ชั่วเวลานั้นปณิธานของนางพุ่งถึงจุดสูงสุด สรรพสิ่งรอบด้านจับตัวแข็งอย่างช้าๆ แม้กระทั่งสายลมยังพัดช้าลง
ภาพตรงหน้านางพร่าเลือน เสียงร้องโหยหวนเป็นพันเป็นหมื่น เสียงสาปแช่ง เสียงร่ำไห้ ทุกเสียงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในหัวของนาง ไม่ไกลออกไปซือเวิ่นอวี๋ยังคงเฝ้ามองทุกอย่างนี้เงียบๆ
ยามนี้เซี่ยหลิงปี้คิดว่าหวงหร่างตายไปแล้ว
เขากำลังจะเดินไปยังวังหลวง ทันใดนั้นก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขาหันกลับไป ทว่าแม้กระทั่งการกระทำนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้ายิ่งนัก
ไกลออกไปใต้ประตูเมืองชั้นใน มนุษย์เลือดผู้หนึ่งขวางประตูเมืองไว้ เก้าอี้ล้อเข็นของหวงหร่างอยู่ข้างหลังเขา
นางชั้นต่ำ นางยังมีชีวิตอยู่!
เซี่ยหลิงปี้อยากจะเงื้อกระบี่ขึ้น ทว่าชั่วเวลานี้รอบด้านพลันมืดสลัว เขาไม่รู้สึกถึงกระบี่ของตนเอง
ในสมองของหวงหร่างเจ็บแปลบอย่างรุนแรง ทว่าความเจ็บปวดนี้กลับทำให้นางยินดีแทบเสียสติ
ในห้องลับตำหนักหลัวฝูของสำนักเซียนอวี้หูที่ไกลออกไปพันหลี่ เสียงภูตผีครวญคร่ำนับไม่ถ้วนพลันตอบสนองนาง
เมฆดำตรงขอบฟ้าปั่นป่วน เพียงไม่นานภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป
“ตี้อีชิว!” หวงหร่างลืมตาทันใด น้ำตาอาบใบหน้า นางลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นก็พบว่าตนเองมาอยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
นางอยู่ในกองฟาง ดูเหมือนกำลังนอนกลางวัน
หวงหร่างมีอาการตอบสนองอย่างฉับไว…นี่คือ…ความฝันครั้งที่สามหรือ
ตี้อีชิวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
นางก้มหน้าลง พบเข็มใบชาใสกระจ่างเล่มหนึ่งตกอยู่บนพื้น ครั้งนี้ดูเหมือนนางจะบังคับตนเองเข้าสู่ความฝัน ไม่ได้เห็นเจดีย์เก้าชั้นแปลกประหลาดองค์นั้นแล้ว รวมถึงไม่ได้เห็นบุรุษประหลาดที่สวมชุดคลุมนักพรตผู้นั้น
ตี้อีชิว ไม่รู้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
หวงหร่างรู้ว่าแปดส่วนนางคงกลับมายังตำบลเซียนฉาอีกแล้ว
…ชีวิตนี้ของนางเกิดในตำบลเซียนฉา แต่งเข้าสำนักเซียนอวี้หู หลังจากถูกทำร้ายก็ไปอยู่กรมซือเทียน จนกระทั่งปลายทางสุดท้ายคือผาไป๋กู่ ทั้งหมดก็มีเพียงไม่กี่แห่งนี้เท่านั้น
ยามนี้นางลูบใบหน้าของตนเอง…พบว่าตนยังคงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
ในปีนี้ตี้อีชิวยังไม่ถือกำเนิด
หวงหร่างเก็บเข็มใบชาใสกระจ่างบนพื้นขึ้นมา นางจับจ้องกองฟาง การได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งมิอาจนำพาความตื่นเต้นยินดีมาให้นาง
เพราะนางย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่ยังไม่มีเขา
ให้ตายเถิด แค่คิดก็ทำให้คนเสียใจแล้ว
ตี้อีชิว ความฝันนี้ข้ามาเพื่อท่าน พวกเราจะไม่แยกจากกันอีกดีหรือไม่
หวงหร่างเสียบเข็มใบชาไว้ในมวยผมแล้วเดินออกจากกองฟาง
ที่นาข้างนอกดูคุ้นเคย ทว่าก็แปลกตา ในที่นามีชาวนากำลังทำนาอยู่
หวงหร่างเดินผ่านคันนา ในที่สุดก็เห็นเงาร่างคุ้นเคยร่างหนึ่ง
“พี่สาว!” นางวิ่งเข้าไป สตรีที่กำลังตรวจดูเมล็ดพันธุ์จำหน่ายผู้นั้นเป็นหวงจวินพี่สาวของนางจริงๆ
หวงจวินในยามนี้อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่คิ้วตากลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า นางมิได้ดูไร้ทุกข์ไร้กังวลอย่างที่คนในวัยนี้พึงเป็น
อืม นางย่อมไม่เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
หวงหร่างเก็บงำรอยยิ้ม แต่กลับอดคว้ามือนางไม่ได้พลางร้องเรียกเบาๆ “พี่สาว”
แม้กระทั่งเสียงของนางยังเบาลงมาก ใบหน้าของหวงจวินปราศจากรอยยิ้ม นางล้วงห่อกระดาษห่อหนึ่งออกมาจากเอว ยื่นให้หวงหร่างพลางพูด
“เอาไปนั่งกินด้านข้าง”
หวงหร่างรับห่อกระดาษนั้นมา พอเปิดออกดูก็พบว่าเป็นผลไม้เชื่อม