ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 13-15 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 13-15

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 13 ผิดหลักมัชฌิมา

“บ่าวไพร่?” ได้ยินเช่นนั้นสวี่ซื่อก็ตะลึงไปชั่วขณะ สีหน้าเคร่งขรึมจางหายไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางคล้ายหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก นางหันไปบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ “เจ้าสามอายุยังน้อย ไม่รู้ประสีประสา ขอฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้ถือสาเจ้าค่ะ”

พูดจบนางก็หันไปทางเฉินอิ๋งอีกคราว เอ่ยปากด้วยสีหน้าจนใจ “เจ้าสาม คำพูดของพวกบ่าวไพร่หาเชื่อถือได้ไม่ คนชั้นต่ำมักเอ่ยวาจาเหลวไหล วันทั้งวันหามีเรื่องจริงอันใดหลุดออกจากปากไม่ เจ้าเองก็เหลือเกินจริงๆ แค่ได้ยินเสียงลมวูบหนึ่งก็พานเข้าใจว่าฝนจะตก ทำเอาป้าตกอกตกใจหมด”

“เดิมทีหลานเองก็ไม่เชื่อ” เฉินอิ๋งเอ่ยปากเห็นพ้องกับคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าจู่ๆ ดวงตาสุกใสเป็นประกายคู่นั้นก็หันมองไปทางสวี่ซื่อ แฝงไว้ซึ่งความหมายลึกล้ำ “ทว่าการที่เซียงซานเซี่ยนจู่จู่ๆ ก็หันมาเล่นงานพวกเราเช่นนี้กลับทำให้หลานเปลี่ยนความคิด หลานคิดว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ของบ่าวไพร่เก่าแก่พวกนั้นหาใช่คำพูดโคมลอยไม่”

แต่ไหนแต่ไรจวนองค์หญิงใหญ่กับจวนเฉิงกั๋วกงก็น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง กัวย่วนกับเฉินจิ่นถึงจะไม่ลงรอยกันสักเท่าใดนัก แต่นั่นก็แค่เรื่องเด็กสาวดื้อรั้นหัวแข็งที่อยากเอาชนะคะคานกันก็เท่านั้น ไม่เคยกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสองจวน

ทว่ายามนี้กัวย่วนกลับลงมือโหดเหี้ยมร้ายกาจ ไหนเลยจะยังเป็นเพียงเรื่องเล่นสนุกๆ ของพวกเด็กสาวอีก

สวี่ซื่อใจเต้นระส่ำ จู่ๆ นางก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง นางนึกเป็นกังวลขึ้นมา “ลูกจิ่น…”

เพียงพูดออกมาสองคำ ไอเย็นก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งร่าง นางเนื้อตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม

กัวย่วนหันปลายกระบี่ใส่เฉินจิ่น หมายทำลายชื่อเสียงของนาง นั่นมิแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วหรือไรว่า…

“เชื่อว่าในวังย่อมต้องมีข่าวลือแพร่สะพัด” ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ค่อยๆ เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเชื่องช้า

หากมิใช่เพราะได้ยินข่าว องค์หญิงใหญ่ไหนเลยจะยอมให้กัวย่วนลงมือกับเฉินจิ่น

เฉินอิ๋งไม่พูดอันใดอีก ทำเพียงค้อมกาย นั่งกลับลงบนเก้าอี้

บางทีด้วยไหวพริบปฏิภาณสายตากว้างไกลของฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ เรื่องพวกนี้นางย่อมมองออกได้แต่แรก

“เจ้าทำได้ดีมาก” ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่พูดขึ้นอีกครั้งพลางหันมองไปทางเฉินอิ๋ง

สายตาคมกริบของนางหายไปแล้ว ที่เข้ามาแทนที่คือแววตาเมตตาชื่นชมยกย่อง

“เจ้าทำได้ดีมาก” นางพูดซ้ำอีกครา

คราวนี้สวี่ซื่อเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

เฉินอิ๋งทำได้ดีจริงๆ

ตำแหน่งเฉิงกั๋วกงสืบทอดมาถึงยามนี้เพิ่งจะแค่สามชั่วคนเท่านั้น วันหน้ายังสืบทอดต่อไปได้อีกสองชั่วรุ่น รักษาความรุ่งโรจน์อีกหลายสิบปีไม่ใช่ปัญหา ทว่าอำนาจของกั๋วกงในเวลานี้กลับเติบใหญ่เกินไป ไม่ต้องพูดถึงกำลังทหารในมือ แม้แต่บุตรชายทั้งสี่ก็ยังเจริญก้าวหน้า

