เบื้องหน้า ‘เซี่ยหงเฉิน’ จู่โจมสำเร็จในคราวเดียว เขายิ้มประหลาดพลางเอ่ยว่า “ตาเฒ่าฉิว ข้าทนเจ้ามาหลายปีแล้ว”
ฉิวไฉ่ลิ่งล้วงธงห้าสีผืนหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เขาโบกธงเบาๆ คนก็หายวับไปจากที่เดิม
‘เซี่ยหงเฉิน’ โจมตีความว่างเปล่า ฉิวไฉ่ลิ่งเห็นท่าร่างและวิชาของเขาแล้ว ทว่าเนิ่นนานกว่าจะเข้าใจ “เจ้าไม่ใช่เซี่ยหงเฉิน! เจ้าเป็นใคร!”
เขาตวาดถามเสียงเฉียบขาด ส่วน ‘เซี่ยหงเฉิน’ ที่อยู่เบื้องหน้ามีไอดำรวมตัวอยู่บนร่าง ไอนั้นพัวพันธงห้าสีในมือเขา
พอฉิวไฉ่ลิ่งโบกธงอีกครั้ง หมอกดำพลันหนาขึ้น ‘เซี่ยหงเฉิน’ พุ่งเข้ามาทันใด เตะธงห้าสีในมือเขาจนลอยกระเด็น จากนั้นก็ถีบเข้าที่เอวจนเขาล้มลง
“สมัยที่ข้าเป็นประมุขสำนัก เจ้าก็ชอบบงการควบคุม คิดไม่ถึงว่าผ่านมาหลายปีเจ้ายังไม่รู้จักสำรวมตนอีก” ดวงตาของ ‘เซี่ยหงเฉิน’ เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เท้าหนึ่งเหยียบเอวอีกฝ่ายและค่อยๆ ออกแรง “ในเมื่อเจ้าสำรวมตนไม่ได้ ให้ข้าช่วยสงบใจให้เจ้าก็แล้วกัน!”
เขาซัดฝ่ามือลงไปอีกที ฉิวไฉ่ลิ่งฝืนต้านรับไว้ได้ กระบวนท่าที่คุ้นเคยนี้ทำให้เขามั่นใจในที่สุดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร!
“เซี่ยหลิงปี้!” ฉิวไฉ่ลิ่งตื่นตระหนก “เจ้า…นี่เจ้าถึงกับ…” แม้จะแน่ใจฐานะของคนตรงหน้าแล้ว ฉิวไฉ่ลิ่งก็ยังคงไม่กล้าเชื่อ “เจ้าถึงกับชิงร่างของประมุขสำนัก!”
“ประมุขสำนัก! ฮ่าๆ” เซี่ยหลิงปี้เดินเข้าไปใกล้เขาช้าๆ ใบหน้าของเซี่ยหงเฉินที่เดิมทีสูงสง่าหมดจด บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีโลหิตไหลย้อยลงมาจากเขี้ยว “เขาโง่เขลาเกินไป เด็กโง่เขลาเช่นนี้ข้าอยากจะเลี้ยงดูไว้สักหลายคนจริงๆ”
“เจ้าสังหารเขาหรือ” โลหิตของฉิวไฉ่ลิ่งจับตัวเป็นน้ำแข็ง “สิ่งที่เจ้าใช้เมื่อครู่นี้เป็นวิชามารอะไร”
เซี่ยหลิงปี้ยื่นมือออกไป มือของเซี่ยหงเฉินเดิมทีเรียวยาวสะอาดสะอ้าน แต่ยามนี้บนมือกลับเต็มไปด้วยเส้นลมปราณสีเขียวดำที่พัวพันกัน ดูแล้วน่าสยดสยองยิ่ง
“ผู้อาวุโสฉิวอยากรู้หรือ”
นิ้วมือทั้งห้าของเซี่ยหลิงปี้รวบเข้าด้วยกัน ฉิวไฉ่ลิ่งรู้สึกว่าถูกขุมพลังมหาศาลดึงดูด พลังวัตรของเขาหลั่งไหลไปยังเซี่ยหลิงปี้อย่างต่อเนื่อง
“เช่นนั้นให้ข้าอธิบายให้ผู้อาวุโสฟังอย่างละเอียดแล้วกัน!” น้ำเสียงของเซี่ยหลิงปี้เต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ่มย่อง
“เป็น…คัมภีร์ปีศาจมารวิญญาณ!” ฉิวไฉ่ลิ่งเอ่ยออกมาช้าๆ แต่แล้วก็เปล่งเสียงอย่างยากลำบาก “เป็นไปได้อย่างไร ต่อให้เป็นคัมภีร์ปีศาจมารวิญญาณจะมีอานุภาพถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยหลิงปี้ยิ้มพลางเอ่ย “แปลกใจหรือ ที่แท้บรรดาผู้อาวุโสก็มีเรื่องที่ไม่รู้อยู่เช่นกัน ข้ายังคิดว่าพวกเจ้ารู้ทุกเรื่องเสียอีก”
เขาดูดพลังวัตรส่วนสุดท้ายของฉิวไฉ่ลิ่งไป จากนั้นก็โยนอีกฝ่ายลงกับพื้น
“ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดข้าชิงชังเจ้าที่สุด!” เขาเอ่ยพลางดึงเข็มทองสองเล่มออกมาจากเอว เข็มทองเรียวยาว บนนั้นสลักยันต์ของข่ายอาคมไว้นับไม่ถ้วน ฉิวไฉ่ลิ่งเห็นแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนสีไปทันใด!
