ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อริร้ายหวนรัก บทที่ 5
ซย่าโหวโหย่วอี้มองซย่าโหวอวี๋ ท่าทางของเขาทำอะไรไม่ถูก ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรออกมาแล้วก็เงียบไป
เซียวหวนที่ใช้หางตาสังเกตการณ์อยู่ตลอดยกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เหลือหลูยวนยืนอยู่เพียงผู้เดียว เซียวหวนความคิดแล่นปราด เขาคลานเข่าไปข้างหน้าสองก้าว พูดเสียงค่อยเหมือนเสียงยุงกับซย่าโหวโหย่วอี้ด้วยน้ำเสียงเตือนสติ “โอรสสวรรค์ ทรงรีบบอกแม่ทัพใหญ่ว่าไม่ต้องคุกเข่าถวายบังคมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ซย่าโหวโหย่วอี้เหมือนเพิ่งได้สติกลับคืนมาอีกครั้งเพราะคำพูดนี้ อารมณ์ที่ฉายอยู่บนใบหน้าถูกเก็บกลับไปทันที เขารีบพูด “แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องถวายบังคม ทุกท่านลุกขึ้นเถอะ”
น้ำเสียงของเขาอ่อนเยาว์ สั่นสะท้านเล็กน้อยเพราะความหวาดกลัวและไม่คุ้นเคย ถึงอย่างนั้นก็พยายามเปล่งออกมาอย่างก้องกังวานเต็มที่แล้ว แตกต่างจากตอนซย่าโหวโหย่วเต้าขึ้นครองราชย์ที่เอาแต่จับมือซย่าโหวอวี๋ไม่ปล่อยโดยสิ้นเชิง ทำให้ขุนนางเก่าแก่สมัยอู่จงฮ่องเต้ปลาบปลื้มน้ำตาคลอ เอ่ยอย่างพร้อมเพรียงว่า “โอรสสวรรค์ช่างปราดเปรื่อง”
ซย่าโหวโหย่วอี้ ‘ปราดเปรื่อง’ ตรงที่ใดกัน! ซย่าโหวอวี๋ค่อนขอด ทว่าในใจนางรู้ดีว่าซย่าโหวโหย่วอี้กล้าหาญกว่าน้องชายของนางมากนัก บางทีนี่อาจเป็นโชคดีของราชวงศ์ซย่าโหวของพวกเขาแล้ว!
ซย่าโหวโหย่วอี้หันไปมองเถียนเฉวียน
เถียนเฉวียนก้าวเข้าไปประคองซย่าโหวอวี๋ขึ้นมา
หลูยวนมองซย่าโหวอวี๋กับเซียวหวนเล่นละคร ดวงตาก็ฉายแววเหยียดหยันดูแคลน เขาบังเกิดความคิดที่จะสังหารซย่าโหวอวี๋อีกครั้ง
เซียวหวนกลับอาศัยฐานะฟู่หม่าตูเว่ยนำทางซย่าโหวโหย่วอี้ไปจุดธูปเซ่นไหว้ซย่าโหวโหย่วเต้า จากนั้นจึงหารือเรื่องพิธีศพของซย่าโหวโหย่วเต้ากับซย่าโหวโหย่วอี้ “ท่านอ๋องทั้งหลายส่งคนไปแจ้งแล้ว โอรสสวรรค์ว่าทางด้านหลางหยาอ๋องต้องส่งคนไปแจ้งด้วยหรือไม่”
ซย่าโหวโหย่วอี้รู้ว่านี่เป็นเพราะซย่าโหวโหย่วฝูแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้กับเขา จึงรีบตอบว่า “ย่อมสมควรเชิญหลางหยาอ๋องมาเจี้ยนคังเพื่อเซ่นไหว้อดีตฮ่องเต้ด้วยตนเอง”
เซียวหวนรับคำด้วยความชื่นชม เถียนเฉวียนค้อมกายก้าวขึ้นมาพูด “ก่อนหน้านี้แม่ทัพใหญ่หารือกับเหล่าขุนนาง พระศพของอดีตฮ่องเต้จะย้ายไปวัดวั่นเฉิง จ่างกงจู่สั่งให้กระหม่อมเก็บกวาดตำหนักลู่หมิงให้เรียบร้อยเพื่อใช้เป็นตำหนักบรรทมชั่วคราวของโอรสสวรรค์ รอให้ย้ายโลงของอดีตฮ่องเต้ไปแล้ว โอรสสวรรค์ค่อยย้ายเข้าไปในตำหนักทิงเจิ้ง ผู้ที่ติดตามโอรสสวรรค์มาด้วยล้วนจัดให้พักอยู่ในตำหนักลู่หมิง โอรสสวรรค์เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย จะเสด็จไปตำหนักลู่หมิงเพื่อพักผ่อนก่อน หรือตรัสกับใต้เท้าทั้งหลายก่อนดีพ่ะย่ะค่ะ”
ซย่าโหวโหย่วอี้พูด “ข้าไปตำหนักลู่หมิงเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นจะมาเฝ้าศพให้อดีตฮ่องเต้”
