เฉินอิ๋งมองดูตัวเลขพวกนั้นอยู่เป็นนาน ดวงตาขยับไหว ครุ่นคิดไม่พูดไม่จา
เผยซู่เองก็นิ่งเงียบไม่พูดอันใด
ภายในห้องนอกจากเสียงน้ำแล้วก็ไม่มีเสียงอื่น หากมีเข็มหล่นสักเล่มเชื่อว่ายังสามารถได้ยิน
หลัวมามากับหลางถิงอวี้ไม่รู้ว่าถอยออกไปกันตั้งแต่เมื่อไร ภายในห้องที่มีคนอยู่กันแค่สองคนยามนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดแปลกประหลาด
หลังจากจ้องมองดูตัวเลขพวกนั้นอยู่เป็นนาน จู่ๆ เฉินอิ๋งก็เลิกคิ้วและอุทานเบาๆ ออกมาคราหนึ่ง “เอ๋?”
“อะไรหรือ” เผยซู่จับจ้องพินิจพิจารณาดูท่าทีของนางโดยละเอียด ยามนี้พอเห็นเช่นนั้นเขาก็เอ่ยปากถามออกมาทันที “สังเกตเห็นรูปแบบอะไรบางอย่างใช่หรือไม่”
“รูปแบบ?” เฉินอิ๋งถามย้อนกลับไปคำหนึ่ง นางเงยหน้ามองดูเขาด้วยสายตาแปลกๆ “ระหว่างตัวเลขสี่กลุ่มนี้มีรูปแบบอะไรซ่อนอยู่กระนั้นหรือ”
“หรือว่าไม่มี?” สีหน้าของเผยซู่แปลกประหลาดยิ่งกว่านาง เขามองนางกลับด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
เฉินอิ๋งไม่พูดอันใด ทำเพียงหลับตาลงน้อยๆ พยายามนึกถึงรูปแบบที่พอจะเป็นไปได้ของตัวเลขสี่กลุ่มแปดตัวนี้ หลังจากนั้นนางก็ลืมตาแล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ตัวเลขทั้งสี่กลุ่มนี้น่าจะไม่มีรูปแบบผูกพันกันทางการคำนวณ แต่หากข้าทายไม่ผิด ตัวเลขทั้งสี่กลุ่มนี้น่าจะผูกโยงตอบสนองอยู่กับตัวอักษรหนึ่งตัว”
นัยน์ตาของเผยซู่เป็นประกายราวกับเปลวไฟขนาดเล็กสองดวง เขาถามนาง “หมายความเช่นไร”
ตอนเอ่ยปากพูดใจเขาเต้นระส่ำ
เขารู้ดี เรื่องพวกนี้มาขอคำปรึกษาจากเฉินอิ๋งนับเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว ขุนนางใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนไม่อาจคลายปริศนานี้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังเป็นความลับมิอาจสืบหาอย่างเอิกเกริกได้ พวกเขาเค้นสมองครุ่นคิดมาหลายเพลาแล้ว จนสุดท้ายองค์รัชทายาทก็ทรงเสนอให้ตามนางมาช่วยเหลือ
ความจริงเผยซู่ก็นึกถึงเฉินอิ๋งก่อนหน้านานแล้ว เพียงแต่รู้สึกไม่เหมาะที่จะเอ่ยปากสักเท่าใดนัก บุรุษสตรีไม่ว่าเช่นไรก็มีความต่าง ดังนั้นทันทีที่องค์รัชทายาทรับสั่งเขาก็รีบตอบสนองทันควัน
“นี่น่าจะเป็นรหัสลับอะไรบางอย่าง” เฉินอิ๋งบอก นางไม่สนใจว่าเผยซู่จะเข้าใจความหมายของคำที่นางใช้หรือไม่
แต่เผยซู่กลับเข้าใจ
ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำคำนี้ แต่หากพิจารณาดูจากตัวอักษรแต่ละตัว มันก็มิใช่เรื่องยากอันใดที่จะเข้าใจคำเหล่านี้ได้
“รหัสลับที่ว่า…ถอดความได้อย่างไร” เขาถามด้วยสีหน้าร้อนรน
เฉินอิ๋งยื่นนิ้วชี้ลงไปบนกระดาษ พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ตัวเลขสี่กลุ่มนี้ ทุกกลุ่มล้วนมีตัวเลขสองตัว ว่ากันตามความเข้าใจของข้า ตัวเลขด้านหน้านี้น่าจะเป็นเลขหน้าหนังสืออะไรสักอย่าง ส่วนตัวเลขที่อยู่ด้านหลังคือลำดับตัวอักษรในหน้านั้น”
เพราะกลัวเผยซู่จะไม่เข้าใจ นางจึงลุกเดินไปที่ชั้นวางหนังสือหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ สุ่มพลิกหน้าหนังสือขึ้นมาหน้าหนึ่ง ชี้ไปที่หน้าหนังสือนั่นพลางกล่าว “เชิญท่านโหวน้อยดูนี่ ตอนนี้ข้าพลิกเปิดหนังสืออยู่ที่หน้าที่เก้า” พูดๆ อยู่นางก็ใช้นิ้วแทนพู่กัน ลากนิ้วคล้ายกำลังเขียนตัวอักษรคำว่า ‘เก้า’ ลงบนโต๊ะ
หลังจากนั้นนางก็สุ่มชี้ไปยังตัวอักษรที่อยู่ในหน้าที่เก้าตามอำเภอใจพลางกล่าว “ตัวอักษรนี้ หากนับจากหน้าไปหลัง มันเป็นตัวอักษรลำดับที่สิบสอง”
หลังจากพูดเสร็จ นางก็ลากนิ้วเป็นตัวอักษรคำว่า ‘สิบสอง’ ก่อนจะพูดต่อ “ท่านโหวน้อยว่ามันเหมือนกันหรือไม่ ข้าได้ตัวอักษรมากลุ่มหนึ่ง ได้แก่คำว่าเก้า กับคำว่าสิบสอง”
เผยซู่ยามนี้พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ถึงเช่นนั้นเขาก็ยังคงขมวดคิ้ว คล้ายไม่อยากจะนึกเชื่อ
เศษกระดาษนี้เขาได้มาจากการค้นเรือนตากอากาศนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในสายตาของเขา วิธีคลี่คลายความสัมพันธ์ของตัวเลขสี่กลุ่มนี้น่าจะยุ่งยากซับซ้อนมากกว่านี้ถึงจะถูก ทว่าคำตอบของเฉินอิ๋งกลับง่ายดายอย่างยิ่งยวด เรื่องนี้ทำเขารู้สึกเหมือนเท้าเหยียบเข้ากับความว่างเปล่า
* พิณผีผา เป็นเครื่องดนตรีจีนประเภทเครื่องดีด 4 สาย จำพวกเดียวกับกีตาร์ ทำจากไม้ รูปทรงเลียนแบบลูกผีผา (มะปรางจีน)
* อักษรจ้วน คือตัวอักษรจีนโบราณที่ใช้ในสมัยราชวงศ์ฉิน มีรูปทรงสี่เหลี่ยม
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น.