ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 16-18 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 16-18

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 18 ตนคือผู้มาเยือน

สาวใช้ที่ชื่อจือสือคอยรับใช้อยู่หน้าประตูเรือนข้างฝั่งตะวันตกมาโดยตลอด พอเห็นเฉินอิ๋งมานางก็รีบตรงเข้ามารับหน้า “คุณหนูวันนี้คงเหนื่อยแล้ว”

นางเลิกม่านเปิดทางให้เฉินอิ๋ง ก่อนจะเอ่ยปากถามแผ่วเบา “คุณหนูจะกินอาหารตอนนี้เลยหรือจะรออีกสักหน่อยก่อนเจ้าคะ”

“ตั้งโต๊ะเถอะ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่เดี๋ยวก็มา” เฉินอิ๋งบอกออกมาประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

จือสือเรียกสาวใช้ตัวน้อยมายกโต๊ะ จัดวางอาหารสี่น้ำแกงหนึ่งพร้อมถ้วยชามตะเกียบลงบนโต๊ะ

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเฉินอิ๋งก็เอ่ยปากสั่ง “เรียกคนไปดูที่ห้องคุณชายรอง”

เฉินจวิ้นพี่ชายรองของเฉินอิ๋งปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม กำลังร่ำเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวง เพราะช่วงนี้เป็นวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ เขาจึงกลับมาอยู่บ้าน ทว่านิสัยของเขาไม่เหมือนกับเฉินอิ๋ง เป็นพวกอยู่ไม่ติดที่ ไม่ชอบจับเจ่าอยู่แต่ในบ้าน ชอบออกไปเที่ยวอยู่ข้างนอกกับเหล่าสหาย

“ผู้น้อยส่งคนไปดูแล้ว ซู่เวิ่นบอกว่าคุณชายรองกำลังทบทวนตำรา จะกินอาหารเย็นที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” จือสือตอบพลางตักข้าวใส่ชามกระเบื้องขาวลายดอกเหมย “คุณหนูรีบกินเถอะ ผู้น้อยเพิ่งอุ่นมาหมาดๆ”

นับแต่เฉินเซ่าหายสาบสูญสุขภาพของหลี่ซื่อก็ไม่สู้ดีมาโดยตลอด ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าสวี่จึงจัดการแบ่งพื้นที่ห้องชาเรือนหมิงเฟิงออกครึ่งหนึ่ง ก่อเตาเปลี่ยนมันเป็นห้องครัวขนาดเล็ก ใช้เพียงต้มน้ำอุ่นแกงอะไรพวกนั้น ไม่ได้ทำอาหารจริงจัง

เห็นเฉินจวิ้นรู้จักขยันหมั่นเพียร เฉินอิ๋งก็วางใจ หากใกล้สอบแล้วแต่ตอนนี้เขายังกล้าออกไปวิ่งตะลอนอยู่ข้างนอกอีก เชื่อเถอะว่านางไม่มีทางปล่อยเขาแน่

หลังกินอาหารเสร็จ สวินเจินก็ถือโอกาสเดินเข้ามา นางถามอึกๆ อักๆ ว่า “คุณหนูยังจะให้ตั้งเป้าธนูหรือไม่”

นับแต่หกขวบเฉินอิ๋งก็ขวนขวายศึกษาหาความรู้ด้านอื่นไม่รู้จักหยุดหย่อน ยิงธนูก็คือหนึ่งในนั้น เพียงแต่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ยิงธนูอยู่ข้างนอกเห็นชัดว่าไม่เหมาะ

“ช่างเถอะ เอาคันธนูเข้าไปไว้ในห้องข้าก็แล้วกัน” เฉินอิ๋งสั่ง ตั้งใจว่าอีกสักครู่จะฝึกดึงสายธนูเปล่าอยู่ในห้องสักสองร้อยที อย่างไรก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

สวินเจินรับคำก่อนจะเดินจากไป

เฉินอิ๋งเรียกหลัวมามาเข้ามาพูดคุย

หลัวมามาเป็นบ่าวที่ติดตามรับใช้มารดาของนางมานับแต่ออกเรือน ทำอันใดล้วนสุขุมรอบคอบ รู้จักรุกรับ เป็นมือดีในการจัดการเรื่องราวภายในเรือนใน และเพราะหลี่ซื่อมักล้มป่วยอยู่บ่อยครั้ง เรื่องราวใหญ่น้อยในเรือนหมิงเฟิงยามนี้จึงต้องอาศัยเฉินอิ๋งคอยดูแล ด้วยเหตุนี้หลี่ซื่อจึงอนุญาตให้ผู้เป็นบุตรีเรียกใช้หลัวมามาได้

โชคดีที่เรือนหมิงเฟิงยามนี้ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด หลังหลัวมามาเข้ามาพูดคุยกันสองสามประโยคจบ เฉินอิ๋งก็ส่งนางออกไป