“เซี่ยหลิงปี้ เจ้าคิดจะทำอะไร!” ฉิวไฉ่ลิ่งใช้สองมือยันพื้น ถอยไปข้างหลังอย่างลนลาน
“ทำอะไรหรือ” เซี่ยหลิงปี้เอ่ย “แน่นอนว่าทำให้ผู้อาวุโสได้เห็นอาวุธลงทัณฑ์ที่ร้ายแรงของสำนักเราอย่างไรเล่า”
ชั่วเวลานั้นในใจฉิวไฉ่ลิ่งผุดความหวาดกลัวไม่สิ้นสุดขึ้นมา
เขาเป็นผู้อาวุโสของสำนัก ย่อมกระจ่างแจ้งถึงความร้ายกาจของเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูกนี่
เมื่อวานตอนเซี่ยหงเฉินพูดเรื่องที่หวงหร่างถูกลงทัณฑ์ด้วยของสิ่งนี้อย่างไม่เป็นธรรม อันที่จริงในใจฉิวไฉ่ลิ่งหาได้รู้สึกอะไรไม่ จะว่าไปแล้วก็แค่สตรีผู้หนึ่งที่หมดทางรักษาเยียวยาแล้วเท่านั้น
เซี่ยหงเฉินเป็นถึงประมุขสำนัก เดิมทีก็ควรเห็นแก่ส่วนรวม จะยึดติดกับความรักใคร่ฉันชายหญิงได้อย่างไร
แต่มาบัดนี้พอเขาเห็นเข็มทองสองเล่มนี้แล้ว ในใจก็บังเกิดความหนาวยะเยือกอย่างแท้จริง
วิชามารของเซี่ยหลิงปี้แปลกประหลาดโดยแท้ คล้ายกับวิชาในคัมภีร์ปีศาจมารวิญญาณ แต่อานุภาพรุนแรงกว่ามาก
ยามนี้พลังวัตรในร่างเขาสูญสิ้น มิอาจต่อต้านโดยสิ้นเชิง ขณะที่ถอยหลังช้าๆ เขารู้สึกสิ้นหวังเหมือนผู้อื่นเป็นมีด ตนเองเป็นปลาบนเขียงปานนั้น
เซี่ยหลิงปี้ใช้เข็มแทงลงไป แต่ประกายแสงหลากสีในมือฉิวไฉ่ลิ่งสาดส่อง จากนั้นคนทั้งคนก็หายวับไป
เขามีนามว่าไฉ่ลิ่ง* ในตัวมีธงบัญชาไม่รู้กี่ผืน ตาเฒ่าผู้นี้คิดจะเอาชนะเขาเป็นเรื่องง่าย แต่คิดจะสังหารเขากลับเป็นเรื่องที่ยาก
ยอดเขาเตี่ยนชุ่ยมีข่ายอาคมอยู่ ต่อให้เขามีของวิเศษก็หนีไปได้ไม่ไกล
เซี่ยหลิงปี้แค่นเสียงเย็นชา ค้นหาไปทั่ว ทันใดนั้นในห้องลับของตำหนักชั้นในก็มีเสียงแผ่วเบาลอยออกมา
เขากำลังจะตามเข้าไป เซี่ยเซ่าชงก็เอ่ยขึ้นที่นอกตำหนัก “ศิษย์พี่ ผู้อาวุโสคังเสวี่ยถงมาขอรับ”
“คังเสวี่ยถง?” ใบหน้าของเซี่ยหลิงปี้เผยรอยยิ้มประหลาด “เชิญนางเข้ามา”