ซื่อจื่อเฉินซวินทำงานเป็นเสมียนอยู่ในกองบัญชาการทหารส่วนกลาง ฮ่องเต้มักทรงให้เขาปฏิบัติงานในตำแหน่งสำคัญ วันหน้าย่อมมีโอกาสได้ขึ้นเป็นรองผู้บังคับการทหาร บุตรชายคนรองเฉินเซ่าเป็นบัณฑิตฝึกงานในสำนักราชบัณฑิต ก่อนหายตัวไปเคยขึ้นเป็นถึงผู้ช่วยเสนาบดีกรมอากร บุตรชายคนที่สามเฉินเหมี่ยนเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อสองป้ายประกาศ ยามนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่ที่ศาลยุติธรรม บุตรชายคนที่สี่เฉินลี่ เมื่อหลายปีก่อนสอบเป็นบัณฑิตซิ่วไฉ ช่วงนี้กำลังเตรียมตัวเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อในปีหน้า

จวนเฉิงกั๋วกงในเวลานี้ไม่ใช่จวนขุนนางที่มีความดีความชอบธรรมดาๆ อีกต่อไป แต่หากมีสถานะเป็นถึงครอบครัวตระกูลขุนนาง หนำซ้ำยังเป็นครอบครัวขุนนางที่มีกำลังทหารอยู่ในกำมือ

สถานการณ์เช่นนี้คิดจะเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาย่อมเป็นไปได้ยาก หากบอกว่าฮ่องเต้ตั้งพระทัยที่จะพระราชทานตำแหน่งพระชายาเอกในองค์รัชทายาทให้ บางทีนั่นอาจเพราะต้องการสร้างสายสัมพันธ์

“เรื่องนี้จวนกั๋วกงมิได้นึกสนใจ” สวี่ซื่อสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย น้ำเสียงกลับกลายจริงจัง “อีกอย่างพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเลียแข้งเลียขาเช่นนั้น ตาสุนัขมองคนต่ำโดยแท้”

“ถึงพวกเราจะคิดเช่นนี้ แต่ผู้อื่นก็ใช่ว่าจะคิดแบบเดียวกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง “จวนกั๋วกงของพวกเรานั้นไม่รู้มีสายตาจับจ้องอยู่กี่มากน้อย”

สวี่ซื่อพยักหน้ารับก่อนจะหันหน้าไปทางเฉินอิ๋ง นางพูดออกมาด้วยน้ำใสใจจริง “เด็กดี โชคดีที่วันนี้มีเจ้าอยู่ หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดเช่นนั้นต่อพระพักตร์องค์หญิงใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเข้าใจว่าสกุลเฉินของพวกเราเป็นเช่นไร” พูดๆ ไปขอบตานางก็แดงก่ำ สวี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้ากดซับหางตา “น่าสงสารก็แต่ลูกจิ่น จู่ๆ ก็ต้องพบกับเรื่องร้ายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นนี้”

ฮ่องเต้หยวนจยาทรงเป็นบุตรกตัญญู ถึงจะไม่ใช่บุตรในอุทรของเซียวไทเฮา ทว่านับแต่ทรงขึ้นครองบัลลังก์จวบจนทุกวันนี้ เซียวไทเฮาก็ทรงช่วยเหลือพระองค์อยู่ไม่ใช่น้อย ความรู้สึกระหว่างบุตรมารดาคู่นี้เรียกได้ว่าลึกล้ำไม่ธรรมดา

ไม่ว่าฮ่องเต้หยวนจยาจะมีพระราชหฤทัยหมายหยั่งเชิงหรือทรงมีเจตนาเช่นนั้นจริง จวนกั๋วกงก็ไม่ควรแสดงท่าทีชัดแจ้ง

เฉินอิ๋งวันนี้แม้จะเห็นชัดว่าที่นางล่วงเกินคือองค์หญิงใหญ่ แต่อีกนัยนางกำลังล่วงเกินเซียวไทเฮาอยู่ เชื่อว่าหากฮ่องเต้หยวนจยาทอดพระเนตรเห็นก็ต้องครุ่นคิดพิจารณาแล้วพิจารณาอีกเช่นกัน

“สกุลเฉินของพวกเราเป็นก็แต่ขุนนางสัตย์ซื่อ” ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

จวนเฉิงกั๋วกงไม่เคยมีใจคิดอิงแอบผู้ใด และยิ่งไม่เคยคิดยืมอำนาจฮ่องเต้ขยายอำนาจ เจตนารมณ์นี้เฉินอิ๋งได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดแล้ว

“เพียงแต่…ไม่ว่าเช่นไรองค์หญิงใหญ่ก็เป็นพระขนิษฐาเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ พวกเราล่วงเกินนางเข้าแล้ว” สวี่ซื่อบอก

