ราชสำนัก กรมซือเทียน
หลังตี้อีชิวกลับจากสำนักเซียนอวี้หูมาถึงกองเสวียนอู่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องหนังสือ เขานั่งอยู่พักหนึ่ง ในห้วงสมองกลับเอาแต่คิดถึงคนงามเมื่อครู่ที่เอ่ยกับเขาว่า ‘ใต้เท้าเจ้ากรม เมื่อเร็วๆ นี้ข้าบ่มสุราขึ้นมาใหม่ วันนี้ได้พบใต้เท้าโดยบังเอิญ นับว่ามีวาสนาต่อกัน จึงอยากมอบสุราให้ใต้เท้าหนึ่งกา หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ’
แต่งงานไปร้อยกว่าปี ชีวิตไม่เลวทีเดียว ใต้เท้าเจ้ากรมซือเทียนเปลี่ยนท่านั่ง ใต้สะโพกเหมือนถูกก้อนหินทิ่มแทง ถึงอย่างไรก็ยังมีหนามยอกอยู่ในใจเขา
เป้าอู่ขนสำนวนคดีเข้ามาสองหีบ สำนวนคดีเหล่านี้แยกลำดับความสำคัญไว้แล้ว เขาอ่านเสร็จก็สามารถเก็บเข้าคลังได้ทันที เป้าอู่เห็นเขานั่งเหม่อลอยอยู่หลังโต๊ะก็อดสงสัยไม่ได้ น้อยครั้งนักที่ตี้อีชิวจะเหม่อลอยเช่นนี้ เขาจึงได้แต่ร้องเรียก
“เจ้ากรม?”
ตี้อีชิวได้สติกลับมา หยิบสำนวนคดีเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดูหลายหน้า รู้สึกว่าคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เอกสารเล่มนี้…เหมือนเขาเคยอ่านมาแล้ว แต่ไม่ว่าขบคิดอย่างไรก็จำไม่ได้ว่าเคยอ่านตั้งแต่เมื่อใด
ขบคิดอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบ เขาจึงตัดสินใจวางลงและเปลี่ยนท่านั่งอีกครั้ง เนิ่นนานจู่ๆ เขาก็ถามขึ้น “สำนักเซียนอวี้หูมีสุราชนิดหนึ่ง ดมดูแล้วมีกลิ่นหอมของกุหลาบ เจ้ารู้จักหรือไม่”
ที่แท้ห้วงสมองขบคิดวกไปวนมาอยู่กับเรื่องนี้
“หา?” เป้าอู่ขมวดคิ้ว เขาจะรู้จักสุราที่มีกลิ่นหอมของกุหลาบได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรเขาดื่มแต่เซาเตาจื่อ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ขุนนางผู้น้อยมิทราบขอรับ แต่บางทีหลี่ลู่อาจรู้จัก ขุนนางผู้น้อยจะให้เขาไปหามาให้”
ตี้อีชิวรับคำและไม่เอ่ยอะไรอีก
หลี่ลู่อยู่ที่กองวิหคเพลิง กำลังตรวจดูหญ้าวิเศษที่จะเก็บเข้าคลังในปีนี้ จู่ๆ ได้รับมอบหมายงานนี้ก็ประหลาดใจยิ่งนัก เขาถามขึ้น
“มีกลิ่นหอมของกุหลาบ สุราหรือ”
เป้าอู่พยักหน้า จับต้นชนปลายไม่ถูกยิ่งกว่าเก่า
ทว่าตี้อีชิวมิใช่คนที่ใช้กำลังของส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ตลอดหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ในเมื่อเขาต้องการสุรานี้จะต้องมีเหตุผลเป็นแน่! หลี่ลู่มิกล้าละเลย ได้แต่สั่งให้คนไปสืบที่ร้านค้าของสำนักเซียนอวี้หู
สำนักเซียนอวี้หูมิได้ขายสุรา หลี่ลู่ต้องไหว้วานคนหลายคนและใช้เงินอีกไม่น้อยเพื่อสืบเรื่องนี้ สุดท้ายจึงได้ความว่า…สุรานี้แม้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ นี่เป็นสุราที่ฮูหยินประมุขสำนักบ่มขึ้นเพื่อประมุขสำนักเซี่ยหงเฉินโดยเฉพาะ มีอยู่เพียงหนึ่งไหเล็กเท่านั้น
หลี่ลู่นำข่าวนี้กลับมาแจ้งด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย ตี้อีชิวฟังดังนั้นก็เพียงรับคำ หลี่ลู่ทำงานไม่สำเร็จก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย เขาจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“สุรานี้มีความลับอันใดหรือขอรับ หากพวกผู้น้อยรู้ต้นสายปลายเหตุ บางทีอาจลงมือจากช่องทางอื่นได้”
ความลับหรือ ตี้อีชิวเหลือบมองเขาคราหนึ่งด้วยสีหน้าประหลาด ตอบเพียงว่า “แค่สหายเก่าตั้งใจจะมอบให้ ทว่าตอนนั้นข้าไม่ได้รับ บัดนี้จึงรู้สึกว้าวุ่นใจเท่านั้น”
…เช่นนั้นก็หมายความว่าเสียใจภายหลังแล้วกระมัง
หลี่ลู่อยากจะกลอกตาใส่เขาจริงๆ
ติดตามตอนต่อไปวันเสาร์ที่ 12 ก.ค. 68