บทที่ 231 เยี่ยมเยือนกะทันหัน
ครั้นกลับมาถึงในห้อง สีหน้าของเผยซู่ก็กลับกลายเป็นปกติ เขาวางกาน้ำลงบนเตาพลางเอ่ยปาก “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ข้ายินดีช่วยเหลือ เหตุผลมิใช่ด้วยเพราะสงสัยใคร่รู้หรืออื่นใด ท่านเชื่อใจข้าเท่านั้นก็พอ”
“ท่านโหวน้อยได้แสดงความจริงใจยิ่งยวดให้ประจักษ์แล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง” เฉินอิ๋งยืนอยู่ข้างชั้นหนังสือ ผินหน้ามองมาทางเขา รอยยิ้มแม้จะปรากฏอยู่บนริมฝีปากเพียงจางๆ แต่กลับชัดเจนแจ่มแจ้งเป็นที่สุด
พอเห็นรอยยิ้มเช่นนั้นเผยซู่เองก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เช่นกัน “ยังคงเป็นคำพูดประโยคเดิม รอฟังข่าวจากข้า เรื่องสวนผลไม้ที่เยียนไถ มอบให้ข้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
คำพูดพวกนี้เขาพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เฉินอิ๋งยิ้มน้อยๆ รับคำ ไม่ได้อิดออดกระบิดกระบวนเอ่ยปากถึงปัญหาเรื่องเงินอีกแต่อย่างใด
ปริศนาบนตัวเผยซู่ยามนี้ค่อยๆ คลี่คลายออกทีละน้อยแล้ว ส่วนคำตอบนั้นก็ช่วยให้นางเข้าใจเขาได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าเหตุใดเขาถึงใส่ใจเรื่องชื่อเสียงมากมายเยี่ยงนั้น รวมถึงท่าทีระแวดระวังเกินความจำเป็นยามอยู่กับเพศตรงข้ามเหล่านั้นด้วย ส่วนสาเหตุที่เขารับปากช่วยเหลือนางอย่างตรงไปตรงมานั้นนางก็เข้าใจแล้วเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ เงาร่างของพี่น้องสกุลซย่าก็โผล่ขึ้นในหัวของนาง ทันทีที่ความคิดดังกล่าวปรากฏ เฉินอิ๋งก็รีบกดมันกลับลงไปทันที
ประหลาดจริงๆ เหตุใดนางถึงนึกถึงสองพี่น้องนั่นขึ้นมาได้
นางแอบส่ายหน้านั่งกลับลงบนเก้าอี้ ชี้ไปยังภาพร่างพลางบอก “ในเมื่อพอเข้าใจถึงโครงร่างคร่าวๆ ของโครงการ…แผนงานแล้ว เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าก็จะบอกเล่าถึงรายละเอียดด้านการก่อสร้าง รบกวนท่านโหวน้อยจับตาดูดีๆ…”
เกล็ดหิมะโปรยละอองอยู่ที่นอกหน้าต่าง ดอกเหมยส่งกลิ่นหอมจางๆ เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กดังอยู่ภายในเรือนที่ชื่อว่า ‘ลิ้มสุรา’ อยู่เป็นนานไม่มีหยุด
หิมะแรกของจี่หนานตกอยู่เพียงครึ่งวันเท่านั้น ครั้นหัวค่ำมันก็หยุดตก ท้องฟ้าแจ่มใสอยู่นานถึงสิบวัน สภาพอากาศถึงกลับกลายเป็นเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เองก็ไม่สนุกสนานคึกคักเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ วันทั้งวันเอาแต่ผิงไฟทำตัวให้อบอุ่นอยู่แต่ภายในห้อง
สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้การไปเรียนหนังสือของทุกวันเป็นไปด้วยความยากลำบาก หลี่ซีเองก็ทะเลาะกับหนีซื่อไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ถึงกระนั้นนางกลับไม่ได้รับความเมตตาจากผู้เป็นมารดาแม้แต่น้อย ทุกวันยังต้องฝ่าลมหนาวไปเรียนอยู่ดี
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้นางมักรู้สึกอิจฉาเฉินอิ๋งมากเป็นพิเศษ นางรู้มาว่าญาติผู้พี่ของนางผู้นี้ ‘เรื่องเรียนไม่เอาไหน’ แต่ในความไม่เอาไหนที่ว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความโชคดี ได้รับความเอ็นดูจากสวรรค์จนนางอดนึกอยากเปลี่ยนตัวกับอีกฝ่ายไม่ได้
หากนางรู้ว่าทุกวันเฉินอิ๋งต้องพยายามตื่นนอนแต่หัวรุ่ง ไม่ว่าสภาพอากาศจะหนาวเหน็บสักเพียงใดก็ยังต้องฝึกขี่ม้ายิงธนูรวมถึงฝึกกำลังข้อมือและอื่นๆ เชื่อว่าถึงตอนนั้นนางย่อมไม่นึกอิจฉาเฉินอิ๋งอีกต่อไป
จะว่าไปนับแต่แยกกับเผยซู่ในวันนั้น เฉินอิ๋งก็ไม่ได้รับข่าวสารอันใดจากเขาอีก แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้รู้สึกร้อนใจ ยังคงยุ่งอยู่กับเรื่องราวของตนเองเหมือนดังเก่า
วันนี้หิมะตกหนัก เฉินอิ๋งลุกขึ้นแต่เช้า นางสังเกตเห็นท้องฟ้าอึมครึม ลมหนาวพัดผ่านประตูสลักลายเข้ามาพร้อมกับกลิ่นอายแจ่มใสเย็นยะเยือก
“วันนี้คุณหนูยังจะออกไปข้างนอกกระนั้นหรือ” หลังช่วยผู้เป็นนายชำระล้างร่างกายเป็นที่เรียบร้อย หลัวมามาก็เอ่ยปากถาม สายตาจับจ้องอยู่บนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางอยู่บนเตียง
เฉินอิ๋งพยักหน้ากล่าว “ใช่ ข้านัดกับนายหญิงสี่สกุลฉิวไว้ วันนี้ตอนบ่ายจะแวะไปดูอะไรที่ร้านเซียงอวิ๋นสักหน่อย”
หลัวมามาไม่รู้เรื่องเฉินอิ๋งกับกัวหว่านร่วมมือกันทำการค้า พอได้ยินเช่นนั้นหัวคิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันน้อยๆ เพราะรู้สึกว่าการที่เฉินอิ๋งทำตัวสนิทสนมกับหญิงม่ายผู้หนึ่งเกินไปนั้นหาใช่เรื่องดีไม่ แต่ถึงกระนั้นนางก็มิได้พูดอะไรออกมา