“ราชาจิ้งจอกต้องการให้ข้ามาดูว่าใครยอมสำนึกผิดบ้าง” ผลลัพธ์จากการอาศัยบนเกาะจิ้งจอกมาหลายปีก็คือพูดภาษาฮั่นได้คล่อง แทบจะไม่ติดสำเนียงผูเถาหยาแต่เดิมของเขาแล้ว
ลูกตาที่โปนออกมาของฟางไจ้อู่ถลึงมองเขาเป็นครู่ใหญ่ถึงค่อยเลื่อนไปทางสุยอวี้อย่างเชื่องช้า “เจ้ารู้ว่าเขามา?” ฟันเขาเริ่มขบกันแน่น
“ข้ารู้สิ” นางเผยรอยยิ้ม “อีกทั้งข้าก็พิจารณาตนเองแล้ว บาทหลวงซาจะปล่อยข้าออกจากคุกแล้ว พี่ไจ้อู่ ตอนเย็นข้าจะเอาข้าวคุกมาเยี่ยมท่าน”
บาทหลวงซาขมวดคิ้วด้วยท่าทีจริงจัง ทว่าในดวงตามีแต่แววขบขัน
“แม่นางสุยอวี้ คำสั่งของราชาจิ้งจอกคือคนที่ถูกขังในคุกน้ำไม่อนุญาตให้กินข้าวเหมือนกันหมดไม่มีข้อยกเว้น”
“อ้อ ข้าลืมไป”
“ฝานสุยอวี้!”
ลำเอียงชัดๆ!
เขารู้ดีว่าพอบาทหลวงซาเข้ามาคุกใต้ดิน จากมุมของสุยอวี้สามารถมองเห็นได้แน่นอน บัดซบ! ทั้งๆ ที่เขารู้ดีว่าใจของท่านห้าเอนเอียงอยู่แต่เดิมแล้ว ทว่า…ก็ยังน่าโมโหอยู่ดี
“สุยอวี้ ไปเปลี่ยนชุดที่สะอาดก่อนเถอะ สูดไอเย็นในคุกดินนี้มากเกินไปจะทำร้ายร่างกาย” บาทหลวงซากล่าวด้วยความห่วงใย
“ทราบแล้ว” นางยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร ก่อนโบกมือให้ฟางไจ้อู่ “พี่ไจ้อู่ ข้าไปก่อนล่ะ พิจารณาตนเองเสีย ต้องพิจารณาตนเองถึงจะหลุดพ้นห้วงทุกข์ได้”
“ฝานสุยอวี้!”
เจ้าตัวบัดซบ!
เขาทำได้เพียงมองดูทั้งสองคนหายลับสายตาของตนไปตาปริบๆ ถ้าเมื่อครู่นางบอกใบ้ให้สัญญาณเขาสักหน่อย เขาก็หลุดพ้นห้วงทุกข์อันเย็นยะเยือกนี้ได้เช่นกัน ช่างไร้น้ำใจสิ้นดี!
เขาขยับไปข้างหน้า กุญแจมือและตรวนล่ามเท้าเหนี่ยวรั้งร่างเขาไว้ สมควรตาย! ร่างกายถึกทรหดของเขาทนไอเย็นในคุกนี้ได้ ก็ควรเป็นเขารับโทษจริงๆ นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ลิ้มรสความรู้สึกของการฆ่าคนเป็นผักปลาเช่นนั้น ฆ่าจนลืมท่านห้า ลืมความแค้นของครอบครัว เพียงต้องการเปื้อนเลือด นี่ก็คือสาเหตุที่ท่านห้าขังเขาไว้ในคุก? เขากัดฟัน แส้ที่เอวถูกริบไปชั่วคราว บนนั้นยังมีเลือดเปรอะอยู่ ไม่มีอาวุธก็เหมือนถูกลอกหนังออกไป ให้เขาอยู่คนเดียวอย่างนี้สักสองสามวัน ไม่มีใครให้ลับฝีปากด้วย นั่นจะต้องเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานอย่างแน่นอน
“ฝานสุยอวี้ที่สมควรตาย!” เขาก้มหน้าคอตก พลางกัดฟันพูด
บุรุษผู้หนึ่งผลักเปิดประตู ‘เรือนฉางชุน’ เสียงเอี๊ยดอ๊าดแผ่วเบาเห็นได้ชัดว่ามิได้รบกวนผู้ใดในเรือน จากนั้นเขาก็เดินทอดน่องเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง
ภายในเรือนตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย…เตียงหนึ่งหลัง โต๊ะกลมหนึ่งตัว เก้าอี้ซูเป้ย สองตัวรวมกับตู้อีกหนึ่งใบ นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ข้างเตียงมีฉากบังลมอยู่บานหนึ่ง บนฉากมีชุดบุรุษพาดอยู่ เสียงน้ำสาดรดดังขาดๆ หายๆ ออกมาจากหลังฉากบังลม ริมฝีปากเขาปรากฏรอยยิ้มชอบกล ก่อนจะถอดหน้ากากจิ้งจอกลง เผยใบหน้าชั่วร้ายงามละมุนออกมา
ใบหน้าเขาสมควรจะน่ามอง…องอาจผึ่งผายทั้งยังหล่อเหลาพริ้มพราย แม้ไม่มีกลิ่นอายสุภาพเรียบร้อย แต่กลับมีความสง่างามเป็นธรรมชาติอันเป็นลักษณะพิเศษของบุรุษในแถบเจียงหนานอย่างเต็มที่ แวบแรกที่มองเห็นก็ให้รื่นตารื่นใจ แต่ยามสายตาเขาช้อนขึ้นจากสมุดบันทึกบนโต๊ะกลม นัยน์ตาดำที่ยากจะแยกแยะเจตนาดีร้ายนั้นกลับเปลี่ยนแปลงใบหน้าที่เดิมที่ไร้พิษภัยไป
เขาเปิดสมุดบันทึกดูเล่นๆ เสียงกระดาษเปิดพลิกดังเป็นครู่ใหญ่กว่าจะทำให้คนที่หลังฉากรู้ตัว
“ผู้ใดกัน!”
บุรุษแค่นเสียงเย็นเสียงหนึ่ง พลางเตะเก้าอี้ขึ้นมาซัดไปทางฉากบังลมอย่างไม่ใส่ใจ