บทที่ 224 รหัสลับเรียบง่าย
“เพียงเท่านี้? ง่ายดายเยี่ยงนี้หรือ” เผยซู่มองเฉินอิ๋ง สีหน้าทั้งตกตะลึงทั้งฉงนสนเท่ห์
เฉินอิ๋งพยักหน้า ใบหน้ายังคงสงบนิ่งเหมือนเก่าไม่มีอันใดเปลี่ยน “น่าจะเป็นเช่นนั้น ง่ายดายเยี่ยงนั้น”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็กล่าวเสริม “ข้าจำได้ว่าในกองทัพของราชสำนักก่อนมีคำสั่งลับที่ชื่อ ‘จื้อเยี่ยน’ ความหมายของตัวเลขสี่กลุ่มกับคำสั่งลับจื้อเยี่ยนน่าจะคล้ายคลึงกันอยู่พอสมควร เพียงแต่ว่าจื้อเยี่ยนอาศัยบทกวีโบราณสี่สิบอักษรไม่ซ้ำกันเป็นหลัก ทุกตัวอักษรแทนคำสั่งคำสั่งหนึ่ง ส่วนรหัสลับนี้กลับอาศัยหนังสือ ใช้ตัวเลขหนึ่งกลุ่มแทนตัวอักษรหนึ่งตัว”
นางชี้นิ้วไปยังตัวอักษรที่เทียบกับตัวเลขสองกลุ่มเมื่อครู่พลางกล่าว “อย่างกลุ่มตัวเลขชุดนี้ ครั้นเอามาเทียบกับหนังสือที่อยู่ในมือข้าเล่มนี้ ด้วยเงื่อนไขที่ข้าตั้งไว้ ก็จะได้ตัวอักษรคำว่า ‘แต่’ ”
เผยซู่เข้าใจที่เฉินอิ๋งกล่าวแล้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้า “หลักจื้อเยี่ยนมีใช้อยู่ในกองทัพก็จริง ทว่ายามนี้ใช้กันน้อยมากแล้ว”
เขาอยู่ในกองทัพมานานปี แน่นอนว่าย่อมต้องรู้เรื่องคำสั่งลับของอดีตราชสำนัก เพียงแต่ยามนี้ราชสำนักต้าฉู่ได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่นแล้ว วิธีการที่เรียกว่า ‘จื้อเยี่ยน’ นี้น้อยนักที่จะมีคนหยิบขึ้นมาใช้
“ที่แท้ก็เช่นนี้” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าเคร่งขรึมเริ่มจางหายไปทีละน้อย เขารู้สึกเลื่อมใสในคำอธิบายของเฉินอิ๋งอยู่หลายส่วน
หากเฉินอิ๋งเพียงโพล่งพูดถึงสมมติฐานนี้ ต่อให้เขายอมเชื่อ แต่ไม่ว่าเช่นไรในใจเขาย่อมต้องนึกสงสัยไม่คลาย ทว่าคำว่า ‘จื้อเยี่ยน’ กลับเป็นตัวอย่างที่ดี ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“ดูท่าตัวเลขสี่กลุ่มนี้คงจะดัดแปลงมาจากจื้อเยี่ยนจริงๆ” สุดท้ายเขาก็พูดขึ้น เอนกายไปทางด้านหลัง สีหน้าผ่อนคลายลงเป็นอันมาก
เฉินอิ๋งยิ้มมองดูเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากกล่าววาจาสบายๆ ออกมาประโยคหนึ่ง “ตอนเห็นตัวเลขสี่กลุ่มนี้ใหม่ๆ ข้าเองก็คิดหารูปแบบความสัมพันธ์ของพวกมันเช่นกัน แต่เพราะไม่ว่าจะคิดเช่นไรก็คิดไม่ออก ดังนั้นข้าจึงนึกถึงเรื่องจื้อเยี่ยนขึ้นมา”
คุณนักสืบเชี่ยวชาญเรื่องคณิตศาสตร์ เฉินอิ๋งเองก็เคยเป็นเด็กเรียนในห้องยุคปัจจุบัน การให้หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขนั้นอย่างไรนางก็มั่นใจว่าตนเองเหนือกว่าคนในยุคสมัยนี้อยู่มาก
