“ท่านพี่เคยคิดที่จะสังเกตการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์บ้างหรือไม่ หลายวันก่อนข้าพบเจอเรื่องหนึ่ง ทำให้รู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด ข้าคิดอยู่มิวายว่าท่านพี่ควรจะมุ่งหน้าไปยอดเขาอั้นเหลยเพียงลำพังเพื่อตรวจสอบดูสักครั้ง”
ไม่…อย่าพูด เขาไม่มีทางรับฟัง
ทว่าคำพูดนี้ท้ายที่สุดแล้วยังคงเอ่ยออกมา
นี่คงเป็นฝันร้ายกระมัง ภาพตรงหน้าเป็นภาพครั้งสุดท้ายที่นางได้พบเซี่ยหงเฉินเมื่อสิบปีก่อน
กว่านางจะหลอมรวมเข้ากับร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์ วาจาก็ถูกเอ่ยออกจากปากแล้ว เซี่ยหงเฉินยืนอยู่ตรงหน้านางจริงๆ และสองมือของหวงหร่างกำลังช่วยเขาจัดเสื้อผ้า
เขายังคงสวมอาภรณ์สีขาวดุจหมู่เมฆ มีเกี้ยวหยกครอบผม เอวห้อยหยกประดับ สำนักเซียนอวี้หูบูชาหยก ส่วนเขาเป็นหยกงามที่ไร้ตำหนิและสมบูรณ์แบบที่สุดของสำนักเซียนทั้งหมด
สายตาของหวงหร่างจับจ้องที่เขา คิ้วของเซี่ยหงเฉินขมวดเข้าด้วยกัน ปัดมือหวงหร่างที่กำลังผูกสายเสื้อให้ตนออก เห็นได้ชัดว่าขุ่นเคือง สีหน้าของเขาเคร่งขรึม น้ำเสียงยิ่งแฝงแววตำหนิ
“นี่มิใช่เรื่องที่เจ้าควรจะก้าวก่าย เจ้าเป็นผู้น้อย กลับวิพากษ์วิจารณ์ยุแยงลับหลังผู้ใหญ่ หวงซู่อบรมสั่งสอนเจ้ามาเช่นนี้รึ”
คำพูดนี้เขากล่าวด้วยสีหน้าเข้มงวดเฉียบขาด หวงหร่างจนคำพูด ความรู้สึกไม่เหมือนจริงช่างรุนแรงถึงเพียงนั้น
นางจ้องเซี่ยหงเฉินตรงหน้า ขอบตากลับแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว เซี่ยหงเฉินมิได้บังเกิดความเห็นใจเพราะท่าทางน่าสงสารของนาง ตลอดร้อยกว่าปีของการเป็นสามีภรรยาเขามีความระแวงอยู่ตลอด ไม่มีทาง ‘ตกหลุมพรางความอ่อนโยน’ ใดๆ ของนางแน่นอน
การหลั่งน้ำตาไม่มีประโยชน์ หวงหร่างรู้แต่แรกแล้ว ดังนั้นเมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันไปนาน นางจึงสะกดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้
หลังจากนั้นเซี่ยหงเฉินก็สะบัดแขนเสื้อจากไป อีกทั้งเขายังมิได้มาที่นี่อีกเป็นเวลานาน
หวงหร่างก้าวไปส่งเขาจนถึงหน้าประตูหอฉีลู่อย่างเงียบๆ เซี่ยหงเฉินไม่มีทางหันกลับมา หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงความอาลัยอาวรณ์หรือรักใคร่ตามใจนางให้เห็น ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว
หวงหร่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จวบจนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากเส้นทางภูเขาอันคดเคี้ยว ขนตายาวของนางจึงเค้นน้ำตาหยดหนึ่ง ดั่งจันทราดาราแหลกสลาย ประกายแวววาวกระจายออกไป
หอฉีลู่เงียบงันจนเหมือนปราศจากเสียง
หวงหร่างหันหลังกลับไปยังศาลาสามมุมหลังน้อย มองเห็นขนมบนโต๊ะหินในศาลาที่ไม่มีผู้ใดแตะต้อง
สิบปีผ่านไปนางมีหรือจะยังจำได้ว่าตอนนั้นตนเองทำขนมอะไรบ้าง ที่แท้เป็นของพวกนี้เองหรือ
นางหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบวุ้นขนมโก๋ชิ้นหนึ่งใส่ปาก ขนมรสชาติหอมหวาน เข้าปากก็ละลาย ทำให้ประสาทรับรสของนางนุ่มละมุนในชั่วพริบตา นางจึงกินขนมเหล่านั้นทีละชิ้น สุดท้ายแม้กระทั่งตะเกียบก็ไม่ใช้ ใช้มือหยิบขนมยัดใส่ปากแทน
ต่อให้เป็นขนมที่อร่อยเพียงใด พอยัดเข้าไปในปากจำนวนมากเช่นนี้ก็ฝืดคอ หวงหร่างสำลัก ในที่สุดน้ำตาก็ทะลักออกมาดั่งสายน้ำที่ชะล้างบางสิ่ง
นางใช้สองมือปิดปาก ขดตัวอยู่ตรงมุมศาลา แม้กระทั่งร้องไห้ยังต้องสงบเสงี่ยม น้ำตาไหลผ่านซอกนิ้ว แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
พอร้องไห้เสร็จ หวงหร่างก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ริมสระไป๋ลู่ล้างมือล้างหน้าให้สะอาด
สระไป๋ลู่สะท้อนเงาของนางอย่างเงียบๆ
เนื่องจากวันนี้เซี่ยหงเฉินมาเยือน เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางจึงบางเบา ด้านในเป็นแถบผ้ารัดอกสีขาว ท่อนล่างเป็นกระโปรงผ้าโปร่งที่ยาวถึงข้อเท้า ด้านนอกกระโปรงผ้าโปร่งยังมีกระโปรงชั้นนอกที่ทำจากเกล็ดสีดำร้อยเข้าด้วยกัน กระโปรงชั้นนอกผูกอยู่กับเอวลากยาวไปข้างหลัง แน่นอนว่ามิได้มิดชิดสักเท่าไร ข้อดีของผ้าโปร่งบางเบาที่แทบจะโปร่งแสงจึงปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด
หวงหร่างเกิดมางดงาม ชุดกระโปรงเช่นนี้นางสามารถสวมใส่ให้คนเกิดความรู้สึกว่านางมีเรียวขายาวรูปร่างดีได้ กอปรกับนางเชี่ยวชาญการบำรุงรักษาร่างกาย หลายปีมานี้ทรวดทรงของนางถึงขั้นเหนือกว่าสมัยที่ยังไม่แต่งงานเสียอีก
นางมองดูเงาตนเองในน้ำ ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม คนในสระไป๋ลู่ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับมา