ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน องครักษ์เคียงคู่ ชุด คุณชายสกุลเนี่ย
“เขา…เขาช่วยข้าไว้ พี่ห้า ถ้ามิใช่เขาทนมองเฉยไม่ได้ เลยช่วยข้าจากน้ำมือโจรสลัดวอโค่วกลุ่มนั้น เกรงว่าข้าคงไม่อาจกลับมาอยู่ข้างกายพี่ห้าได้อีกแล้ว”
“อ้อ? นั่นก็หมายความว่าเจ้าร่ำเรียนมาไม่ได้ความแล้ว?” ตาเขาหรี่ลง “เรียนมาไม่ได้ความก็กล้าไปสู้โจรสลัดวอโค่ว? เจ้าต้องการช่วยคนหรือต้องการเอาชีวิตไปทิ้งด้วยกันแน่”
“พี่ห้า พวกเขาฆ่าคนนะ!” นางขยับ คิดจะลุกขึ้นด้วยความพลุ่งพล่าน น้ำกระเซ็น ทว่าพอมองเห็นสายตาเขาเลื่อนลงด้านล่างถึงค่อยลนลานขดตัวกลับลงไปใหม่ “พี่ห้า พวกเขามาก่อกวนหมู่บ้านชาวประมงริมทะเลอีกแล้ว ขอเพียงเป็นชาวฮั่นก็ล้วนจะชักดาบเข้าช่วยทั้งนั้น”
“ปมเรื่องชาวฮั่นอีกแล้ว?” สีหน้าท่าทางเขาเฉยชา นัยน์ตาดำแม้จะมีแววชั่วร้ายเพิ่มมาหลายชั้น แต่สิ่งที่แสดงออกมายังคงเป็นความเฉยชา
“ข้า…ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นปมเรื่องชาวฮั่นหรือไม่ แต่โจรสลัดวอโค่วรุกรานยึดครองก่อกวนชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” ถึงจะติดตามอยู่ข้างกายเขาเป็นสิบปี แต่ก็ไม่มีวันเลียนอย่างนิสัยเย็นชาและทัศนะที่มีต่อ ‘คน’ ของเขาได้
“อ้อ เจ้ารู้จักเทศนาแล้ว แม้แต่คำข้าก็ลืมแล้ว ดังนั้นเจ้าเลยลงมือ ซ้ำยังพาคนกลับมาด้วย เจ้าคิดจะจัดการกับเขาอย่างไร”
“ข้า…เขากลับไปเกาะแฝดไม่ได้แล้ว บางที…เขาอาจจะอยู่ที่เกาะจิ้งจอกต่อได้?” นางมองเขาอย่างคาดหวัง
คิ้วเขาเลิกขึ้น จ้องนางเป็นครู่ใหญ่
“พี่…พี่ห้า?”
“เจ้าอยากให้เขาอยู่ต่อ?” น้ำเสียงเขาแฝงความหมายลึกซึ้ง
“ข้า…เขาออกจากเกาะจิ้งจอกไปจะต้องถูกคนจากเกาะแฝดตามฆ่าเป็นแน่ เขาเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า ข้าย่อมอยากให้เขาอยู่ต่อแน่นอน”
“ดี เจ้าพูดเองนะ” เขารับปาก “เจ้าอยากให้เขาอยู่ต่อก็ให้เขาเป็นผู้ติดตามของเจ้า ตอนนี้เขาเป็นคนของเจ้าแล้ว ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าจะต้องรับผิดชอบเอง”
น้ำเสียงทำนองนี้คล้ายว่านางเคยรู้จัก ก็เหมือนเช่นที่ผ่านมาไม่ว่านางขออะไร พี่ห้าล้วนแต่ตกลง ทว่าเงื่อนไขแรกคือนางต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา นี่ก็คือรูปแบบการสั่งสอนที่เขามีต่อนาง นางอยากทำอะไรล้วนทำได้ทั้งนั้น แต่ผลลัพธ์ต้องรับเอาเอง และเขาก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดๆ จริงๆ ถึงนางจะสะดุดล้มอย่างแรง ถึงนางจะมีแผลเต็มตัว เขาก็เพียงแต่มองดูอยู่ข้างๆ อย่างเยียบเย็นเท่านั้น
นางลังเลอยู่ชั่วประเดี๋ยวจึงเอ่ย “ขอบคุณพี่ห้า”
“ถึงเจ้าจะเรียนไปชั่วชีวิต เกรงว่าก็ยังคงเอาอย่างนิสัยข้าได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ” เขาพูดกับตัวเอง
“ฮัดชิ้ว?” ปลายจมูกนางคันยุบยิบ จึงปิดปากจามเบาๆ ออกมา
เขาแสร้งลุกขึ้นยืนด้วยความแปลกใจ
“เป็นหวัดแล้วหรือ ข้าก็ว่าแล้วว่าเจ้าเอาแต่โลภจะแช่น้ำ น้ำต้องเย็นไปนานแล้วแน่นอน จะอาบก็ไปต้มน้ำใหม่ ตอนนี้ขึ้นมาก่อนเถอะ”
ริมฝีปากนางเผยอน้อยๆ ใจเต้นสะดุดไปหนึ่งจังหวะ ตาเรียวยาวเบิกโพลง ถลึงมองเขาก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ
“พี่ห้า…”
“หืม?” เขาเหมือนกำลังยิ้ม ยิ้มได้ชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก
“ข้า…ข้า…ข้าอยากใส่เสื้อผ้าแล้ว” นางขดตัวลงต่ำกว่าเดิมจนคางแตะผิวน้ำ นางเคารพเขา ชื่นชมเขา ความบริสุทธิ์ก็ถูกทำลายภายใต้น้ำมือเขา หากแต่นั่นมิได้หมายความว่าจะให้เขาทำตามใจชอบได้จริงๆ น่าชังนัก!
