เฉินอิ๋งรีบคว้ามันยื่นส่งให้กับอีกฝ่ายพลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พอเถอะมามา ข้าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ท่านไม่ต้องรีบ ใจเย็นๆ”
ครานี้อาการไอของฮั่วมามาจางหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจิบชาร้อนสองคำลงท้อง สีหน้านางก็ดีขึ้นมาก นางพูดออกมาว่า “ขอคุณชายสามอย่าได้ถือสา วันนี้เสียมารยาทยิ่งแล้ว คุณชายสามโปรดให้อภัยด้วย”
เฉินอิ๋งคิดจะเอ่ยปากกล่าว ‘หาจำเป็นไม่’ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จู่ๆ นางก็รู้สึกแผ่นหลังหนาวสะท้าน ครั้นหันหน้ามองกลับไปนางก็เห็นม่านประตูถูกเลิกสูง เผยซู่กำลังยืนอยู่ที่ข้างประตู อาภรณ์บนร่างสะบัดไหวตามแรงลม ละอองหิมะเกาะติดอยู่ที่ข้างแขนเสื้อ
“เรื่องเก่าพวกนั้นมามาไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก” เขาลดม่านลงและสาวเท้ากว้างๆ เดินเข้ามา เสื้อคลุมที่พาดอยู่บนแขนห่อคลุมลงบนตัวของฮั่วมามา น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยว่า “ข้าสั่งให้คนจุดเตาแล้ว มามาไปรออยู่บนรถเถอะ อีกไม่นานข้าก็จะเสร็จธุระแล้ว” เขาพูดพลางเดินขึ้นหน้าหมายประคองหญิงชรา
นับแต่เห็นเขาเข้ามาในห้อง แววตาของฮั่วมามาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี ยามนี้พอได้ยินคำพูดดังกล่าว นางก็ยิ้มตาหยีตบมือของเขา “เอาล่ะๆ บ่าวพูดจบแล้ว ธุระของท่านโหวสำคัญยิ่ง เชิญท่านโหวจัดการธุระเถิด”
“อย่างไรมามาก็กลับขึ้นรถก่อนเถอะ” เผยซู่พยุงนางลุกขึ้น ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับเฉินอิ๋ง “เมื่อครู่รบกวนคุณชายสามแล้ว”
ฮั่วมามายิ้มพลางกล่าวเสริม “เมื่อครู่ต้องขอบคุณคุณชายสามยิ่งนักที่ไม่รังเกียจยายเฒ่าน่ารำคาญอย่างบ่าว ยามนี้บ่าวรู้สึกสบายใจขึ้นมาก คุณชายสามนับเป็นผู้เปี่ยมเมตตา เป็นสตรีที่มีน้ำใจยิ่ง”
เพราะอายุมากจึงขี้หลงขี้ลืม ทันทีที่เอ่ยปากนางก็เผยให้ชาวบ้านรู้ได้ทันทีว่าแท้ที่จริงแล้วนางล่วงรู้ถึงฐานะของเฉินอิ๋งอยู่ก่อน
เฉินอิ๋งเองก็คาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน พอได้ยินเช่นนั้นนางก็ยิ้มกล่าว “หามิได้”
ฮั่วมามาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตนเองพลั้งปากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางฉีกปากยิ้มไม่หุบ
เผยซู่ที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดพอเห็นเช่นนั้นท่าทางเขาก็คล้ายกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กๆ โชคดีที่เฉินอิ๋งสนใจก็แต่พูดคุยอยู่กับฮั่วมามา ผนวกกับท่าทีผิดปกติของเขานี้ก็มิได้เด่นชัดอะไรนัก ทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปเช่นนี้
หลังจากหาคนส่งฮั่วมามาออกไปเสร็จ เผยซู่ก็หันกลับมา ยกกาน้ำรินน้ำร้อนลงไปในกาน้ำชา ลงมือชงชาต่อ ควันสีขาวลอยละล่องลงล่างระคนอยู่กับน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา “คุณชายสาม…รู้สิ้นแล้ว?”
“ใช่ ฮั่วมามาบอกข้าหมดแล้ว” เฉินอิ๋งตอบ ไม่ว่าจะสีหน้าหรือน้ำเสียงล้วนสงบนิ่ง
เผยซู่พิจารณาดูด้วยหางตาอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นเห็นสีหน้าของนางเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างประหลาด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าทีของข้าคุณชายสามก็คงจะเข้าใจแล้ว” เขายกกาน้ำเดินไปที่ห้องข้าง
เฉินอิ๋งได้ยินเสียงตักน้ำ เขาน่าจะกำลังตักน้ำใส่กาอยู่ น้ำเสียงแผ่วเบาดังตามมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”