บทที่ 227 คุณหนูใหญ่สกุลเผย
เมื่อพูดถึงตรงนี้เผยซู่ก็หันหน้ากลับไปดูเฉินอิ๋งคราหนึ่งพลางกล่าว “องค์รัชทายาทมีน้ำพระทัยเมตตา บริจาคเงินก้อนหนึ่งให้เหล่าเด็กและสตรีพวกนั้นไว้ใช้ยามฤดูหนาว แต่เงินพวกนั้นกลับยังไม่มากพอ ด้วยเพราะเหตุนี้พระองค์ถึงเสด็จมาที่จี่หนาน จี่หนานแต่ไหนแต่ไรก็มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ องค์รัชทายาทกับใต้เท้าหลี่กำลังระดมเงินทุนจากทั่วทุกสารทิศช่วยผู้อพยพเหล่านั้นให้มีถ่านฟืนใช้สร้างความอบอุ่น มีอาหารตกถึงท้อง มีเสื้อผ้าไว้กันหนาว”
เขาหยุดขยับคีมคีบถ่านในมือก่อนจะพูดต่อ “ที่ดินรกร้างพวกนั้นคุณชายสามไม่ต้องคิดแล้ว สถานการณ์ที่จี่หนานหาได้ง่ายดายกว่าเติงโจวไม่ สายสัมพันธ์ระหว่างคหบดีกับขุนนางนั้นสลับซับซ้อนยิ่ง อำนาจของแต่ละฝ่ายล้วนเกี่ยวพันอยู่ด้วยกัน ต่อให้ใต้เท้าหลี่เป็นหัวหน้าก็ใช่ว่าจะเข้าไปก้าวก่ายได้ง่ายๆ”
คำพูดนี้ชี้ให้เห็นเด่นชัด ส่วนเฉินอิ๋งเองก็รู้ว่าที่ตนเองคิดนั้นง่ายดายเกินไป นางจึงยิ้มกล่าว “ข้าไม่รู้เรื่องการบ้านการเมืองสักเท่าใดนัก ด้วยเหตุนี้จึงคิดเพ้อเจ้อแล้ว”
เผยซู่จ้องไปที่เตาไฟพลางกล่าว “เรื่องที่ดินคุณชายสามไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากเกินไป ข้าพอจะช่วยคิดหาหนทางให้ได้”
“จำเป็นต้องให้ข้าออกเงินหรือไม่” เฉินอิ๋งถามออกมาทันที
เผยซู่มิได้ตอบออกมาตรงๆ หากกลับหันหน้ามองนางด้วยสีหน้ากระหายใคร่รู้ “ไม่ทราบว่าคุณชายสามต้องการที่ดินผืนใหญ่เท่าใดในการสร้าง…สถานพำนักที่ว่านั่น”
เฉินอิ๋งชี้ไปทางมุมซ้ายล่างของภาพ “ข้าเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับสิ่งปลูกสร้างอย่างสำนักศึกษาสถานพำนักอย่างน้อยก็ต้องใช้ที่ดินสองสามหมู่ เดิมข้าตั้งใจจะจ่ายเงินซื้อที่ดินรกร้างห้าหกสิบหมู่ ยามนี้ในเมื่อเส้นทางนี้ไม่สะดวก ข้าจึงคิดว่าจะซื้อที่ดินย่านเยียนไถที่เติงโจวสักหลายๆ แปลง ทำสวนผลไม้ขนาดใหญ่ไว้ปลูกต้นหลินฉิน”
หลินฉินเป็นพืชตระกูลแอปเปิ้ลชนิดหนึ่ง แน่นอนจะเรียกมันว่าแอปเปิ้ลพื้นเมืองของจีนก็ได้ นอกจากชื่อหลินฉินแล้วมันยังมีชื่อเรียกอื่นอีกอย่างคือฮวาหงหรือซากั่ว ความสามารถในการปลูกหลินฉินในยุคนี้จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนเยียนไถในยุคปัจจุบันก็ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดแอปเปิ้ลชั้นยอด เฉินอิ๋งรู้สึกว่าดินน้ำที่นั่นน่าจะเหมาะกับการปลูกไม้ผล ดังนั้นถึงได้มีความคิดเช่นนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่เงินทองมีจำกัด สำนักศึกษาสถานพำนักจำต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ ในเมื่อทำนาไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องปลูกผลไม้ไว้ขาย เพียงแต่เรื่องนี้ออกจะยากอยู่สักหน่อย ปลูกไม้ผลจนถึงนำออกจำหน่ายได้ทุกอย่างจำต้องครบครัน ช่วงแรกอาจยากที่จะเห็นผลสำเร็จอันใด
