“ว้าย!” เสียงน้ำกระเซ็นซู่ซ่า กระบองเหล็กซัดฉากบังลมกลับมาพร้อมกับโจมตีใส่เขา สองมือเขาไพล่เก็บไว้ด้านหลัง เอียงตัวหลบอย่างสบายๆ กระบองเคลื่อนตามร่างเขา ลมแรงซัดด้านข้างตัวเขา เขาคว้ากระบองเหล็กไว้แล้วกระตุกดึงอย่างรำคาญอยู่บ้าง พร้อมกันนั้นก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ประคองผู้ใช้กระบองที่ทรงตัวได้ไม่มั่นคง มือเลื่อนไปตามเอวเปลือยเปล่าของนาง กดตัวนางกลับลงไปในอ่างอาบน้ำ
“พี่ห้า!” นางสูดหายใจเฮือก รีบเลื่อนร่างเปลือยเปล่าขาวราวหิมะลงในน้ำแทบไม่ทัน
“ไม่ใช่ข้าจะยังมีใคร” ไม่ได้เจอกันแค่เดือนครึ่ง เจ้ากลับลืมเสียแล้วว่าบนเกาะจะมีใครขวัญกล้าเข้ามาเรือนฉางชุนโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน…
“นั่น…นั่นสิ” บนหน้าร้อนผ่าว นางลืมโรคเก่าของพี่ห้าไปได้อย่างไรกัน ดวงตาฝานสุยอวี้เบิกโต จ้องมองเนี่ยยางยงใช้เท้าเกี่ยวเก้าอี้ซูเป้ยที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนนั่งลงอย่างเยือกเย็นเป็นธรรมชาติตาไม่กะพริบ “พี่ห้า…ท่านมีธุระ?”
ฉากบังลมล้มลงแล้ว แต่เขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าต่างที่เบื้องหน้าอย่างไม่เกรงคำครหา ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากอ่างอาบน้ำ…ไหล่นางกระตุก พี่ห้าไม่เกรงคำครหา แต่…แต่นางเกรงนี่! คนบ้า…ไม่ๆๆๆ ด่าเขาไม่ได้ พี่ห้าเป็นบุรุษที่นางเคารพที่สุดในโลก จะด่าเขาได้อย่างไร! ทว่าน่าตายนัก นับแต่นางอายุสิบสามเป็นต้นมา โรคพรรค์นี้ของพี่ห้าก็ไม่ได้กำเริบแล้ว
“ทำไม ข้าอยู่ตรงนี้ทำให้เจ้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา?”
พูดบ้าๆ ชายหญิงมีความแตกต่างกันนะ
“ไม่ใช่…” นางตอบอย่างดูขลาดกลัว อยู่ต่อหน้าเขาก็พูดปฏิเสธไม่ค่อยออก
“เช่นนั้นก็ดี” ดวงตาเขากวาดมองนางตามสบายรอบหนึ่ง
“ข้า…ข้านึกว่าพี่ห้าจะอยู่ในห้อง รอข้าไปหา” ร่างนางเลื่อนต่ำลงในน้ำใสแจ๋วมากขึ้นอีก เนื้อหนังส่วนที่โผล่เหนือน้ำเริ่มชาเพราะการจ้องมองของเขา
“ข้าก็กำลังรอเจ้า แต่คิดไม่ถึงว่ารอเป็นครึ่งค่อนวันแล้ว เจ้าก็ยังอาบน้ำอย่างชักช้ายืดยาดอยู่”
“ข้า…ข้าใกล้จะเรียบร้อยแล้ว…”
“ตั้งแต่เมื่อไรที่เจ้าพูดจาตะกุกตะกัก จนฟังไม่เป็นคำพูดแล้ว”
“เจ้าค่ะ…ข้าจะปรับปรุง…” นางไม่กล้าช้อนตามองสายตาวาววับของพี่ห้าตรงๆ เจ้าคนโง่เง่าเต่าตุ่นเอ๊ย…ไม่ ไม่ควรด่าพี่ห้าสิ เขาเกิดมาก็มีนิสัยทำอะไรตามใจอย่างมาก แทบจะทำทุกอย่างตามความต้องการเลยทีเดียว บนเกาะจิ้งจอกเขาเป็นนาย ในใจนาง ฐานะของเขาสูงส่งประหนึ่งอวี้หวงต้าตี้* แม้แต่ให้นางตายเพื่อพี่ห้า นางก็จะไม่ประท้วงสักคำ…หากแต่มิได้หมายความว่าเขาจะเอาแต่เล่นตลกพรรค์นี้ได้
