ซย่าโหวอวี๋มองเด็กที่ถูกตนขุดมาจากดินแดนอันห่างไกลผู้นี้ด้วยความรู้สึกซับซ้อน ชาติก่อนซย่าโหวโหย่วอี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งพวกนี้เลย เขาได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองตงไห่อย่างราบรื่น แต่งภรรยาและมีบุตร ตอนที่นางเกิดเรื่องขึ้นเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ในความทรงจำของนางนั้น เขายังคงเป็นเด็กน้อยที่เกาะราวกั้นรถเทียมวัว และมองกลับมายังวังหลวงอย่างอาลัยอาวรณ์จวบจนรถเทียมวัวแล่นจากไปไกลแล้วเสมอ นั่นเป็นเหตุการณ์ตอนมารดานางเหวินเซวียนฮองเฮาส่งเขาไปยังที่ดินบรรดาศักดิ์
“เดินทางลำบากแล้ว!” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ ไม่อยากให้ซย่าโหวโหย่วอี้เรียกนางว่า ‘พี่สาว’ แม้แต่น้อย คำเรียกขานนี้ควรเป็นของน้องชายนางซย่าโหวโหย่วเต้าเพียงผู้เดียว จะไม่มีผู้อื่นเรียกได้อีก นางเตือนซย่าโหวโหย่วอี้เสียงค่อยอย่างอ้อมค้อม “ตอนนี้ท่านเป็นโอรสสวรรค์แล้ว เรียกข้าว่าจ่างกงจู่จะดีกว่า”
ส่วนลึกในดวงตาของซย่าโหวโหย่วอี้ฉายความงุนงง แต่เขายังคงทำตามคำสั่งของซย่าโหวอวี๋อย่างว่าง่าย เรียกนางใหม่ว่า “จ่างกงจู่”
ซย่าโหวอวี๋ผงกศีรษะอย่างชื่นชม ทว่าเซียวหวนกลับหงุดหงิดเหลือเกิน ซย่าโหวโหย่วฝูพักอยู่ในเรือนที่เขาจัดเอาไว้ให้ ยามนี้เฝิงซื่อกับซย่าโหวโหย่วฝูยังคงรอฟังข่าวดีจากเขาอยู่ ทว่าซย่าโหวอวี๋กลับไปเสาะหาน้องชายคนหนึ่งที่เหมือนกับซย่าโหวโหย่วเต้ามา คนที่เต็มไปด้วยความเคารพรักนาง
อู่จงฮ่องเต้นี่อย่างไรกัน ลูกชายหนึ่งคนสองคนล้วนเป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด! หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ซย่าโหวอวี๋เลือกซย่าโหวโหย่วอี้มารับตำแหน่งฮ่องเต้
ทว่าซย่าโหวอวี๋ก็นับว่าหาทางออกให้เขาเช่นกัน ในเมื่อซย่าโหวโหย่วฝูมาเมืองเจี้ยนคังแล้ว ย่อมมิอาจกลับหลางหยาไปอย่างเงียบๆ ได้ ทำได้แค่เข้าวังโดยอ้างว่ามาจุดธูปเซ่นไหว้ซย่าโหวโหย่วเต้า เพียงแต่ตอนที่เฝิงซื่อเห็นซย่าโหวโหย่วอี้ขึ้นครองราชย์แล้วอาจจะอาละวาดยกใหญ่
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเซียวหวนก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็น เฝิงซื่อกับซย่าโหวโหย่วฝูที่ไม่มีอำนาจก็เป็นแค่แมวที่ถูกเลี้ยงไว้ ไม่น่าหวั่นเกรง กลัวก็แต่ฮ่องเต้ตรงหน้าผู้นี้จะอายุไม่ยืน ซย่าโหวโหย่วฝูย่อมกลายเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียว สายตาของเซียวหวนวาวระยับ
เซี่ยตันหยางกลับปีติยินดีมากนัก ซย่าโหวโหย่วอี้รูปโฉมสะอาดสะอ้าน ท่วงท่ากิริยาสง่างาม นิสัยสุภาพอ่อนโยน ฮ่องเต้องค์ใหม่ผู้นี้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากจริงๆ ซย่าโหวอวี๋ทำอะไรล้วนไว้ใจได้จริงๆ!