ได้ยินเช่นนั้นเผยซู่ก็กล่าวขึ้น “ขอคุณชายสามโปรดอภัย ภาพร่างนั่นข้ายังมิได้ดูโดยละเอียด” หลังจากนั้นสีหน้าฉงนสนเท่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาหลายส่วน เผยซู่ถามต่อ “ในเมื่อต้องการบุกเบิกทำสวนผลไม้ที่เติงโจว เหตุใดคุณชายสามถึงไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับใต้เท้าหลี่”
หลี่เหิงก่อนหน้านี้ทำงานเป็นตัวแทนเจ้าเมืองอยู่ที่เติงโจว หากยามนั้นเฉินอิ๋งบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย เชื่อว่าย่อมต้องเหมาะสมกว่า
ทว่าทันทีที่พูดออกไปเขาก็เข้าใจถึงสายสนกลในได้ทันที เขาอดยิ้มพลางเขกหน้าผากตนเองไม่ได้ “ขออภัยๆ เมื่อครู่ข้ายังไม่ทันเข้าใจ ใต้เท้าหลี่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ไหนเลยจะเหมาะที่จะออกหน้า”
จริงอย่างที่ว่า หากหลี่เหิงยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ดีไม่ดีวันหน้าอาจถูกคนประณามได้
“ไม่เพียงแต่เท่านี้” เพราะรู้ว่าเผยซู่เข้าใจผิดไปแล้ว นางจึงส่ายหน้ากล่าว “ที่ข้าไม่ขอให้ท่านลุงช่วยเหลือ ไม่ใช่เพราะฐานะขุนนางของเขา หากแต่ด้วยเพราะท่านลุง…เป็นผู้อาวุโสของข้า”
น้ำเสียงของนางแผ่วเบาลงเล็กน้อย อีกทั้งยังคลุมเครือ “ท่านโหวน้อยคงรู้ เรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากเหล่าผู้อาวุโส อีกทั้งยังยากจะต่อต้านยิ่งกว่าแรงกดดันภายนอกอื่นใด ดังนั้นก่อนที่เรื่องนี้จะบรรลุ ข้าจึงไม่ปรารถนาจะทำพวกเขาแตกตื่นตกใจ”
มีเพียงรอจนกระทั่งเรื่องเปิดสถานพำนักดำเนินการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น แรงกดดันของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายถึงจะไม่อาจยับยั้งไม่ให้นางเดินหน้าได้อีก ถึงตอนนั้นนางย่อมมีกำลังมากพอ สามารถใช้การลงมือทำเกลี้ยกล่อมให้เหล่าผู้อาวุโสยอมรับ
เผยซู่ไม่พูดอันใด ทำเพียงเล่นคีมคีบถ่านในมือ เหม่อมองดูถ่านแดงในเตา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “เรื่องราวในบ้านข้า คาดว่าคุณชายสามคงรู้กระมัง”
คำพูดประโยคนี้ความจริงแล้วเป็นประโยคบอกเล่ามิใช่ประโยคคำถาม
แต่ถึงกระนั้นเฉินอิ๋งก็ยังรู้สึกประหลาดใจ หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะนางก็พยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ข้าพอรู้อยู่บ้าง”
เผยซู่ส่งเสียง “อืม” เบาๆ ออกมาคราหนึ่ง สายตายังคงจับจ้องอยู่ในเตาไฟ สีหน้าเปลี่ยนเป็นโศกเศร้ารันทดใจ
“หลังท่านพ่อท่านพี่พลีชีพในสงคราม อันที่จริงบ้านข้ายังเกิดเรื่องราวขึ้นอีกมากมาย เรื่องพวกนี้เกรงว่าคนที่รู้จะมีอยู่ไม่มาก” เขาหันหน้ามองมาทางเฉินอิ๋งคราหนึ่ง สายตาราวกับฝากแฝงไว้ซึ่งอารมณ์บางอย่าง ก่อนจะจืดจางลงอย่างรวดเร็ว “บางทีคุณชายสามอาจรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดข้าถึงตอบรับเรื่องนี้ง่ายดายเยี่ยงนี้”
เฉินอิ๋งตะลึงขึ้นอีกครา นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
เผยซู่ตอบรับง่ายดายเกินไป ไม่ถามอันใดแม้เพียงประโยค ทำนางไม่มีโอกาสปริปากกล่าวถ้อยความที่เตรียมไว้ก่อนหน้าพวกนั้น เรื่องนี้จะบอกว่าไม่แปลกก็คงไม่ได้