บทที่ 68 ซีอิน
กระบี่นี้ของ ‘เซี่ยหงเฉิน’ ทำเอาพระโอรสพระธิดาทั้งหลายพากันเงียบกริบ
แม้กระทั่งเป้าอู่ยังร่างสั่นสะท้าน
“นี่…ให้ตายเถิด ใช่เซี่ยหงเฉินจริงๆ หรือ” เขาถามเสียงค่อย
แค่กระบวนท่านี้ทุกคนก็ดูออกแล้ว ร่างกายที่ซือเวิ่นอวี๋ทุ่มเทบ่มเพาะขึ้นด้วยเลือดงูหุ่ยมิใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้อย่างแน่นอน
คิ้วของตี้อีชิวขมวดแน่น เขาจับจ้อง ‘เซี่ยหงเฉิน’ กลางอากาศที่ท่าทางเปลี่ยนจากสุภาพมีมารยาทในยามปกติกลายเป็นคลุ้มคลั่งเอาแต่ใจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่” เขาเอ่ยถามอย่างแนบเนียน แต่หางตากลับมองไปยังเหมียวอวิ๋นจือ
เหมียวอวิ๋นจือเข็นหวงหร่างพลางถอยออกจากกลุ่มคนช้าๆ
เขาเองก็ฉลาดไม่น้อย รู้ว่า ‘เซี่ยหงเฉิน’ ตรงหน้าผู้นี้ไม่ปกติ
แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ก็เกรงว่าคงจะพุ่งเป้ามายังหวงหร่าง
เวลานี้เขากำลังถอยไปอย่างเงียบๆ พยายามไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ใด
เพียงแต่เหมียวอวิ๋นจือยังหันกลับไปมองตี้อีชิวคราหนึ่ง เห็นเพียงใต้เท้าเจ้ากรมผู้นี้ยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคน สวมชุดคลุมสีม่วงคาดเข็มขัดหยก ร่างกายผึ่งผาย ไม่คิดจะถอยหลบแม้แต่น้อย
“บุตรชายของซือเวิ่นอวี๋ผู้นี้ไม่เลวทีเดียว” เขาพึมพำกับตนเองประโยคหนึ่ง เข็นหวงหร่างทำท่าจะออกจากประตูหลังของกรมซือเทียน
เวลาเดียวกันนั้นหวงหร่างที่อยู่บนเก้าอี้ล้อเข็นมองไม่เห็นตี้อีชิว ถึงขั้นที่ว่าจะเอ่ยถ้อยคำกำชับสักประโยคก็ทำไม่ได้
พวกเขาเอาแต่พูดถึงเซี่ยหงเฉิน ทว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางไม่รู้โดยสิ้นเชิง
หวงหร่างยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเข็นอย่างเรียบร้อย ร่างกายถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมกันลมที่ตี้อีชิวเป็นคนเย็บให้นางตัวนั้น บนขาทั้งสองข้างยังมีผ้าห่มหนังกระต่ายคลุมไว้
ความอบอุ่นของคนผู้นั้นวนเวียนอยู่ข้างกายนางตลอด
แต่เมื่อเขาพบเจอความลำบาก นางกลับทำอะไรไม่ได้สักนิด
หายนะครั้งนี้เกิดขึ้นจากข้าหรือไม่ หวงหร่างคาดเดาในใจเช่นนี้ แต่นางจะทำอย่างไรได้เล่า
จะต้องเกิดเรื่องกับเซี่ยหงเฉินเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนสุขุมมั่นคง คำนึงถึงส่วนรวม ไม่มีทางใช้กำลังบุกเข้าเมืองหลวงเช่นนี้เป็นอันขาด!
หวงหร่างร้อนใจดั่งถูกไฟแผดเผา แต่นางเปล่งเสียงไม่ได้สักนิด
เหมียวอวิ๋นจือรับคำไหว้วานจากผู้อื่น ถอยออกจากกลุ่มคน พยายามพาหวงหร่างหนีไป
เขามิใช่เซียนกระบี่ แต่ก็เคยพบเจอเซียนกระบี่มานับไม่ถ้วน เขารู้ว่าด้วยกำลังความสามารถของ ‘เซี่ยหงเฉิน’ ในตอนนี้ ระยะห่างแค่นี้เขามิอาจใช้ยันต์เคลื่อนย้ายได้ด้วยซ้ำ
หาไม่แล้วหากอาคมกระเพื่อม เซี่ยหงเฉินจะต้องรู้ตัวแน่นอน
นอกกรมซือเทียน ‘เซี่ยหงเฉิน’ แค่นหัวเราะ “เป็นเพียงมด คิดจะขวางรถม้าหรือ”
ใต้เท้าเจ้ากรมรู้ดีว่าศึกครั้งนี้คงเคราะห์ร้ายมากกว่าดี ทว่าเห็นใบหน้านี้แล้วเขาก็มีโทสะขึ้นมาจริงๆ
เขาล้วงปลอกนิ้วมือสีดำคู่หนึ่งออกมาจากวัตถุวิเศษเก็บของ สวมใส่อย่างใจเย็น “ถึงอย่างไรก็ต้องลองดูสักครา”
‘เซี่ยหงเฉิน’ ไม่พูดกับเขาอีก แทงกระบี่เข้าใส่ทันที
พระโอรสพระธิดาพระองค์อื่นๆ เห็นดังนั้นก็ได้แต่หลบไปไกล ปลอกนิ้วมือที่ตี้อีชิวสวมใส่เป็นสีดำสนิท วัสดุทั้งคล้ายโลหะและคล้ายผ้า เขาประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะรับกระบี่นี้เอาไว้ได้ ประกายเจิดจ้าของปลอกนิ้วมือเสียดสีกับแรงจากกระบี่จนสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่ว
มือของตี้อีชิวมีควันสีเทาลอยออกมา ไม่นานนักก็ได้กลิ่นไหม้
คิ้วของเขาขมวดแน่น…‘เซี่ยหงเฉิน’ ตรงหน้าพลังวัตรเพิ่มพูนขึ้นมากเกินไป อีกทั้งแววตานี้ก็ดุร้ายน่าเกรงขามเกินไป มิใช่แววตาของเซี่ยหงเฉินแน่นอน
เมื่อครู่มีคนบอกว่าเขามิใช่เซี่ยหงเฉิน
ตี้อีชิวเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย หมายจะมองหาคนที่เอ่ยคำพูดเมื่อครู่นี้ แต่ท่ามกลางประกายกระบี่ฉวัดเฉวียน ไฉนเลยจะยังมองเห็นได้ชัดเจนเล่า