เดิมก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่นางจำความได้ก็มีพี่ห้าอยู่ในความทรงจำแล้ว เขาเลี้ยงนาง สอนนาง ทรมานฝึกฝนนาง เอ่อ บางทีอาจจะยังเอ็นดูนางอีกนิดหน่อย ทำให้นางมีความเชี่ยวชาญหลายแขนงจากที่ไม่มีอะไร วันเวลาตอนยังเล็กนั้นลำบากนัก ล้วนต้องขอบคุณเขา ขณะพี่ไจ้อู่มุ่งมั่นฝึกยุทธ์ นางต้องร่ำเรียนเขียนอ่าน เรียนเย็บปักถักร้อย เรียนยุทธ์รวมถึงเรียนเพลงพิณ หมากล้อม ลายอักษร ภาพวาด เรียนจนแทบจะมากกว่าพี่ห้าแล้ว เหนื่อยยิ่งนัก ทว่ากล่าวตามตรง นางรู้สึกขอบคุณเขา ถึงขนาดว่ายินยอมพร้อมใจจะจงรักภักดีต่อเขาไปชั่วชีวิตเช่นเดียวกันกับพี่ไจ้อู่ หากแต่…พี่ห้าดันมีข้อเสียในจุดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะความมีนิสัยทำตามใจ เขาถึง…ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อเรื่องชายหญิงมีความแตกต่าง มักจะ ‘เล่นสนุก’ กับนางเป็นประจำ…มีบางครั้งตื่นมากลางดึกยังนึกว่าเจอผีเข้าแล้ว ภายใต้แสงจันทร์สลัวราง นางมองเห็นพี่ห้ากอดอกจ้องมองนาง ที่แย่หน่อยก็ตื่นมาพบว่าตนเองไม่รู้มีเพื่อนร่วมหมอนเพิ่มมาคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร
ข้อห้ามที่ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกันถูกเขาทำลาย แม้ว่าหลังจากนางอายุได้สิบสาม พี่ห้าจะรักษาระยะห่างระหว่างชายหญิงมากขึ้น แต่นางก็รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ของตนไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว
“หน้าเจ้ากลมไปหน่อย” เนี่ยยางยงว่า เขาเดินไปยกชามาก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง ประหนึ่งว่าอยู่ในห้องตนเอง
“ข้า…” ดวงตาดำเรียวยาวที่มีหนังตาชั้นเดียวกะพริบปริบๆ รู้สึกอยากร้องแต่ไร้น้ำตาอยู่บ้าง “ใช่แล้ว ข้าอ้วนขึ้น พี่สิบดูแลดี”
เขาจิบชาไปคำหนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วมองถ้วยน้ำชา
“แค่เดือนครึ่งนี้ก็สามารถเลี้ยงเจ้าจนเป็นเช่นนี้ได้ น้องสิบดูแลได้ดีจริงๆ ถ้ามิใช่ข้าเข้าใจเจ้า ข้าคงได้คิดจริงๆ ว่าเจ้าขึ้นไปฮุยโจวเพียงสนแต่กินไม่ทำการทำงาน”
ดูพี่ห้าพูดเข้าสิ เหมือนว่านางอ้วนจนเผละกระนั้น นางถลึงมองเขา น้ำเริ่มเย็นแล้ว อยากลุกขึ้นก็ไม่กล้า ท่าทางพี่ห้าเกรงว่าจะชวนคุยเรื่องสัพเพเหระแล้ว นี่ช่าง…เกินไปจริงๆ!
ลึกๆ นางเองก็รู้อยู่แล้วว่านางไม่โชคดีขนาดที่เขาจะปล่อยนางออกจากคุกอย่างง่ายดาย นี่เพียงเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทรมานเท่านั้น
“ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ ทำไม ขึ้นไปฮุยโจวมาเที่ยวหนึ่ง แม้แต่พูดก็ทำไม่เป็นแล้วหรือ” เขาดื่มชาไปอีกอึก หัวคิ้วยิ่งมุ่นยิ่งลึก
“ข้า…พี่ห้าจะด่าก็ด่าเถอะ สุยอวี้กำลังรออยู่”
“ด่า?” เขาเลิกคิ้ว นัยน์ตาดำอันชั่วร้ายจ้องมองนาง “ข้าจะด่าใคร ด่าเจ้าหรือ จะด่าอะไร เจ้าขึ้นไปทำงานที่ฮุยโจว เดิมนึกว่าติดตามข้างกายน้องสิบจะได้ศึกษาโลกกว้างมาสักหน่อย แต่ดูเถอะว่าเจ้าเรียนอะไรมา อีกทั้งนำอะไรกลับมาด้วย ชาวฝอหล่างจีผู้นั้น เจ้าเห็นเกาะจิ้งจอกเป็นอะไร เป็นโรงทาน? หรือเป็นเรือนพักรวมในตรอกที่รับคนไร้ประโยชน์เอาไว้หมด ข้าจะด่าเจ้าได้อย่างไรกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าเคยได้ยินข้าด่าเจ้าสักคำด้วยหรือ”
ที่แท้ก็เพราะชาวฝอหล่างจีผมแดงผู้นั้น