เมืองหลวง กรมซือเทียน
ตี้อีชิวกำลังศึกษายันต์คาถาและกระบวนท่ากระบี่ที่เซี่ยหงเฉินส่งมาให้ ระหว่างนั้นฝูกงกงก็มาหา
เหมียวอวิ๋นจือขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีเรื่องไม่น้อยจริงๆ”
ตี้อีชิวไม่สนใจเขา เพียงเดินออกไปแล้วเอ่ยถาม “ฝูกงกงมีเรื่องใด ฝ่าบาททรงมีรับสั่งใดหรือ”
ฝูกงกงคลี่ยิ้มละไม ตอบว่า “ใช่แล้ว ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าอีกประเดี๋ยวจะมีแขกมาเยือน เจ้ากรมอย่าเพิ่งออกไปที่ใด”
“แขกหรือ” ตี้อีชิวขมวดคิ้ว
ฝูกงกงพูดต่อ “ใช่แล้ว ฝ่าบาทยังตรัสว่าเจ้ากรมกับพี่น้องทั้งหลายไม่ได้พบกันนานแล้ว สั่งให้บ่าวผู้เฒ่าส่งตัวพวกเขามายังกรมซือเทียน ถามไถ่ทุกข์สุขกับเจ้ากรม และถือโอกาสนี้ร่วมกันต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ด้วย”
ตี้อีชิวนับว่าฟังเข้าใจแล้ว ซือเวิ่นอวี๋กำลังบอกว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาที่นี่
เขาหันไปมองเหมียวอวิ๋นจือ “เห็นทีผู้อาวุโสจะพูดถูก วันนี้ช่างมากด้วยเรื่องราวจนทำให้คนไม่ชอบใจจริงๆ”
หวงหร่างฟังคำพูดเช่นนี้แล้วก็อยากสัปหงก
ฝูกงกงโบกมือ จากนั้นข้างนอกก็มีรถม้าหลายคันแล่นเข้ามาในกองพยัคฆ์ขาว
ดูท่าบรรดาพี่น้องของใต้เท้าเจ้ากรมจะมาถึงแล้วจริงๆ
เนื่องจากพี่น้องมีจำนวนมากเกินไป ตี้อีชิวจึงจดจำได้ไม่หมด
พระโอรสพระธิดาเหล่านี้ แต่ละพระองค์สวมชุดคลุมสีดำ หลายพระองค์ยังมีผ้าโปร่งสีดำปกปิดใบหน้าไว้ เห็นได้ชัดว่ายังคงกลัวแสงอยู่บ้าง
เหมียวอวิ๋นจือกลับสนอกสนใจพวกเขาเหล่านี้มากทีเดียว พยายามสังเกตดูทีละพระองค์
นี่เป็นครั้งแรกที่หวงหร่างได้เห็นพระโอรสพระธิดามากมายเช่นนี้
พวกเขามีใบหน้าแข็งทื่อเย็นชา บางคนใบหน้าเต็มไปด้วยเกล็ดงู บางคนดวงตาเป็นเส้นตรงสีทอง
ดูไปแล้วหวงหร่างรู้สึกว่าตี้อีชิวกลับน่ามองมากที่สุด
นางพิจารณาพวกเขา พวกเขาก็พิจารณานางเช่นกัน
ในจำนวนนั้นมีคนเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือของเล่นที่น้องแปดสิบหกกินอยู่หลับนอนด้วยหรือ” ผู้ที่มาเชยคางหวงหร่างขึ้นเอ่ยวาจาแทะโลม “ช่างงดงามจริงๆ”
สายตาของหวงหร่างเลื่อนขึ้นจนมองเห็นใบหน้าของคนผู้นี้…นี่มิใช่พี่ห้าของตี้อีชิวหรือไร
นางทอดถอนใจ…ตายไปครั้งหนึ่งแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ปรับปรุงตนเองบ้างเล่า
องค์ชายห้าจ้าวเยี่ยนจือยังคิดจะยื่นมือไปลูบปากหวงหร่าง ตี้อีชิวกลับขยับเก้าอี้ล้อเข็นของหวงหร่างไปข้างหลัง ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น
“พี่ห้าสนอกสนใจนางถึงเพียงนี้ มิสู้ข้าให้คนส่งนางไปที่จวนท่านเป็นอย่างไร”
จ้าวเยี่ยนจือปราศจากความทรงจำนอกความฝันโดยสิ้นเชิง เขาฟื้นคืนชีพในความฝัน จึงจดจำได้แต่เรื่องราวร้อยปีในความฝัน
พอได้ยินดังนั้นแล้ว เขาคลี่ยิ้มเย็นชา “ไม่พบกันแค่ไม่กี่วัน เจ้ากลับว่าง่ายขึ้นไม่น้อย”
หวงหร่างไม่อยากจะพูดอะไรแล้วจริงๆ
เวลานี้เองเป้าอู่ก็รุดเข้ามาอย่างเร่งรีบ รายงานว่า “เจ้ากรม จู่ๆ เซี่ยหงเฉินก็บังคับกระบี่มุ่งหน้ามาเมืองหลวงกะทันหันขอรับ”
“เซี่ยหงเฉินหรือ” ตี้อีชิวกับเหมียวอวิ๋นจือพูดขึ้นพร้อมกัน
ภายในห้องเงียบงัน พระธิดาพระองค์หนึ่งเอ่ยว่า “หรือคนที่ฝ่าบาทตรัสถึงคือเซี่ยหงเฉิน”
“ไม่มีเหตุผล” เหมียวอวิ๋นจือขมวดคิ้ว…ครั้งก่อนตอนเซี่ยหงเฉินมาก็ประมือกับตี้อีชิวไปแล้ว เวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่เท่าไรเอง
อีกทั้งเมื่อครู่นี้เขายังให้ศิษย์ส่งตำราคัมภีร์มา เหตุใดอารมณ์ถึงแปรปรวนรวดเร็วเช่นนี้
ตี้อีชิวก็คิดเช่นเดียวกัน…แม้เซี่ยหงเฉินจะมีใบหน้าสุนัข แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นย้อนกลับมาอีกครั้งไวปานนี้
กระนั้นเซี่ยหงเฉินกลับมุ่งหน้ามาที่นี่ด้วยท่าทางเอาเรื่องอย่างแท้จริง
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มาท้าทายถึงที่ กรมซือเทียนย่อมได้แต่เตรียมรับศึก
ตี้อีชิวส่งหวงหร่างให้เหมียวอวิ๋นจือ จากนั้นก็พาเหล่าพระโอรสพระธิดาตลอดจนกำลังรบของกรมซือเทียนออกไปนอกสำนัก