เซี่ยเซ่าชงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ปรมาจารย์ ตี้อีชิวถือกำเนิดจากมนุษย์ธรรมดา แม้ร่างกายจะมีความพิเศษ แต่จะสู้กับประมุขสำนักได้อย่างไร”
‘เซี่ยหลิงปี้’ ไม่อยากจะเชื่อ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “แต่…ตอนที่ข้าถูกชิงร่างได้ทิ้งอาคมไว้ในร่างกายของตนเอง ทั้งยังวาดและแจกแจงกระบวนท่ากระบี่ที่สามารถทำลายอาคมไว้อย่างละเอียดแล้วมอบให้เนี่ยชิงหลันส่งไปให้เขา เขาไม่ได้รับหรือไร”
“ชิงร่างหรือ” เซี่ยเซ่าชงตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ ครู่ใหญ่เขาจึงตะโกนเสียงดัง “ชิงหลัน? เนี่ยชิงหลันอยู่ที่ใด”
“ท่านอาจารย์อา!” ข้างนอกมีศิษย์วิ่งเข้ามา เป็นเนี่ยชิงหลันที่กำลังหอบ เขาเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ท่านอาจารย์อา ท่านอาจารย์ข้าไม่รู้เป็นอะไร กำลังต่อสู้กับกรมซือเทียน ตี้อีชิวถูกวิชามารของเขาทำร้าย ตอนนี้…ตอนนี้พ่ายแพ้แล้ว! เกรงว่ายามนี้…คงจะสิ้นชีพแล้ว”
เซี่ยเซ่าชงตื่นตระหนก ‘เซี่ยหลิงปี้’ ในห้องลับตวาดเสียงขุ่น “ของที่ข้าสั่งให้เจ้านำไปมอบให้ผู้อาวุโสเหมียว เจ้ามิได้นำไปมอบให้หรือไร”
เนี่ยชิงหลันถูกตวาดใส่จนวิงเวียน เนิ่นนานจึงตอบว่า “ข้า…ข้า…ข้านำไปมอบให้แล้วขอรับ หลังจากท่านอาจารย์มอบหมาย ข้าก็นำของไปมอบให้ทันที…ไม่ถูก เรื่องนี้ท่านอาจารย์เป็นคนสั่งข้ามิใช่หรือ ปรมาจารย์รู้ได้อย่างไร”
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้…” เซี่ยหงเฉินที่อยู่ในร่างเซี่ยหลิงปี้พึมพำ “หากเขารู้กระบวนท่าในการทำลายอาคมนั้นจะต่อสู้จนตัวตายได้อย่างไร”
เนิ่นนานผ่านไปเซี่ยเซ่าชงจึงถาม “ท่าน…ท่านคือศิษย์พี่ประมุขสำนักใช่หรือไม่”
เซี่ยหงเฉินไม่มีเวลามาสนใจคำถามของเขา พึมพำกับตนเอง “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ตกลงแล้วผิดพลาดตรงที่ใดกันแน่”
เซี่ยเซ่าชงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่า…กระบวนท่ากระบี่ที่ท่านทิ้งไว้ลึกล้ำเกินไป เจ้ากรมเขา…แม้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ แต่ถึงอย่างไรก็มิใช่ผู้ที่อยู่ในมรรคากระบี่ บางทีเขาอาจจะ…”
เซี่ยหงเฉินเงยหน้าสบตากับเขา เนิ่นนานทั้งสองคนจึงเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน “ดูไม่ออก…”
“เร็วเข้า ประคองข้าขึ้นมา!” เซี่ยหงเฉินสั่งการเสียงขุ่น
เซี่ยเซ่าชง เนี่ยชิงหลัน และเซี่ยลี่รีบเข้าไปช่วยทันที
ด้านหน้ากรมซือเทียน
หลังจากตี้อีชิวรับกระบี่แรกของเซี่ยหลิงปี้ก็รู้ทันทีว่ามิอาจฝืนสู้ต่อไปได้
สองมือของเขาไหม้เกรียมแล้ว แต่กระบี่ที่สองของเซี่ยหลิงปี้ยังมิอาจปลิดชีพเขาได้…หุ่นกลนักรบระดับสุดยอดสามตัวของกรมซือเทียนก้าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง สามตัวประกอบกันเป็นค่ายกลสามารถรับกระบี่ของเซี่ยหลิงปี้เอาไว้ได้
