ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 10-12 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 10-12

บทที่ 11 ละอองฝนเพิ่งจางหาย

พอได้ยินเช่นนั้นเส่าหงถึงกล้าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าเช็ดตา นางเอ่ยปากเสียงสั่นว่า “เรียนเซี่ยนจู่ หลังเอาหยกไปวางไว้ในห้องสุขา ผู้น้อยก็ทำตามคำสั่งของเซี่ยนจู่ ไปเดินเล่นอยู่ข้างนอกรอบหนึ่ง ตอนกำลังจะกลับมาที่เรือนรับรองกลับถูกสาวใช้ผู้หนึ่งทำน้ำชาหกใส่จนเปียกโชกไปทั้งตัว สาวใช้นางนั้นพร่ำร้องขอความเมตตาไม่หยุด หนำซ้ำยังลากผู้น้อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องสุขาของพวกบ่าวไพร่ ผู้น้อยกลัวว่าหากติดตามเซี่ยนจู่ไปในสภาพนั้นจะเป็นการเสียมารยาทเลยตามนางไป สุดท้าย…” นางเนื้อตัวสั่น ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

กัวย่วนสองตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ โกรธที่ไม่อาจดึงปิ่นออกมาทิ่มแทงใส่คนได้อีก

เรื่องราวหลังจากนั้นย่อมเดาได้ไม่ยาก เส่าหงต้องถูกคนวางแผนลากพาตัวไปห้องสุขาแน่ และคนที่วางแผนย่อมไม่แคล้วเป็นคุณหนูสามสกุลเฉิน

เสียฟางที่อยู่อีกด้านพอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ใจกล้าตรงเข้ามาทุบตีเส่าหงเต็มแรงสองที เอ่ยปากรวดเร็วสีหน้าขึงขังว่า “หัวเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยหรือ ใครลากไปที่ใดก็ไป ชาวบ้านเรียกให้เจ้าไปตายเจ้าจะไปตายหรือไม่ ยังมีหน้ามาร้องห่มร้องไห้อีก”

เส่าหงไม่กล้าพูด ทำได้เพียงหมอบตัวสั่น น้ำตาไหลพรากไม่หยุด พรมสีครามเปียกชื้นเป็นด่างดวงขึ้นมาทันที

“ช่างเถอะ เสียฟาง เจ้าช่วยจัดการนางแทนข้าด้วย อีกเดี๋ยวพอลงจากรถม้าเจ้าก็จัดการหาผ้าคลุมหน้าให้นางใส่เสีย หน้าตาเช่นนี้กว่าจะหายก็คงต้องอีกสักระยะ” ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็มีรับสั่ง

เสียฟางนึกโล่งอก รีบกดหัวเส่าหงขอบพระทัย ก่อนจะพานางไปจัดการที่มุมมุมหนึ่ง

องค์หญิงใหญ่ทรงโอบกัวย่วนไว้ในอ้อมแขนพร้อมรับสั่งนุ่มนวล “นิสัยของเจ้าอย่างไรก็ต้องเปลี่ยน แค่บ่าวไพร่ผู้หนึ่งเท่านั้น หากรู้สึกขัดหูขัดตานักก็สั่งให้พวกมามาจัดการเฆี่ยนโบยเท่านั้นก็ได้แล้ว เหตุใดต้องลงมือเอง”

กัวย่วนนัยน์ตาแดงเรื่อขึ้นมาอีกคราว นางพูดสะอึกสะอื้น “ก็ลูกคับแค้นใจ คุณหนูสามนั่นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ลูก…”

นางพูดต่อไม่ออก น้ำตาหลั่งรินออกมาอีก

เพราะมีบุตรีเพียงหนึ่งเดียว องค์หญิงใหญ่จึงทรงเอ็นดูนางราวกับไข่ในหิน ยามนี้พอเห็นกัวย่วนร่ำไห้ออกมาอีก ไหนเลยจะยังตำหนิอีกฝ่ายได้แม้เพียงครึ่งประโยค องค์หญิงใหญ่โอบกอดกัวย่วนไว้พลางเอ่ยปากเรียกแก้วตาดวงใจไม่หยุด หนำซ้ำยังรับปากนางอีกหลายต่อหลายเรื่อง บรรยากาศภายในรถถึงได้ผ่อนคลายลงอีกครั้ง

 

บรรยากาศภายในรถม้าของจวนองค์หญิงใหญ่นั้นมารดาเมตตาบุตรีเอ็นดูรักใคร่กันเพียงใดไม่ต้องพูดถึง ทว่ารถม้าของจวนกั๋วกงยามนี้กลับมีเพียงความเงียบงัน