เขาก้าวออกไปคารวะซย่าโหวโหย่วอี้อย่างเต็มพิธี พูดเสียงดังอย่างนอบน้อม “กระหม่อมเซี่ยสยา ขอต้อนรับโอรสสวรรค์!” เซี่ยตันหยางมีชื่อว่าสยา
ขุนนางใหญ่คนอื่นๆ ที่อยู่ในตำหนักต่างก็ได้สติ พากันคารวะฮ่องเต้องค์ใหม่
ภายในตำหนักข้างที่ไม่ใหญ่โตนัก ยามนี้กลับมีคนยืนอยู่สี่คน คนหนึ่งคือซย่าโหวโหย่วอี้ที่ยังงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์ คนหนึ่งคือซย่าโหวอวี๋ที่คิดไม่ถึงว่าเหล่าขุนนางจะยอมรับฮ่องเต้องค์ใหม่ได้รวดเร็วเพียงนี้ พอคิดว่าโลงศพของน้องชายยังตั้งอยู่ในโถงพิธี ในใจนางก็รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย อีกคนหนึ่งคือเซียวหวนที่ลังเลว่าตนเองควรปฏิบัติกับซย่าโหวโหย่วอี้ด้วยท่าทีเช่นไรกันแน่ และอีกคนคือหลูยวนที่มีสีหน้าหยิ่งยโสโอหัง ท่าทางแฝงแววเหยียดหยันเล็กน้อย
แต่เซียวหวนได้สติอย่างรวดเร็ว นี่เป็นราชสำนักใหม่แล้ว เป็นการเริ่มต้นใหม่ เรื่องราวต่างๆ ในอดีตเป็นเช่นหมอกควันที่ลอยผ่านไป เขาควรแสดงท่าทีและจุดยืนในทันทีถึงจะถูก
เซียวหวนคุกเข่าลงเอ่ยว่า “กระหม่อมจิ้นหลิงฟู่หม่าตูเว่ย แม่ทัพใหญ่เพี่ยวจี้ ผู้บัญชาการกองทัพในสวีโจวและอวี้โจว เซียวหวน ถวายบังคมโอรสสวรรค์!” เขาทำให้คนอื่นๆ เข้าใจว่าตนเองอยากจะโดดเด่น ถึงได้คุกเข่าถวายบังคมฮ่องเต้องค์ใหม่หลังขุนนางคนอื่นๆ
สายตาของซย่าโหวโหย่วอี้ถูกเซียวหวนดึงดูดไปในทันที เขามองเซียวหวนด้วยความฉงนใจเล็กน้อย
ซย่าโหวอวี๋ตัดสินใจแล้วเช่นกัน ในเมื่อนางจะละทิ้งอดีต ย่อมต้องลืมความสูงศักดิ์ในสมัยที่อู่จงฮ่องเต้ครองราชย์ ลืมการเป็นที่นับหน้าถือตาในสมัยที่ซย่าโหวโหย่วเต้าปกครองบ้านเมือง ซย่าโหวอวี๋คุกเข่าให้ซย่าโหวโหย่วอี้ ทว่ากลับถูกซย่าโหวโหย่วอี้คว้าแขนเอาไว้ เขาพูดเสียงค่อย “พี่สาว เอ่อ จ่างกงจู่ ท่านคอยอยู่เป็นเพื่อนข้าเถอะ ไม่ต้องคุกเข่า”
ซย่าโหวอวี๋ขบคิดดูแล้วก็รู้สึกว่านางยังต้องถวายบังคมฮ่องเต้องค์ใหม่ตามกฎธรรมเนียม เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซย่าโหวโหย่วอี้ย่อมเป็นเพียงฮ่องเต้กับขุนนาง นางไม่คิดจะสนับสนุนหรือปกป้องฮ่องเต้คนใดอีกแล้ว ความรู้สึกบางอย่าง การเสียสละบางอย่าง จะเป็นของน้องชายที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับนางมาเท่านั้น
การอยู่คนเดียวในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้านย่อมทำให้เกิดความกังวล ความหวาดกลัว ความอ่อนแอ และความไม่สบายใจ ซย่าโหวอวี๋เคยผ่านประสบการณ์นี้มาอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นนางจึงอธิบายกับซย่าโหวโหย่วอี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “บัดนี้พระองค์เป็นโอรสสวรรค์แล้ว หากทรงทำผิดกฎธรรมเนียมตั้งแต่แรก วันหน้าจะทำให้เหล่าขุนนางเคารพเชื่อฟังได้อย่างไร” นางคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย