ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อริร้ายหวนรัก บทที่ 5
นางพูด “ผู้บัญชาการกล่าวผิดแล้ว! เรื่องราวในราชสำนักเดิมทีข้าไม่สมควรก้าวก่าย เพียงแต่ข้าไม่อยากให้หน้าที่ของบรรพบุรุษ สายเลือดของวงศ์ตระกูลต้องขาดตอนไปในรุ่นของน้องชายเท่านั้นเอง” พูดจบ นางก็เปลี่ยนเรื่อง “ได้ยินว่าทางตำหนักทิงเจิ้งน่าจะหารือเรื่องการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่เสร็จแล้ว ไม่ทราบกำหนดวันขึ้นครองราชย์เป็นวันใด จะจัดพิธีราชาภิเษกที่ไหน สุสานของอดีตฮ่องเต้จะจัดการเช่นไร”
โดยทั่วไปพิธีราชาภิเษกล้วนจัดในตำหนักทิงเจิ้ง ตอนนี้โลงศพของซย่าโหวโหย่วเต้ายังตั้งอยู่ในตำหนักทิงเจิ้ง คนในสำนักราชเลขาจะย้ายโลงศพของซย่าโหวโหย่วเต้าไปวัดวั่นเฉิงก่อนกำหนดเพื่อประจบเอาใจฮ่องเต้องค์ใหม่หรือไม่ สุสานของซย่าโหวโหย่วเต้าเพิ่งจะเริ่มสร้าง ไม่เพียงต้องใช้เงิน ยังต้องเพิ่มกำลังคนด้วย ชาติก่อนโลงศพของซย่าโหวโหย่วเต้าตั้งอยู่ในวัดฉือเอินเป็นเวลาเจ็ดเดือน เฝิงซื่อยังเคยคิดจะตัดค่าธูปเทียนน้ำมันในการตั้งโลงของซย่าโหวโหย่วเต้าด้วยซ้ำ
นี่ต่างหากเรื่องที่นางเป็นห่วงมากที่สุด ส่วนเรื่องที่ราชสำนักควรเป็นเช่นไรนั้นไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับนางเลย ซย่าโหวอวี๋ปฏิเสธเซียวหวนอย่างเด็ดขาด
เซียวหวนหัวคิ้วขมวดมุ่น เขาคิดไม่ถึงว่าซย่าโหวอวี๋จะไม่ยอมรับฟังอะไรเลยเช่นนี้ เขาเองก็มีนิสัยไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เช่นกัน เขาจึงพูดออกมาตรงๆ “ก่อนหน้านี้ยังไม่มีการหารือเรื่องเหล่านี้ แม่ทัพใหญ่หลูคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเรื่องเป่ยเหลียง ที่ผ่านมากู้ซย่าคอยยุยงเป่ยเหลียงเหวินตี้ให้ใช้กำลังทหารกับทางใต้มาตลอด บัดนี้เขาเป็นต้าซือหม่าแล้ว เกินครึ่งน่าจะโน้มน้าวให้เหวินตี้ยกทัพลงใต้ หยางโจว จิงโจวและเซียงหยางล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แทนที่ถึงเวลาพวกเราค่อยป้องกัน มิสู้รวบรวมกำลังทหารตั้งแต่ตอนนี้ ชิงยกทัพขึ้นเหนือเสียก่อน เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวพันถึงการโยกย้ายขุนนาง…”
เหมือนกับชาติที่แล้ว เซียวหวนก็เอาเรื่องนี้มาอ้าง ซย่าโหวโหย่วฝูจึงแต่งตั้งเขาเป็นต้าซือหม่า เขานำทหารสามหมื่นเดินทางขึ้นเหนือทางเซียงหยาง หลังจู่โจมเมืองติดกันสามเมือง เป่ยเหลียงเหวินตี้เสียชีวิตกะทันหัน เป่ยเหลียงโกลาหล องค์ชายหลายคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้างว่าตนเองเป็นทายาทที่ถูกต้องโดยชอบธรรม พากันตั้งตัวเป็นใหญ่ ต่อสู้แย่งชิงภายใน เซียวหวนทำศึกไปจนถึงเมืองลั่วหยาง ชื่อเสียงโด่งดังเทียบเท่าเว่ยชิงและฮั่วชวี่ปิ้ง สั่นคลอนบารมีของหลูยวนเป็นอย่างยิ่ง
หลูยวนเห็นท่าไม่ดีจึงใช้เหตุผลว่าเซียวหวนมีความดีความชอบมากเกินไปจนคุกคามเจ้านาย โน้มน้าวเฝิงซื่อกับซย่าโหวโหย่วฝู ตัวนางเองก็ทะเลาะกับเซียวหวนอีก เซียวหวนไม่มีคนที่มีอำนาจในราชสำนักช่วยพูดแทน สุดท้ายจึงถูกบีบคั้นจนต้องย้อนกลับมาที่เมืองเจี้ยนคังอย่างจนใจ
นับแต่นั้นมา เซียวหวนก็ตระหนักถึงอำนาจในราชสำนัก ไม่รู้เขาใช้วิธีการใดโน้มน้าวเซี่ยตันหยาง สองคนช่วยเหลือพึ่งพากัน สามปีให้หลังเมื่อเป่ยเหลียงแตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย เซียวหวนจึงผลักดันเซี่ยตันหยางให้รับตำแหน่งซื่อจง เป็นราชเลขาธิการฝ่ายพระราชวัง ส่วนเขายกทัพขึ้นเหนือเป็นครั้งที่สอง
ชาตินี้เซียวหวนไม่อาจสนับสนุนให้ซย่าโหวโหย่วฝูขึ้นครองราชย์ ไม่อาจใช้โอกาสนี้ก้าวกระโดดขึ้นเป็นขุนนางที่โดดเด่นที่สุดในราชสำนัก ส่วนหลูยวนก็คิดจะแต่งตั้งซีไห่อ๋องเป็นฮ่องเต้ ทำให้สูญเสียความไว้วางใจจากฮ่องเต้องค์ใหม่ไป
นับว่าทั้งสองเสมอกัน เพียงแต่ไม่รู้ต่อจากนี้เซียวหวนจะมีแผนการอะไรและจะทำอะไรบ้าง
ซย่าโหวอวี๋ใคร่ครวญจนใจลอย พอนางได้สติกลับมา เซียวหวนก็กำลังพูดถึงเจตนาของหลูยวน “…แต่งตั้งหลูไหวเป็นแม่ทัพทัพกลาง บัญชาการกองทัพที่หยางโจว อวี้โจว สวีโจวสามมณฑล แต่งตั้งผู้ว่าการมณฑลสวีโจวเป็นกองหน้า ให้แม่ทัพอันซีเป็นผู้ตรวจการและหัวหน้าทัพ โยกย้ายเสบียงจากไหวอัน เดินทางขึ้นเหนือปราบเป่ยเหลียง”
นางฟังแล้วอดครุ่นคิดไม่ได้ “หลูยวนคิดจะข้ามแม่น้ำที่จิงโข่วหรือ”
หากราชสำนักคิดจะยกทัพขึ้นเหนือ มีเพียงสองเส้นทางเท่านั้น หนึ่งคือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ข้ามแม่น้ำที่หนิวจู่ ขึ้นเหนือโดยผ่านลี่หยาง อีกเส้นทางคือไปทางทิศตะวันออก ข้ามแม่น้ำที่จิงโข่ว ขึ้นเหนือโดยผ่านก่วงหลิงและเผิงเฉิง การขึ้นเหนือจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ต้องอาศัยกำลังจากเซียงโจวจิงโจวสองมณฑล การขึ้นเหนือจากทิศตะวันออกต้องอาศัยกำลังจากสวีโจวอวี้โจวสองมณฑล”
ตอนนี้เซียวหวนดำรงตำแหน่งแม่ทัพเพี่ยวจี้ ผู้บัญชาการกองทัพสวีโจวอวี้โจวสองมณฑล หลูยวนเลือกเดินทางขึ้นเหนือทางทิศตะวันออก คงไม่ได้คิดจะอาศัยโอกาสนี้จัดการเซียวหวนด้วยกระมัง
ซย่าโหวอวี๋ปรายตามองเซียวหวนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เซียวหวนยากจะปกปิดความตื่นตระหนกในใจ กงจู่ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้แย่งชิงภายในวังอย่างซย่าโหวอวี๋ มิใช่ควรใส่ใจว่าตระกูลใดแสดงความเป็นมิตรต่อนางมากกว่า ขุนนางคนใดยินดีทำงานให้นาง สตรีบ้านใดไม่เคารพนาง บ้านใดมีความลับอะไรกระนั้นหรือ นางรู้ได้อย่างไรว่าการเดินทัพขึ้นเหนือต้องใช้เส้นทางใด
เซียวหวนมองซย่าโหวอวี๋อย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงรู้สึกว่าตนเองในฐานะฟู่หม่าของซย่าโหวอวี๋กลับเผยสีหน้าโง่งมเหมือนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางเลยแม้แต่น้อยออกมา เขารีบเก็บสีหน้า ทำท่าเหมือน ‘เรื่องนี้ไม่มีอะไรสักหน่อย พวกเราสมควรคุยกันเช่นนี้อยู่แล้ว’ จากนั้นก็เอ่ยว่า “ถูกต้อง แม่ทัพใหญ่จะข้ามแม่น้ำที่จิงโข่วและเดินทัพขึ้นเหนือ”