หลังขึ้นรถม้าสวี่ซื่อก็ไม่กล่าวอะไรแม้แต่ครึ่งคำ นางทำเพียงหลับตาเอาแรงพิงร่างอยู่กับหมอนอิงปักลายทัศนียภาพสีดำขาว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ คล้ายอ่อนล้า

บนรถมีเพียงเฉินอิ๋งกับนางสองคนเท่านั้น แม้แต่สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติรินน้ำให้สักคนก็ไม่มี ส่วนพวกเฉินจิ่นถูกสวี่ซื่อไล่ให้ไปขึ้นรถม้าอีกคัน โดยมีฮูหยินสามเสิ่นซื่อเป็นคนพาไป

เฉินอิ๋งเชื่อว่าบนรถม้าคันนั้นบรรยากาศต้องคึกคักยิ่งยวดแน่ ด้วยนิสัยของเสิ่นซื่อ ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรนางก็ต้องหาเรื่องออกมาจนได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่ขายหน้ายามนี้คือบ้านใหญ่ ล่วงเกินองค์หญิงใหญ่คือบ้านรอง บ้านสามทำตัวสงบนิ่ง นางย่อมรอดูด้วยความยินดีปรีดา

ข้อดีของการดูไฟชายฝั่ง* คือไม่ว่าเช่นไรไฟนั่นก็ไม่มีทางลุกลามมาถึงตัวได้ ดังนั้นเรื่องคึกคักครึกครื้นที่เกิดขึ้นนั้นย่อมน่าสนใจยิ่งนัก

ตอนกลับถึงจวนกั๋วกงพระอาทิตย์ก็ใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้ว ฝนไม่รู้หยุดตกตั้งแต่เมื่อใด แสงสายัณห์ทอดตัวเอียงเฉียงแหวกผ่านทะลุม่านเมฆลงมาจับอยู่บนพื้นพสุธา ไม่ต่างอะไรกับผ้าโปร่งสีทองผืนใหญ่

พวกสวี่ซื่อลงจากรถม้าเปลี่ยนมานั่งเกี้ยว เกี้ยวไหมครามหลังน้อยเคลื่อนผ่านประตูข้าง ทะลุโถงผ่านลานก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูฉุยฮวา ทุกคนลงจากเกี้ยวได้ไม่ทันไรโคมไฟสีแดงสองดวงเหนือประตูฉุยฮวาก็สว่างขึ้น แสงสีแดงทองสว่างไสวอบอุ่นราวกับเปลวเพลิง

“สะใภ้สามคงเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะพาพวกเด็กๆ ไปกล่าวคำทักทายฮูหยินผู้เฒ่าก่อน” สวี่ซื่อบอกต่อเสิ่นซื่อด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ

“ทำเช่นนั้น…คงไม่เหมาะกระมัง” เสิ่นซื่อไม่คิดจากไป นางสองตาวับวาวเป็นประกายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “ทุกคนไปกันหมด เว้นก็แต่ข้าที่ไม่ไป ทำเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดกับข้าเช่นไรเล่า”

“มีข้าอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยจะตำหนิเจ้า” สวี่ซื่อไม่เปิดช่องให้นางแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอ่อนโยนดังเก่า คล้ายตกลงเจรจากันได้ไม่ยาก

“ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชอบความสงบ ไม่นิยมคนมาก สะใภ้สามหาได้จำเป็นต้องไปไม่ แม้นมีเรื่องอันใด ไว้ถามเจ้าสองกับเจ้าสี่ภายหลังก็เหมือนกัน”

มีเฉินเซียงกับเฉินหานไปพบฮูหยินผู้เฒ่าสวี่อยู่แล้ว นางมิได้คิดจงใจกีดกันบ้านสาม คำพูดของสวี่ซื่อนี้ชัดเจนมากพอแล้ว

เสิ่นซื่อแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำได้เพียงฝืนรับคำ ตอนเดินจากไปสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ ‘ต่อสู้ทำศึก’ กับสวี่ซื่อมา นางไม่เคยชนะอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่สักครั้ง เรื่องนี้กระตุ้นอารมณ์อยากเอาชนะของนางยิ่งยวด ยิ่งพ่ายแพ้ก็ยิ่งฮึกเหิม ทุกครั้งที่พ่ายแพ้นางก็จะหายหน้าไปสองสามวันก่อนจะหวนกลับมาใหม่ สวี่ซื่อจึงคุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้ของอีกฝ่ายนานแล้ว