หากแม้แต่นางยังหาความสัมพันธ์ออกมาไม่ได้ นั่นก็แปลว่าตัวเลขสี่กลุ่มนี้ไม่มีรูปแบบความสัมพันธ์อันใดให้พูดถึง หากแต่มีความหมายอื่นแอบแฝง ดังนั้นเพียงไม่นานนางก็คิดถึงรหัสลับไม่ซับซ้อนชนิดนี้ได้
“แน่นอน การคาดคะเนของข้านี้อาจจะไม่ถูกต้องก็เป็นได้” เฉินอิ๋งกล่าวขึ้นอีกครั้ง
นางไม่กล้ามั่นใจเกินไปนัก เพราะไม่ว่าเช่นไรนี่ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของนาง เป็นเพียงการเสนอความคิดช่วยเผยซู่แก้ปริศนาเท่านั้น หาใช่ข้อสรุปที่แน่ชัดอันใดไม่
ดังนั้นยามนี้นางจึงพูดต่อ “ในเมื่อท่านโหวน้อยถาม ข้าย่อมทำได้เพียงแสดงความคิดเห็น เรื่องนี้ไม่ว่าเช่นไรข้าก็ยังคงยืนกรานต่อจุดยืนที่ว่าหากยังไม่มีหนทาง วิธีการที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้อันใดล้วนมีค่าให้ทดลองดูด้วยกันทั้งสิ้น”
“คำพูดนี้ถูกต้องยิ่งนัก” เผยซู่กล่าวเห็นด้วย จู่ๆ ภาพเฉินอิ๋งขุดถอนต้นหญ้าตอนอยู่กลางค่ายกลก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ยามนั้นใครเล่าจะนึกว่าคุณหนูสามสกุลเฉินผู้นี้จะสามารถใช้วิธีการแปลกประหลาดอย่าง ‘การกระจายตัวของพันธุ์ไม้’ และ ‘ขุดอุโมงค์’ ทำลายค่ายกลดังกล่าวได้
ครั้นคิดถึงจุดนี้เผยซู่ก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจ ใบหน้าเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มพาลพาโลเล็กๆ เขาเอ่ยปากกระเซ้า “คุณชายสามหาจำเป็นต้องถ่อมตัวไม่ ต่อต้านศัตรูที่อีเซี่ยนเทียน สืบหาเส้นทางในเขากุ่ยคู รวมถึงคดีนายท่านผู้เฒ่าเหอ ทุกเรื่องล้วนแสดงให้เห็นชัดว่าทุกสิ่งที่คุณชายสามคิดล้วนมีเหตุผล”
คำพูดนี้คล้ายล้อเล่น ทว่าจะมากจะน้อยเช่นไรใจของเผยซู่ก็คิดเช่นนั้นจริงๆ
การแสดงออกของเฉินอิ๋งก่อนหน้านี้เรียกว่าโดดเด่นยิ่งนัก หากนางเป็นบุรุษ เผยซู่ต้องดึงตัวมาเป็นแม่ทัพกองกำลังสกุลเผยแน่ ไหนเลยจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ แค่คิดจะถามอะไรสักหน่อยก็ต้องหาเหตุผลยกนั่นอ้างนี่อยู่ตลอดเวลา
“ท่านโหวน้อยยกย่องกันเกินไปแล้ว” เฉินอิ๋งยิ้มตาหยี ในใจรู้สึกเบิกบานยิ่ง
การร่วมมือทั้งหลายล้วนต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อใจซึ่งกันและกัน รวมถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ยามนี้การร่วมมือกันระหว่างนางกับเผยซู่น่าจะเรียกได้ว่าย่างเข้าสู่ช่วงสัมพันธภาพอันดี
สำหรับนางแล้ว นี่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่