างเป็นเรื่องขบขันจริงๆ
เซี่ยหลิงปี้ฝืนข่มกลั้นอารมณ์ไว้ แผนการชั่วร้ายอย่างหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เขากล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน ในเมื่อข้าเป็นประมุขสำนัก เรื่องนี้ย่อมสามารถตัดสินใจได้เอง ทุกคนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”
นี่เท่ากับเป็นการต่อต้านอย่างเปิดเผย! พวกฉิวไฉ่ลิ่งต่างตกใจและโมโหยิ่งนัก
…นี่มิใช่ลักษณะนิสัยของเซี่ยหงเฉิน
เซี่ยหงเฉินผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนใจกว้างเมตตาและสุภาพอ่อนโยน เขาปกครองสำนักอย่างรอบคอบระวัง ยินดีทุ่มเทความคิดจิตใจ ยึดหลักการประนีประนอม
นี่เป็นเหตุผลที่สำนักเซียนสนับสนุนเขายิ่งกว่าใคร
แต่วันนี้เหตุใดนิสัยเขาถึงเปลี่ยนไปมาก ดึงดันในความคิดของตนเพียงนี้
ตอนที่พวกฉิวไฉ่ลิ่งเดินออกจากตำหนักเยี่ยอวิ๋น แต่ละคนใบหน้าเขียวคล้ำ
เรื่องมาถึงบัดนี้ มิใช่การพิจารณาตัดสินเซี่ยหลิงปี้อย่างเปิดเผยหรือไม่อีกแล้ว แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างผู้กุมอำนาจสำนักและเหล่าผู้อาวุโส
Comments