“ช่างน่ารำคาญโดยแท้” เซี่ยหลิงปี้ไม่มีใจจะต่อสู้กับตี้อีชิว เขาทอดสายตาไปไกลมองดูวังหลวง ในวังหลวงแห่งนั้น เจดีย์สูงหลังหนึ่งปรากฏอย่างเลือนราง
บนยอดเจดีย์ คนผู้หนึ่งสวมชุดคลุมนักพรตสีขาวสลับดำ เส้นผมเป็นสีขาวเทา ยืนอยู่ท่ามกลางสายลม
เซี่ยหลิงปี้แค่นหัวเราะ เก็บกระบี่แห่งจิตทันใด หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมพลังเล็กน้อย รอบตัวพลันมีหมอกดำพุ่งขึ้นมา ในหมอกดำมีเสียงภูตผีครวญคร่ำร่ำไห้ โครงกระดูกนับไม่ถ้วนขยับและกลายสภาพท่ามกลางหมอกดำ เผยเขี้ยวเล็บแหลมคมออกมาเป็นครั้งคราว
นี่ดูไม่เหมือนวิชาฝ่ายธรรมะ
แค่เผชิญหน้ากับหมอกแค้นนี้ ตี้อีชิวก็ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเหมียวอวิ๋นจือพานางออกจากเมืองไปแล้วหรือยัง เขาคิด
“ซือเวิ่นอวี๋! มาเก็บศพบุตรชายของเจ้าเสีย!” เสียงของเซี่ยหลิงปี้แฝงเร้นอยู่ในหมอกดำ ประเดี๋ยวสูงประเดี๋ยวต่ำ แฝงความแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
สิ้นคำพูดเขา หมอกดำก็รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน จู่โจมไปยังตี้อีชิว!
ตี้อีชิวหลับตา ของวิเศษป้องกันตัวทั้งหมดที่สามารถใช้ได้เริ่มทำงานในชั่วพริบตา แม้หุ่นกลนักรบระดับสุดยอดสามตัวจะขวางอยู่ตรงหน้า แต่เมื่อถูกหมอกดำกัดกร่อน หุ่นกลก็สลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา
เขายืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นธุลีที่ปลิวฟุ้ง เวลาเหมือนจะช้าลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในสมองผุดกระบวนท่ากระบี่แปลกประหลาด เขาพลันเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเซี่ยหงเฉินถึงให้คนส่งกระดาษแปลกประหลาดสองแผ่นนั้นมาโดยไม่มีหัวไม่มีท้าย!
กระบวนท่ากระบี่นั่นเป็นอย่างไร!
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตี้อีชิวเข้าใจความหมายของคำว่าเมื่อความตายมาเยือน! เขารวมปราณเป็นกระบี่ ทะยานขึ้นไปกลางอากาศและฟาดฟันออกไป!
แต่เนื่องจากเวลาในการฝึกฝนสั้นเกินไป อีกทั้งเขาเองก็มิใช่ผู้ฝึกบำเพ็ญมรรคากระบี่ กระบวนท่านี้จึงเรียนรู้ได้ไม่สมบูรณ์!
เซี่ยหลิงปี้ถูกสกัดด้วยกระบวนท่านี้กลางอากาศ รู้สึกเพียงเลือดลมในร่างกายปั่นป่วน ระหว่างที่เขาตกตะลึงก็รู้สึกว่าลมปราณติดขัดชั่วคราว แต่ไม่นานนักก็ไหลเวียนได้อีกครั้ง! เซี่ยหลิงปี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนมีความผิดปกติ แต่บอกไม่ถูกว่าผิดปกติตรงที่ใด
แค่การติดขัดเพียงชั่วครู่กลับทำให้อานุภาพของกระบวนท่าเขาลดลงอย่างมาก!