หลังไล่เสิ่นซื่อจากไปเป็นที่เรียบร้อย สวี่ซื่อก็พาพวกเฉินจิ่นไปยังเรือนหมิงหย่วน

เรือนหมิงหย่วนเป็นที่พำนักของฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ ตั้งอยู่บริเวณส่วนกลางของจวน ประกอบด้วยเรือนย่อยห้าหลัง สามหลังรับแสงได้ดี อีกสองหลังได้รับแสงน้อย ด้านนอกยังประกอบด้วยห้องข้าง โถงรับรองส่วนหน้า และเรือนอุ่น รูปแบบถูกต้องตามมาตรฐาน ลานกว้างโล่งรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสงบเงียบไม่สับสนวุ่นวาย ขนาดฝุ่นที่ฝังอยู่ระหว่างช่องว่างของแผ่นอิฐเขียวครามก็ยังถูกปัดกวาดจนสะอาดเอี่ยม

เพราะรู้ข่าวแต่แรกแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่จึงสั่งหญิงรับใช้อาวุโสที่ชื่อหลิวเป่าซ่านจยาให้รอเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก ทันทีที่เห็นสวี่ซื่อพาคนเข้ามา หลิวเป่าซ่านจยาก็ระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตรงเข้าไปต้อนรับพลางเอ่ยปาก “ฮูหยินใหญ่ คุณหนูทั้งหลายมาได้เวลาพอดี ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังจะให้คนไปตามตัวพวกท่านมาพูดคุยสนทนาแก้เบื่ออยู่เชียว พวกท่านมาถูกจังหวะเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมต้องดีใจแน่นอนเจ้าค่ะ”

สวี่ซื่อแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม แต่ยามนี้อย่างไรก็ยังต้องปั้นยิ้ม นางเอ่ยปากหยอกเย้าอีกฝ่าย “อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหาร พวกเราแวะมาไม่นานก็จะไปแล้ว ไม่รบกวนเวลาอาหารของฮูหยินผู้เฒ่า รบกวนมามาเรียนฮูหยินผู้เฒ่าเช่นนี้เถิด”

“ฮูหยินใหญ่ชอบพูดเล่นยิ่งนัก” หลิวเป่าซ่านจยายิ้มสองตาหยีเป็นเส้น นางแสดงคารวะต่อคุณหนูทั้งหลายตามลำดับ ก่อนจะหันกลับไปนำทาง “ฮูหยินผู้เฒ่ารออยู่ในห้องแล้ว ผู้น้อยนำทางทุกท่านไปเอง”

ขณะกำลังพูดคุยสัพยอก ท่ามกลางวงล้อมของพวกสาวใช้ ในที่สุดพวกนางก็เดินไปถึงหน้าประตูเรือนประธาน ทุกคนต่างพากันหยุดพูด หลิวเป่าซ่านจยาเดินขึ้นหน้าเลิกม่านประตูออกด้วยตนเอง ปล่อยให้คนอื่นๆ เดินเข้าไปภายใน

ในห้องแม้จะยังไม่ได้จุดโคม แต่กลับไม่มืดมิด แสงสีแดงทองฉาบอยู่บนหน้าต่างกระดาษ พระอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตก ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด

ทุกคนลอดผ่านซุ้มสลักลายเถาองุ่นละเอียดประณีตระหว่างหัวเสา เลี้ยวผ่านบังตาไม้จันทน์หกพับฝังกระจกลายสนกระเรียนอายุวัฒนะ เดินตรงเข้าไปยังห้องเชื่อมฝั่งตะวันออกเงียบๆ สวี่ซื่อนำพาเหล่าคุณหนูขึ้นหน้าแสดงคารวะ

“ลุกขึ้นเถอะ นั่งสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ท่าทางเปี่ยมเมตตา นางยกมือขึ้นน้อยๆ หลิวเป่าซ่านจยาก็รีบค้อมเอว พาพวกสาวใช้ถอยจากไป

ทุกคนนั่งลงตามลำดับอาวุโส สวี่ซื่อเองก็ไม่ยอมเสียเวลา นางกล่าวรายงานแผ่วเบา “ขอฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดให้อภัย ข้าไม่ควรรีบร้อนแวะมาเช่นนี้ แม้นมีคำพูดอันใดก็ไม่ควรพูดต่อหน้าพวกเด็กๆ ทว่าวันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องเล็กๆ ข้าหากล้าตัดสินใจโดยพลการไม่ จึงใคร่ขอฮูหยินผู้เฒ่าช่วยชี้แนะ เด็กๆ พวกนี้ล้วนอยู่ที่นั่นตอนเกิดเรื่องเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ส่งเสียง “อืม” ออกมาคำหนึ่ง มิได้ปฏิเสธและมิได้เห็นชอบ

สวี่ซื่อหันมองไปทางเฉินเซียง กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าสอง เด็กดี เจ้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านย่าฟังเถิด”

อาจเพราะเฉินเซียงได้รับการชี้แนะมาก่อน ยามนี้จึงไม่มีทีท่าประหลาดใจอันใด แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเห็นได้ชัดว่านางตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย บางทีอาจเพราะต้องตอบคำถามต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสวี่

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com