บทที่หนึ่ง
เกาะจิ้งจอกซ่อนตัวอยู่กลางหมู่เกาะในบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้ชื่อว่าเกาะจิ้งจอกมิใช่เพราะเกาะมีรูปร่างเหมือนจิ้งจอก แต่เป็นเพราะบนเกาะมีราชาจิ้งจอกผู้มีชื่อเสียงกระเดื่องท้องทะเลอยู่ผู้หนึ่ง
เขาครอบครองเกาะตั้งตนเป็นราชา มีผู้ใต้ปกครองอยู่นับไม่ถ้วน เหมือนว่ากลายเป็นแว่นแคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งไปโดยปริยาย ราษฎรบนเกาะส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น ชาวต่างชาติที่ลงหลักปักฐานอยู่มีเพียงบาทหลวงซาและนักเดินทางอีกผู้หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสำนักศึกษา ไร่นา ถนนการค้า อู่ต่อเรือ รวมถึงโรงผลิตอาวุธ นี่เป็นเกาะที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้เกาะหนึ่ง
เกาะถูกขีดแบ่งกึ่งกลาง ทางใต้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวเกาะ ส่วนทางเหนือก็เป็นสถานที่ค้าของเถื่อนที่เยี่ยมที่สุดบนทะเล
หากกล่าวถึงว่าใครสามารถเป็นตัวแทนของบรรดาโจรสลัดชาวฮั่นได้ นั่นย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราชาจิ้งจอกแห่งเกาะจิ้งจอกผู้นี้ และที่เรียกเขาว่าจิ้งจอกก็หาใช่เป็นเพราะเขามีนิสัยเจ้าเล่ห์เจ้ากลไม่ แต่เป็นเพราะเขาจะใส่หน้ากากจิ้งจอกบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาไว้เสมอ
ในคำเล่าลือ หลังถอดหน้ากากลงเขาจะมีโฉมงามดั่งหลันหลิงอ๋อง ลือกันว่าเขามีอายุเกินครึ่งร้อย แต่กลับมีร่างกายและรูปโฉมเหมือนคนหนุ่ม และยังลือกันอีกว่าแม้เขาจะไม่มีฝ่ายใน แต่กลับมีสตรีในครอบครองอยู่ทั่วทั้งจงหยวน แม้แต่จักรพรรดิยังด้อยกว่าเขาอยู่สามส่วน…เรื่องเล่าเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มิเคยมีใครกล้าเล่าลือถึงวีรกรรมบนท้องทะเลของเขามาก่อน
เนื่องจากวีรกรรมของเขาล้วนแต่เป็นเรื่องจริง และเรื่องจริงก็ได้กลายเป็นตำนานอันไม่อาจลบเลือน ตำนานเป็นดั่งไฟลามทุ่ง ทางนี้มีคนเริ่มจุด ทางนั้นก็ลามไปถึงนอกอาณาจักรต้าหมิงแล้ว
ราชาโจรสลัดของชาวฮั่นผู้นี้มีคนตั้งเท่าไรที่ริษยาเขาจนตาร้อน อาณาจักรที่พิทักษ์ปิดกั้นน่านน้ำทะเลอย่างแน่นหนาถึงกับปรากฏราชาโจรสลัดขึ้นผู้หนึ่ง แม้แต่โจรสลัดผูเถาหยาที่เกาะแฝดยังไล่ตามความโด่งดังของเขาไม่ทัน
“ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้แล้ว มากกว่านี้มีแต่จะทำให้ท่านเดือดร้อน”
บนเรือเล็ก บุรุษสวมหน้ากากจิ้งจอกยกมือทำท่าบอกให้ฝีพายจอดเรือเทียบฝั่ง บนเรือเล็กมีคนอยู่หลายคน แต่ละคนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างองอาจและผอมเพรียว
จากนั้นชายหนุ่มที่มีความสูงเท่าราชาจิ้งจอกผู้หนึ่งก็เหยียบไม้กระดานเดินขึ้นฝั่ง
บนฝั่งมีม้าเร็วรออยู่ตัวหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้หันหน้ากลับมาขมวดคิ้วน้อยๆ พลางเอ่ย
“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าไม่เคยซักถามเรื่องของพวกเราพี่น้องมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าอยากทำอะไรก็ไม่มีใครห้ามเจ้า แต่ถ้ามันเป็นอันตรายต่อราชสำนัก ข้าก็จะไม่นิ่งดูดาย” เขาโด่งดังเร็วเกินไป มีแต่จะทำให้ราชสำนักเกิดความหวาดระแวง เดิมนึกว่าเขายึดครองเกาะจิ้งจอกเพียงเพื่อช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนภายใต้การปิดกั้นน่านน้ำทะเล คาดไม่ถึงว่าเขากลับกลายเป็นราชาโจรสลัดค้าของเถื่อนผู้โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วเสียแล้ว
“นี่เป็นคำเตือนอย่างนั้นหรือ” ริมฝีปากราชาจิ้งจอกกำลังยิ้ม แต่ยิ้มได้ดูชั่วร้ายนัก ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะก้าวขึ้นหลังม้าจากไปต้องมุ่นคิ้วดาบลึกขึ้น
“นี่เป็นคำเตือน” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนัก จ้องมองราชาจิ้งจอกด้วยความหมายลึกซึ้งเป็นครู่ใหญ่ ถึงแม้ใบหน้าอีกฝ่ายจะถูกบดบังอยู่ภายใต้หน้ากาก แต่ก็ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงกระไอชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากทั้งร่างราชาจิ้งจอก ต่อให้วันหนึ่งอีกฝ่ายนำกองกำลังบนเกาะจิ้งจอกนั้นบุกเมืองหลวง เขาก็ไม่ประหลาดใจเลยจริงๆ
“อา เพื่อจักรพรรดิที่โฉดเขลาเลอะเลือนนั่น ท่านถึงกับเอ่ยคำเตือนกับข้าแล้ว” ราชาจิ้งจอกพูดอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา รอยยิ้มบนริมฝีปากเป็นรอยยิ้มประเภทที่ทำให้คนขนพองสยองเกล้า “ได้ คำเตือนนี้ข้าจะยังฟังชั่วคราว ข้าจะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องราชสำนัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
“ขอบใจ เจ้ารีบกลับไปเถอะ…ใช้ฐานะราชาจิ้งจอกเหยียบขึ้นแผ่นดินต้าหมิงมีแต่จะทำให้เจ้าประสบภัย”
ราชาจิ้งจอกยังคงยิ้มเช่นเดิม นัยน์ตาดำอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “ข้าต้องรอสุยอวี้”
ชายหนุ่มลูบแบบร่างเรืออันล้ำค่าในอกเสื้อ ทำท่าถอนหายใจเบาๆ “เดิมข้านึกว่ากลับมาคราวนี้จะได้เจอนาง คิดไม่ถึงว่าจะพลาดเสียได้”
“ในเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เจอนางไปยังมีประโยชน์อะไรอีก”
“นางเป็นบุคคลทรงความรู้ความสามารถอันหาได้ยาก ข้าอยากพบนางเสียหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ”
“หรือเป็นเพราะจักรพรรดิเลอะเลือนผู้นั้นกวาดต้อนบุคคลทรงความรู้ความสามารถในใต้หล้าไปได้หมดแล้ว เหลือก็แต่คนบนเกาะจิ้งจอกของข้า” นัยน์ตาดำของราชาจิ้งจอกหรี่ตาอย่างอันตราย