“อา ไม่รู้คุณหนูบ้านใด แต่งตัวงดงามดีแท้” มีคนเอ่ยปากทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าชื่นชมหรือกระแหนะกระแหน
หลังจากนั้นคนผู้นั้นก็ยิ่งทำตัวเหลวไหลมากขึ้นไปอีก เขาเอ่ยปากกระเซ้าต่อ “คงไม่ใช่นางจากหอใดสักแห่งกระมัง รูปร่างไม่เลว อายุสิบห้าหรือยังก็ไม่รู้”
เสียงที่สามดังขึ้นตัดบทอีกฝ่าย “เจ้าตาบอดหรืออย่างไรถึงได้มองไม่เห็นรถม้านั่น!”
เสียงสุดท้ายนั่นหยุดเสียงกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ได้ทันที ทว่าสายตาที่จับจ้องอยู่บนร่างของเฉินอิ๋งนั้นไม่ได้มีจำนวนลดลง ตรงกันข้ามกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น
หลัวมามาสีหน้าเย็นชา นางคุ้มครองเฉินอิ๋งเดินเข้าไปในร้านพลางกัดฟันโมโห “ปากของคนที่นี่เหตุใดถึงได้โสมมนัก แต่ละคนกินมูลสุนัขก่อนออกจากบ้านมาหรือไรกัน”
บ่าวไพร่ที่ติดตามมาด้วยยามนี้ต่างถลึงตาใส่คนพวกนั้น จะดีจะชั่วเช่นไรพวกเขาก็เป็นบ่าวไพร่จวนขุนนาง กลิ่นอายที่มีอยู่บนร่างไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ จะเทียบเคียงได้ ด้วยเพราะหวาดประหวั่น พวกขี้นินทาเหล่านั้นจึงต่างแยกย้ายไปกันคนละทิศละทาง เพียงไม่นานท้องถนนก็กลับมาสงบเงียบดังเดิม
คิ้วที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกม่านแพรของเฉินอิ๋งขมวดเข้าหากัน สังคมของที่นี่เลวร้ายกว่าที่นางคิดมาก
โชคดีที่ยามนี้ลูกจ้างในร้านเซียงอวิ๋นรีบเดินออกมารับหน้าพลางเอ่ยปากทักทายด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนจะนำพาแขกสูงศักดิ์ท่วงทีไม่ธรรมดาเข้าไปภายในร้าน
ในร้านไม่มีลูกค้าอื่นใด คาดว่าคงเพราะด้านนอกหิมะตก สภาพอากาศหรือก็หนาวเหน็บ ทำให้ผู้คนเกียจคร้านเกินกว่าจะออกจากเรือน
ครั้นเข้าไปถึงภายใน ไม่ต้องรอให้เฉินอิ๋งสั่ง สวินเจินก็เดินขึ้นหน้ามาวางท่ากล่าว “คุณหนูของพวกเราต้องการพบเจ้าของร้าน เทียบส่งมาแล้ว ไปตามเถ้าแก่ของเจ้าออกมาเถิด”
ลูกจ้างรายนั้นสายตาคมกริบ เขาดูออกแต่แรกแล้วว่าเฉินอิ๋งไม่ใช่คนธรรมดา พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบยิ้มรับคำ ตรงเข้าไปรายงานอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานสตรีหน้าตางดงามหมดจดนางหนึ่งก็เดินออกมาต้อนรับด้วยท่วงท่างามสง่า
พอเห็นอีกฝ่าย หลัวมามายังไม่เท่าใด ทว่าสวินเจินกับจือสือที่อยู่ข้างๆ ต่างสองตาเบิกโพลง สีหน้าตื่นตกใจ
คนที่มาก็คือหมิงซิน!
แม้แต่เฉินอิ๋งเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
หมิงซินในอาภรณ์กันหนาวสีฟ้าใสปักกลุ่มโบตั๋นปรากฏตัวอยู่ในร้านเซียงอวิ๋น อีกทั้งยังปรากฏตัวในฐานะเถ้าแก่
นี่มันเรื่องอันใดกัน
หลังคดีฆาตกรรมในบ้านสกุลเหอ หมิงซินก็ปรากฏตัวถี่ขึ้น เฉินอิ๋งเพิ่งจะออกจากบ้านมาเป็นครั้งที่สองเท่านั้นก็ได้พบเจอนางอีกคราวแล้ว
“คุณหนูสามเป็นแขกคนสำคัญจริงๆ รีบเข้ามาข้างในเถิด” หมิงซินอมยิ้มแสดงคารวะ พอลุกขึ้นนางก็นำพาพวกเฉินอิ๋งเดินเข้าไปด้านในพลางกล่าว “เทียบของคุณหนูนายหญิงของพวกเราได้รับแล้ว เพียงแต่คุณหนูมิได้ระบุเวลาแน่ชัด นายหญิงของพวกเราบังเอิญมีธุระด่วนจำต้องออกไปข้างนอก มิอาจอยู่รอต้อนรับ ทว่านายหญิงได้กำชับสั่งผู้น้อยเอาไว้แล้วว่าทันทีที่คุณหนูมา รบกวนให้คุณหนูอยู่รอสักครู่ เพียงไม่นานนางก็จะกลับมา”
ไม่รู้ว่าเพราะออกจากบ้านสกุลเหอมาหรือไม่ หมิงซินยามนี้ถึงได้พูดจาสบายๆ อากัปกิริยาหรือก็สุขุมเยือกเย็น แลดูมีอำนาจกว่าตอนอยู่ข้างกายหวงซื่อ คล้ายภาคภูมิกว่าเก่าก่อนอยู่หลายส่วน
หลัวมามาไม่รู้จักนางจึงลอบถามสวินเจิน พอรู้ว่าสตรีตรงหน้าคือ ‘นารีเป็นเหตุ’ ชื่อดัง นางก็ไม่วายนึกกระหายใคร่รู้ จนอดไม่ได้ที่จะพินิจพิจารณาดูอีกฝ่าย