“ข้ารู้ รีบใส่เสื้อผ้าเถอะ เป็นหวัดเข้าจะแย่เอา” เขาหยุดเท้า อีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถมองเห็นทุกอย่างในอ่างแล้ว!
“พี่ห้า” นางทำหน้ายู่ พี่ห้าตั้งใจจะเล่นยืดเยื้อกับนางอีกแล้วหรือ ถ้าพี่ห้าเป็นแมว เช่นนั้นนางก็เป็นหนูตัวน้อย ไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมมือของพี่ห้าไปได้จริงๆ
“สุยอวี้?”
นางยอมรับชะตากรรมแล้ว หน้าก็แดงแล้วเช่นกัน ก่อนจะลุกพรึ่บขึ้นมา หลับตาปี๋ ยอมจะไม่มองพี่ห้า อย่างน้อยขณะดวงตาชั่วร้ายของเขามองนาง นางก็ไม่ต้องเห็นเขา
“สุยอวี้! เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่ ท่านห้าไม่ได้อยู่ในห้อง…” เสียงดังๆ ของฟางไจ้อู่ยังไม่ทันดังทั่วเรือนฉางชุน ประตูก็ถูกผลักเปิดอย่างบุ่มบ่ามโผงผางแล้ว
นางตกใจจนสะดุ้ง ยังไม่ทันแตะถูกเสื้อผ้าก็มองเห็นพี่ห้าใช้เท้าข้างหนึ่งเตะกระบองเหล็กของนางลอยไป ปลายกระบองฟาดฉากบังลมจนพลิกขึ้นมาตั้งอยู่เบื้องหน้าร่างเปลือยเปล่าของนางทันเวลาพอดี ประหนึ่งว่าไม่เคยถูกย้ายที่ไปไหนอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาชั้นเดียวเรียวยาวของนางยังคงเบิกโต วรยุทธ์ของพี่ห้าต้องสูงส่งกว่าพี่ไจ้อู่อย่างแน่นอน แม้จะเห็นเขาสำแดงฝีมือน้อยครั้ง แต่เมื่อครู่พี่ห้าใช้เท้าเตะลวกๆ ทีเดียวก็ทำให้นางทึ่งไม่หยุดได้แล้ว
“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาโดยไม่บอกก่อน”
“เอ๊ะ! ท่านห้า” ฟางไจ้อู่ได้ยินเสียงอยู่หลังฉากบังลมก็คิดจะก้าวไปส่องดู เนี่ยยางยงกลับเดินทอดน่องออกมาจากหลังฉาก
“ท่านห้า ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่เอง ข้าคิดว่าท่านขึ้นไปทางเหนือแล้วเสียอีก”
“เจ้าคิดว่าข้าปล่อยเจ้าออกมา การลงโทษก็จะสิ้นสุดแล้วหรือ” เขาเลิกคิ้ว มองอารมณ์ใดๆ จากบนหน้าเขาไม่ออก
รอยยิ้มฟางไจ้อู่ค่อยๆ เลือนหายไป
“ไม่ขอรับ ข้ามิได้คิดเช่นนั้น” หน้าเขาเริ่มเหยเก เมื่อครู่นึกจริงๆ ว่าต่อจากสุยอวี้ โชคดีก็ตกมาถึงเขาแล้ว เขามองท่านห้าหยิบชุดบุรุษบนพื้นขึ้นมาโยนไปด้านหลังฉากบังลมอย่างแปลกใจอยู่บ้าง งงงันไปชั่วครู่ถึงค่อยพูดด้วยความประหลาดใจ
“สุยอวี้อยู่ด้านหลัง?” พอยกเท้ากำลังจะก้าวขึ้นหน้ากลับพลันได้ยินเสียงห้าม
“นี่เป็นห้องของสตรี เจ้าคิดจะทะเล่อทะล่าไปไหน”
“เอ๋? ท่านห้า ข้ากับสุยอวี้เป็นเหมือนพี่น้องกัน มีจุดใดในห้องนางที่ข้าไม่เคยเหยียบบ้าง”
“อ้อ?” เสียงเรียบๆ เสียงหนึ่ง ฟังคล้ายเป็นปกติ แต่รู้สึกอยู่ตลอดว่าใจสั่นระรัวขึ้นมา
เขาพูดผิดไปอย่างนั้นหรือ ความคิดความอ่านของท่านห้ายากจะคาดเดา เขาตามความคิดของอีกฝ่ายไม่ทันโดยสิ้นเชิง
“ท่านห้า…สุยอวี้?!” เขาดวงตาสว่างวาบ มองใบหน้าของสุยอวี้ชะโงกออกมาจากหลังฉากบังลม นางปรากฏตัว เขาก็สบายใจแล้ว อย่างน้อยที่สุดนางก็เป็นสตรี สตรีก็เป็นเหมือนดอกไม้พูดได้ สามารถพิจารณาคาดเดาความหมายของคำพูดท่านห้าได้อย่างแจ่มแจ้ง ต่อให้ไม่สามารถก็ยังมีสหายร่วมรับกรรมเป็นเพื่อน ช่างดีเสียนี่กระไร
“เจ้า…เจ้ากำลังทำอะไรอยู่” เขาขมวดคิ้วเข้มถาม “ผมยังเปียกอยู่เลย…” ช้าไปครู่ใหญ่กว่าจะตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นางกำลังอาบน้ำ…เขาพลันอึ้งงันไปอีกครั้ง สายตาเลื่อนไปยังท่านห้า
ท่านห้า…เมื่อครู่มิใช่อยู่ข้างหลังฉากบังลมเหมือนกันหรือไร