หลังจากนั้นไม่นานการลาดตระเวนตรวจตราช่วงค่ำก็มาถึง เฉินอิ๋งอยู่ในห้องเล็กฝั่งตะวันตกได้ยินเสียงฮวาไจ้ผู่จยามามาผู้ดูแลบ้านพูดคุยกับบ่าวหญิงอาวุโสที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยยามค่ำคืน ตามติดมาด้วยเสียงปิดประตู หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ ฮวาไจ้ผู่จยาก็มาปรากฏตัวอยู่นอกม่าน เอ่ยปากนอบน้อมว่า “คุณหนู นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณหนูรีบพักผ่อนเถอะ”

นี่เป็นกฎของจวนกั๋วกง ในบ้านแต่ละหลังล้วนต้องมีสตรีสูงวัยคอยดูแลเรื่องราวภายในเรือน การทักทายนี้ก็อยู่ในกฎระเบียบดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เฉินอิ๋งบอกจือสือให้เลิกม่านขึ้น นางยิ้มมุมปากพลางเอ่ยปากบอกกับฮวาไจ้ผู่จยา “ฮวามามาลำบากแล้ว ท่านก็กลับไปพักเถอะ”

ฮวาไจ้ผู่จยายิ้มพลางเอ่ยปากขานรับก่อนจะถอยจากไป กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นอันสิ้นสุด

ครั้นเห็นฮวาไจ้ผู่จยาเดินกลับเข้ายังที่พักที่อยู่ทางด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย สวินเจินก็ค่อยๆ ย่องประคองเอาถุงผ้าขนาดใหญ่เข้ามา

ที่อยู่ในถุงผ้าคือคันธนูของเฉินอิ๋ง

เพราะเฉินอิ๋งหาคนมาทำมันขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นไม่ว่าจะกำลังฉุดรวมถึงลูกธนูเรียกได้ว่าเหมาะกับตัวนางในเวลานี้ที่สุด

“ไปเฝ้าอยู่ข้างนอก” เฉินอิ๋งรับธนูมาและเอ่ยสั่ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง

เหล่าราชนิกุลในราชสำนักต้าฉู่ล้วนแต่อาศัยความสามารถเชิงบู๊เลื่อนขั้นด้วยกันทั้งสิ้น จวนกั๋วกงเองก็เป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ในจวนจึงไม่เข้มงวดเรื่องการฝึกยุทธ์ ไม่ทั้งเชิดชูไม่ทั้งคัดค้าน หากอยากเรียนก็สามารถไปแสวงหาอาจารย์ได้ด้วยตนเอง หากต้องการเชิญอาจารย์จากข้างนอกมาก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ขอเพียงบอกให้ทางจวนทราบสักคำ ย่อมมีคนช่วยเป็นธุระให้

เฉินอิ๋งไม่ได้เรียนหมัดมวย นางรู้สึกว่าแทนที่จะฝึกฝนหมัดมวยอ่อนช้อยพวกนั้น ไม่สู้ฝึกทักษะอะไรที่มันใช้การได้จริงๆ จังๆ อย่างยิงธนูเสียยังดีกว่า

กำลังไม่พอย่อมยิงได้ไม่แม่นยำ เรื่องนี้แค่กวาดตามองปราดเดียวก็รู้ได้แล้ว และไม่จำเป็นต้องตระหนักรู้อะไรมากมาย ขอแค่หมั่นเพียรฝึกฝนอย่างไรก็ย่อมทำสำเร็จได้

เฉินอิ๋งเริ่มด้วยการออกกายบริหารตามที่ตนเองคิดค้นขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก นางขยับมือเท้า หลังจากนั้นก็หยิบคันธนูขึ้น เบี่ยงกาย กางแขน ดึงสาย และปล่อยสาย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนละเอียดงดงามหมดจดถูกต้อง หลังเสร็จสิ้นสองร้อยครั้ง แขนของนางก็ปวดระบม เหงื่อท่วมทั่วตัว

สวินเจินกับจือสือรู้เรื่องนี้ดีจึงสั่งให้คนต้มน้ำรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ครั้นเฉินอิ๋งเก็บธนู พวกนางก็แบกน้ำเข้าไปในห้องข้าง

กว่าจะแช่ตัวผ่อนคลายสบายๆ อยู่ในน้ำเสร็จเวลาก็ดึกดื่นไม่ใช่น้อยแล้ว และเพราะไม่มีนิสัยอ่านหนังสือยามค่ำ เฉินอิ๋งจึงปีนขึ้นเตียงนอนทันที

เพียงไม่นานนางก็หลับฝันไป ภายใต้อากาศเย็นเยียบบริสุทธิ์ ฉากหลังคือเมืองหลวงทันสมัย ความฝันถูกตัดแบ่งออกเป็นท่อนๆ