นางเช็ดน้ำตาเรียบร้อย กำลังขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวล “ไทเฮาทรงลำเอียงเข้าข้างองค์หญิงใหญ่มาโดยตลอด ถึงเรื่องนี้พวกเราไม่ใช่คนก่อเรื่อง แต่อย่างไรพระพักตร์ขององค์หญิงใหญ่ก็ถูกเจ้าสามฉีกไปแล้ว ไทเฮาอย่างไรก็ต้องทรงกล่าวโทษพวกเราแน่ ถึงตอนนั้นอย่างน้อยก็ต้องเข้าวังไปทูลขอพระราชทานอภัยให้ทรงหายกริ้ว”

นางพูดพลางถอนหายใจ สายตาคล้ายจะกวาดมองไปทางเฉินอิ๋ง “เจ้าสาม เจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี เรื่องทางจวนองค์หญิงใหญ่เกรงว่าคงมีแต่ต้องให้เจ้าออกหน้าถึงจะพอประนีประนอมได้”

คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องคัดเลือกพระชายาเอกขององค์รัชทายาท เฉินอิ๋งเป็นฝ่ายเสียมารยาทก่อนจริงๆ

สวี่ซื่อพูดจบได้ไม่ทันไรฮูหยินผู้เฒ่าสวี่ก็จ้องดูนางพลางเอ่ยปากถาม “เจ้ามากด้วยประสบการณ์ รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเจ้าสามถึงทำอะไรเฉียบขาดเช่นนั้น”

สวี่ซื่อตะลึงไปชั่วขณะ นางตอบน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าสามทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการแสดงทัศนคติของจวนกั๋วกงของพวกเราให้เป็นที่ประจักษ์ เพียงแต่วิธีการออกจะรุนแรงเกินไปหน่อย เรื่องนี้ไม่ว่าเช่นไรก็ต้องมีคำตอบให้ทางจวนองค์หญิงใหญ่ หาไม่แล้วพวกเขาย่อมคิดว่าพวกเรากำเริบเสิบสานยิ่ง”

ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่จ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง แววตาผิดหวังจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า นางหันไปหาเฉินอิ๋ง “เจ้าสาม ไหนเจ้าลองว่ามา”

เฉินอิ๋งรับคำพลางลุกขึ้นเอ่ยปากอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะท่านย่า”

พูดจบนางก็มองไปทางสวี่ซื่อ น้ำเสียงสงบนิ่งมาก “ท่านป้าใหญ่ ทางองค์หญิงใหญ่พวกเราไม่อาจอ่อนข้อให้ได้ ไม่เพื่ออื่นใด แค่เพื่อชื่อเสียงของพี่ใหญ่ จวนกั๋วกงไม่ว่าเช่นไรก็ต้องแข็งขืนให้ถึงที่สุด”

สวี่ซื่อสำลัก เดือดดาลขึ้นมาทันควัน บ้านรองหมายออกหน้า เรื่องนี้นางไม่มีความคิดเห็น แต่พวกเขาไม่ควรเหยียบหน้าบ้านใหญ่ และยิ่งไม่ควรเอาชื่อเสียงของเฉินจิ่นมาเป็นเดิมพัน

“เจ้าสาม เจ้าพูดเช่นนั้นหาได้ไม่” นางรีบเอ่ยปาก ใบหน้าละมุนละไมยังคงสงบนิ่ง เสมือนไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด “ครั้งนี้เจ้าช่วยลูกจิ่นไว้ไม่น้อย น้ำใจของเจ้าป้าย่อมต้องซาบซึ้ง ป้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี แต่ถึงอย่างไรป้าก็ต้องตำหนิเจ้า คำพูดของเจ้าพวกนั้นออกจะเกินเลยอยู่สักหน่อย ถ้อยคำอันใดล้วนไม่น่าฟัง การแสดงออกของเจ้าในวันนี้ไม่เพียงเสียมารยาท หากยังทำลายเกียรติยศของจวนกั๋วกงของพวกเรา สตรีเรือนในที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกอย่างพวกเราล้วนมีวิธีพูดจา ไหนเลยจะโผงผางตรงไปตรงมาเช่นเจ้า ถึงจะบอกว่าเจ้าปรารถนาดี แต่ความปรารถนาดีกลับนำมาซึ่งเรื่องร้าย วาจาท่าทางสุดโต่ง ผิดหลักมัชฌิมา”

สมแล้วที่มาจากตระกูลขุนนาง เปิดปากปิดปากล้วนเส้นทางสายกลางของอริยะ วาจาที่กล่าวแม้จะนุ่มนวลทว่ากลับแฝงไว้ซึ่งความหมายลึกล้ำ

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com