บทที่ 236 รอยหิมะบนถนนสายยาว
หลังจากเฉินอิ๋งส่งเสียง “อืม” ออกมาคราหนึ่ง นางก็ไม่กล่าวอันใดอีก
นางไม่มีอะไรที่พอจะพูดได้อีกแล้ว
อดีตของหมิงซินเรียกได้ว่าดั่งเทพนิยายบทหนึ่ง ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นบิดาที่ปลูกฝังอยู่บนตัวนางในยามนั้น สุดท้ายก็เปลี่ยนนางให้กลายเป็นคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน
เฉินอิ๋งเดาว่าที่หมิงซินสามารถเข้ามายุ่งวุ่นวายกับงานของเหอจวินเฉิงได้ เกรงว่าจะมากจะน้อยเช่นไรนางย่อมต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างเป็นแน่ อย่างน้อยละครอย่างโฉมสะคราญเคียงบัณฑิตไม่ว่าเช่นไรก็ไม่มีทางขาดได้
เฉินอิ๋งอดทอดถอนใจไม่ได้
ที่อยู่ใต้ผืนหนังงดงามเบื้องหน้ากลับเป็นจิตใจที่ทระนงองอาจหาใดเปรียบดวงหนึ่ง
สตรีเยี่ยงนี้ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ล้วนมีชีวิตได้ดั่งใจนางปรารถนา และมักจะได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการทั้งหมด หากพิจารณาจากจุดนี้ คำพูดที่บอกว่านางไม่สนใจตำแหน่งนายหญิงอันใดนั้นคาดว่าน่าจะไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด หากเหอจวินเฉิงได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นขุนนางชั้นสูง เกรงว่านางคงยินดีทอดกายให้กับเขา
ไม่ว่าเช่นไรนางย่อมเลือกก็แต่เส้นทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองที่สุดเท่านั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่ว่าจะวิธีการใดนางล้วนไม่สนใจ หลักปรัชญาหน้าหนาใจดำของเหล่านักการเมืองแม่นางหมิงซินผู้นี้เรียนรู้มาจากบิดาของนางครบถ้วนกระบวนความ
มีอยู่แวบหนึ่งที่เฉินอิ๋งนึกอยากเชิญนางมาช่วยสร้างสำนักศึกษาสตรี แน่นอนว่าสตรีที่มีความรู้ความสามารถเช่นนี้ย่อมเหมาะยิ่งกับการบุกเบิกเส้นทาง
แต่สุดท้ายนางก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดดังกล่าว
หมิงซินคำนึงถึงผลประโยชน์และความสำเร็จมากเกินไป ทะเยอทะยานเกินไป ทว่าที่เฉินอิ๋งต้องการกลับเป็น ‘นักปฏิบัตินิยม’
‘ผู้มีธรรมไม่เสมอกันมิอาจกระทำการร่วมกันได้’ คำพูดนี้เหมาะที่จะใช้กับเฉินอิ๋งและหมิงซินที่สุด
หลังพูดคุยกับหมิงซินจบได้ไม่นาน เฉินอิ๋งก็ไปจากร้านเซียงอวิ๋น
กัวหว่านมิได้กลับมา
เฉินอิ๋งรอนางอยู่ราวๆ หนึ่งชั่วโมง แต่กัวหว่านกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างติดพัน ไม่เพียงคนไม่กลับมา แม้แต่จะส่งคนกลับมาแจ้งข่าวก็ยังไม่มี
หากไม่ใช่เพราะเชื่อในความสามารถของกัวหว่านแล้วล่ะก็ เฉินอิ๋งคงอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนางใช่หรือไม่
ตอนก้าวเท้าออกจากประตู หมิงซินพร่ำกล่าวขออภัยไม่หยุด อีกทั้งยังพยายามเชิญเฉินอิ๋งให้รอต่ออีกสักหน่อย แต่เฉินอิ๋งกลับไม่รับปาก
นางรับปากหลี่ซื่อไว้ว่าจะกลับไปให้ไวหน่อย ยามนี้สายมากแล้ว หากกลับช้ากว่านี้ หลี่ซื่อคงไม่แคล้วทั้งกังวลทั้งหวาดวิตก
โชคดีที่กัวหว่านสั่งให้คนเตรียมน้ำมันหอมระเหยไว้ก่อนแล้ว แค่เฉินอิ๋งเอากลับไปมอบให้พวกหนีซื่อ การเดินทางมาในครั้งนี้ก็ไม่นับว่าเสียเปล่า
ที่หน้าประตูหิมะยังคงตก เกล็ดหิมะโปรยปรายไร้สรรพเสียง ที่อยู่ไกลออกไปคือแผ่นฟ้ากว้างไกล ที่อยู่ใกล้ๆ คือตรอกถนนเงียบเหงา แผ่นฟ้าผืนปฐพีกว้างโล่ง
เฉินอิ๋งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สภาพอากาศในวันหิมะตกทั้งเย็นเยียบทั้งชุ่มชื้น คล้ายปอดถูกล้างจนสะอาดเอี่ยม
หลังขึ้นไปนั่งอยู่บนรถม้า ฟังเสียงเกือกม้ากระทบพื้นผิวถนนดังกุบกับ เฉินอิ๋งก็เลิกม่านมองออกไปด้านนอก
หิมะโปรยปรายอยู่ทั่วทุกแห่งหน เปลี่ยนโลกนี้ให้แลดูงดงามเกินบรรยาย เวิ้งว้างกว้างไกลเสมือนภาพวาดประณีตบรรจง
รถเคลื่อนเลี้ยวตรงมุมถนนที่ตั้งอยู่ท้ายตรอกซย่าหม่าช้าๆ หากมุ่งหน้าต่อพวกนางก็จะไปถึงถนนชีเสียน
ในตอนนั้นเอง รถม้าขนาดเล็กหลังคาสีดำสองคันก็ปรากฏขึ้นที่อีกฟาก
เฉินอิ๋งสายตาดียิ่ง แค่เห็นเพียงปราดเดียวนางก็จำได้ทันทีว่าบ่าวไพร่ที่เดินตามอยู่ข้างรถคันหนึ่งนั้นเป็นบ่าวสกุลหาน
กัวหว่านกลับมาแล้ว
เฉินอิ๋งอ้าปากหมายเรียกอีกฝ่าย แต่ครั้นชำเลืองดูอีกครานางก็สีหน้าชะงักงัน
ที่ตามอยู่ข้างรถม้าหลังคาดำอีกคันคือบุรุษแต่งตัวเยี่ยงองครักษ์ มีอยู่สองคนที่นางรู้จัก
พึ่บ
จู่ๆ เฉินอิ๋งก็ลดม่านลง แล้วรีบถอยออกจากหน้าต่างรถ ใจเต้นตึกตักรัวเร็ว