ชาติก่อนเซียวหวนก็ข้ามแม่น้ำที่จิงโข่วและตีเมืองต่างๆ ไปจนถึงลั่วหยาง ทว่ายามนี้หลูไหวยังมีหลูยวนรักษาการณ์อยู่ที่เมืองเจี้ยนคัง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเสบียงอาหาร ไม่แน่สงครามครั้งนี้อาจง่ายดายยิ่งกว่าตอนที่เซียวหวนทำสงครามครั้งนั้นเสียอีก
หรือว่านางมีชีวิตใหม่อีกครั้ง นอกจากจะช่วยชีวิตน้องชายไม่สำเร็จแล้ว ยังไปให้ประโยชน์แก่หลูยวน?
หากสกุลหลูสร้างความดีความชอบด้านสงครามครั้งนี้อีก ชื่อเสียงบารมีย่อมไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเกรงขามยิ่งกว่าในชาติก่อนด้วยซ้ำ เช่นนั้นนางมิต้องถูกหลูยวนกดขี่ต่อไปหรือ ซย่าโหวอวี๋ไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน การไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การถูกบีบบังคับให้ออกไปอยู่ต่างถิ่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มิน่าเซียวหวนถึงได้มาหานาง เขาต้องคิดถึงปัญหาข้อนี้เหมือนกันแน่
ซย่าโหวอวี๋พูด “ท่านมีความคิดเช่นไร”
เซียวหวนขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้สำคัญ หรือเพราะสีหน้าของซย่าโหวอวี๋เมื่อครู่นี้ทำให้เขาต้องมองนางใหม่ สีหน้าเขาเคร่งขรึมกว่าเมื่อครู่นี้หลายส่วน พูดเสียงเครียด “ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะเสนอให้หลูไหวเป็นผู้รับผิดชอบนำทัพขึ้นเหนือ ได้เสนอให้ข้าเป็นผู้บัญชาการกองทัพในเซียงโจว จิงโจวสองมณฑล”
น้าชายของซย่าโหวอวี๋เป็นผู้ว่าการมณฑลจิงโจว หากเซียวหวนเป็นผู้บัญชาการกองทัพในเซียงโจว จิงโจวสองมณฑล เขาย่อมกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของเจิ้งเฟินน้าชายของซย่าโหวอวี๋
เรื่องนี้จะให้สกุลเจิ้งคิดเช่นไร จะให้นางคิดเช่นไร
แต่ซย่าโหวอวี๋จำต้องยอมรับว่าหลูยวนดีดลูกคิดได้ไม่เลวจริงๆ ให้สกุลเจิ้งกับสกุลเซียวแย่งชิงอำนาจอยู่ทางตะวันตก สิ้นเปลืองกำลังของตระกูล ส่วนสกุลหลูกลับยึดครองเจียงหนาน วางแผนอย่างผ่อนคลาย กุมอำนาจในราชสำนักแต่เพียงผู้เดียว อนาคตข้างหน้าสองสกุลย่อมเห็นผลแพ้ชนะชัดเจน
กระนั้นเซียวหวนตั้งใจมาบอกนางเรื่องนี้ คิดว่าคงตระหนักได้ว่าการจัดการเช่นนี้ไม่เหมาะสม เรื่องนี้ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้
เซียวหวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ซย่าโหวอวี๋เป็นภรรยาของเขา นางมีฐานะสูงศักดิ์ เขาเองก็ไม่เรียกร้องให้นางเคารพนอบน้อมเขา แต่ท่าทางแบ่งแยกเรื่องงานชัดเจน ดูเกรงใจและเหินห่างเช่นนี้ เขาคิดอย่างไรก็รู้สึกขัดใจเหลือเกิน
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)