เซี่ยตันหยางและคนอื่นๆ ตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะลอบผงกศีรษะในใจ รู้สึกว่าซย่าโหวโหย่วอี้รู้ธรรมเนียมมารยาท รู้กาลเทศะดียิ่ง
จากนั้นซย่าโหวโหย่วอี้ก็ประสานมือคารวะซย่าโหวอวี๋อย่างนอบน้อม พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “จ่างกงจู่ ขอบคุณท่านที่ช่วยดูแล” เขาพูดต่อ “จ่างกงจู่เป็นพี่สาวของข้ากับหลางหยาอ๋อง สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังอยู่ก็เคารพนับถือจ่างกงจู่อย่างมาก พวกข้าควรเอาเยี่ยงอย่างจึงจะถูก ภายหน้าเรื่องต่างๆ ในวังยังต้องรบกวนจ่างกงจู่เหมือนสมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังอยู่ด้วย จ่างกงจู่โปรดอย่าปฏิเสธเลย” พูดจบ เขาก็โค้งคำนับอีกครั้ง
หลังจากซย่าโหวโหย่วเต้าตาย ซย่าโหวอวี๋ก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว รอให้จัดการงานศพของน้องชายเสร็จ นางจะสะสางความสัมพันธ์กับสกุลเซียวให้เรียบร้อย แล้วค่อยออกไปตามหาอาเฮ่อ จากนั้นก็จะพาอาเฮ่อและคนอื่นๆ ท่องเที่ยวไปทั่วหล้า ดูว่าเกาะเซียนเผิงไหลมีอยู่จริงหรือไม่ และเขาคุนหลุนอยู่ที่ใดกันแน่
ซย่าโหวอวี๋รับคำ “รอให้คัดเลือกข้ารับใช้ใกล้ชิดของโอรสสวรรค์ได้แล้ว ข้างกายพระองค์ย่อมมีคนให้ใช้งานเพิ่มขึ้นเพคะ”
เรื่องนี้ซย่าโหวโหย่วอี้ได้ยินมาแล้ว ซย่าโหวโหย่วเต้าเสียชีวิตเพราะเสพหานสือซั่น ข้ารับใช้ข้างกายเขาถูกโบยจนตายทั้งหมด โอรสสวรรค์สวรรคต ทุกคนล้วนยุ่งจนหัวหมุน จึงยังไม่ได้หาขันทีและนางกำนัลในตำหนักทิงเจิ้งมาเพิ่ม งานทุกอย่างล้วนให้ขันทีและนางกำนัลจากตำหนักเฟิ่งหยางเป็นผู้รับผิดชอบแทน
แน่นอนว่ามีคำกล่าวที่ว่าโอรสสวรรค์หนึ่งยุคขุนนางหนึ่งสมัย ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเจ้านายวังเสี่ยนหยาง คนข้างกายฮ่องเต้จะเป็นผู้ใดนั้น ย่อมต้องให้ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นผู้ตัดสินใจเอง ซย่าโหวโหย่วอี้เข้าใจ เขาซาบซึ้งใจอย่างมาก
ซย่าโหวอวี๋ช่วยเหวินเซวียนฮองเฮาดูแลจัดการเรื่องในวังมาตั้งแต่สมัยเหวินเซวียนฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ นางประคับประคองอดีตฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ บัดนี้ยังสนับสนุนเขาเป็นฮ่องเต้อีก เปรียบเสมือนบิดามารดาของเขา เขาไม่มีภรรยาและอนุ ไม่ว่ามองจากมุมใด การให้ซย่าโหวอวี๋ดูแลเรื่องในวังต่อไปหรือจัดการเรื่องในราชสำนักล้วนชอบด้วยเหตุผล ทว่าตั้งแต่เขาเข้าวังมา ซย่าโหวอวี๋แสดงออกในทุกโอกาสว่า ‘ข้าแค่สนับสนุนเจ้าขึ้นสู่ตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้คิดจะตักตวงผลประโยชน์ส่วนตน’ ไม่มีการทำเกินกว่าหน้าที่ไปแม้แต่น้อย
ซย่าโหวโหย่วอี้พูด “ข้าอายุยังน้อย หลายเรื่องยังคงต้องให้จ่างกงจู่ช่วยชี้แนะ ขอจ่างกงจู่โปรดอย่าปฏิเสธเลย!”
ซย่าโหวโหย่วอี้เฉลียวฉลาดมาแต่เด็ก เขาอยู่ข้างนอกมาหลายปี ทำอะไรล้วนมีระเบียบแบบแผน รอให้พิธีศพของน้องชายนางเสร็จสิ้นแล้ว เขาน่าจะปรับตัวให้เข้ากับวังหลวงและชีวิตของฮ่องเต้ได้กระมัง ซย่าโหวอวี๋คิดเช่นนี้และรับปาก