…คุณนักสืบ มีคดีต้องการให้คุณช่วยเหลือ เป็นคดีเด็กหาย นี่คือแฟ้มคดี จากสถิติที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งปีมานี้มีคดีคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นแล้วทั้งหมดห้าคดี พวกเราสันนิษฐานเบื้องต้นว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือคนร้ายคนเดียวกัน ตอนนี้เด็กที่หายไปทั้งห้าคนสถานการณ์เป็นอย่างไรยังไม่รู้ชัด…

…ผู้ตายเป็นหญิง จากการตรวจสอบสัณฐานกระดูกคาดว่าน่าจะอายุราวๆ สามสิบถึงสามสิบห้า กระดูกต้นคอด้านซ้ายมีร่องรอยเคลื่อนหลุดออกจากตำแหน่ง จากการสันนิษฐานเบื้องต้นบาดแผลของผู้เคราะห์ร้ายน่าจะเกิดจากการถูกแส้หวด กระดูกนิ้วชี้กับนิ้วนางข้างขวาหัก ตาตุ่มของขาทั้งสองข้างก็เหมือนกัน เชื่อว่าน่าจะถูกคนทุบตีจนถึงแก่ชีวิต…

…ถ้าจำไม่ผิด ตอนคุณเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งแรก คุณเคยบอกว่าในโทรศัพท์คุณได้ยินเสียงหมาเห่า และก็เพราะคำให้การของคุณ พวกเราถึงจับตัวผู้ต้องสงสัยคนแรกไว้ แต่ที่น่าสนใจก็คือจากการตรวจสอบพวกเรารู้มาว่าคืนนี้มีคนที่ชอบล่าสัตว์คนหนึ่งผ่านไปแถวบริเวณที่เกิดเหตุพอดี เขาเองก็ได้ยินเสียงหมาเห่าเหมือนกัน ทว่าเวลากลับช้ากว่าที่คุณบอกชั่วโมงหนึ่ง…

…ว่ากันตามรอยเท้าที่ทิ้งอยู่ในจุดเกิดเหตุ สันนิษฐานได้ว่าคนที่บุกเข้าไปในห้องเป็นชาย สูงประมาณร้อยแปดสิบ น้ำหนักราวๆ เจ็ดสิบกิโลกรัม จากการตรวจสอบพื้นรองเท้าพบว่ามันเป็นรองเท้ากีฬายี่ห้อ ‘Link’ ที่ผลิตขึ้นเมื่อสามปีก่อน จากเศษกระจกแตกที่เหลืออยู่ในห้อง ผู้บุกรุกทุบทำลายหน้าต่างห้องครัวก่อน…

คล้ายกระแสน้ำค่อยๆ ถอยจากไปช้าๆ เผยให้เห็นถึงดินโคลนแข็งๆ ความฝันค่อยๆ จางไปโดยไม่รู้ตัว เฉินอิ๋งลืมตาขึ้นช้าๆ ยังคงอยู่ในฝันไม่ปะติดปะต่อ คล้ายความทรงจำกับหลักฐานเท็จปะปนอยู่ด้วยกัน กลายเป็นความเรียงที่ไม่สมบูรณ์

เฉินอิ๋งพลิกตัวเบาๆ มองออกไปข้างนอก

มองลอดผ่านม่านโปร่งลายสัตตบงกชสีฟ้าแกมเขียวที่ถูกปลดลงมา นางมองเห็นเทียนเล่มเล็กที่ถูกจุดอยู่ตรงมุมห้อง แสงของมันอ่อนจางแต่กลับแผ่ขยายอบอุ่น

ในตอนนั้นเอง นางก็นึกถึงเรื่องเมื่อชาติก่อนได้

ในโลกอีกยุคสมัยหนึ่งซึ่งเป็นยุคโบราณเหมือนกันนี้ นางมักตื่นจากฝันยามเที่ยงคืนอยู่บ่อยครั้ง ไม่อาจบอกได้ว่าตนเองอยู่ ณ ที่ใด

ในฝันไม่รู้ว่าตนคือผู้มาเยือนหรือไม่

ถ้อยความที่อ่านเจอในหนังสือเรียนสมัยมัธยมปลายนี้เหมือนเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดเกี่ยวกับชีวิตในอดีตชาติและชาตินี้ของตน

เฉินอิ๋งถอนหายใจอยู่ท่ามกลางความมืดเงียบๆ

คนที่เคยตายมาแล้วสองครั้ง หนำซ้ำแต่ละครั้งล้วนอายุขัยไม่เกินยี่สิบ ที่พอจะทำได้คงมีเพียงถอนหายใจ ตอบสนองกับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเองไปมาเช่นนี้เท่านั้น

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 .. 66 เวลา 12.00 .

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com