ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 4-6 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 4-6

บทที่ 5 เกล็ดน้ำตาลล้ำค่า

“น้องสาม ไม่รู้ว่าคำพูดของเถาจือนี้มีอะไรไม่ถูกไม่ควรตรงที่ใดหรือ” เฉินจิ่นถามต่อ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏอยู่ใบหน้าขาวสะอาดไม่ต่างอะไรกับจันทร์กระจ่างทะลุม่านเมฆ งดงามละเอียดอ่อน เรือนรับรองพลอยสุกสว่างขึ้นหลายส่วน

เฉินอิ๋งยิ้มมุมปาก “เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกไปว่าข้าได้ให้คนวิ่งจากเรือนรับรองไปห้องสุขา จากห้องสุขากลับมาที่เรือนรับรองรอบหนึ่ง เวลาที่ใช้คือประมาณครึ่งเค่อ แม่นางเถาจือบอกว่านางสะกดรอยตามพี่ใหญ่ไป พี่ใหญ่ ยามนั้นท่านคงไม่ได้วิ่งไปห้องสุขากระมัง”

“แน่นอนอยู่แล้ว” เฉินจิ่นยกแขนเสื้อปิดปากยิ้ม “ข้าเชื่อว่าไม่ว่าสตรีสกุลใดก็ล้วนไม่มีทางวิ่งไปห้องสุขาแน่” พูดถึงตรงนี้สายตาของนางก็กวาดมองไปทางกัวย่วนที่ยืนหน้าตาบึ้งตึงอยู่อีกด้าน คิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าเซียงซานเซี่ยนจู่คิดเห็นเช่นไร”

กัวย่วนไม่พูดไม่จา แววตาหยิ่งผยองกลับกลายเพิกเฉย

“ขอบคุณพี่ใหญ่” เฉินอิ๋งพยักหน้าให้กับเฉินจิ่น สายตากวาดมองไปรอบๆ เรือนรับรอง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นั่นก็แปลว่ามีปัญหาอยู่ประการหนึ่ง หากไม่วิ่งไป ชั่วระยะเวลาครึ่งเค่อนี้แม่นางเถาจือไหนเลยจะทำเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้เสร็จสิ้น และย่อมไม่มีทางกลับมาทันยกของว่างขึ้นโต๊ะได้”

“ก็ไม่แน่” ในที่สุดกัวย่วนก็อดไม่ได้ พูดเหน็บแนมขึ้น “ตลอดทางไปห้องสุขาเถาจือย่อมต้องเดินไป แต่ตอนกลับมานางสามารถวิ่งเร็วหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้เวลาย่อมประจวบเหมาะกระมัง”

“เซี่ยนจู่กล่าวเช่นนี้ย่อมผิดแล้ว” เฉินอิ๋งมองดูอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจังพลางบอก “แม่นางเถาจือไม่เพียงแต่ ‘เดิน’ ไปห้องสุขา นางยังมองเห็นพี่ใหญ่ข้าขว้างหยกลงพื้น เหยียบขยี้หยกนั่นอีกต่างหาก เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อย ส่วนคนที่ข้าเรียกให้วิ่งไปมานั้นกลับวิ่งไม่มีหยุดพัก พูดกันตามตรง ชั่วระยะเวลาครึ่งเค่อนี้เรียกว่าน้อยที่สุดแล้ว หากเซี่ยนจู่ไม่เชื่อ ที่นั่นมีกาน้ำหยด* อยู่ จะเรียกให้บ่าวของท่านทดลองดูก็ได้ ดูซิว่าจะสามารถทำเรื่องทั้งหมดตามที่เถาจือเล่ามาได้หรือไม่”

กัวย่วนเม้มปากแน่น ความรู้สึกไม่พึงพอใจปรากฏชัดอยู่บนใบหน้า

นางเองก็รู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของห้องสุขา และรู้ดีว่ายิ่งหาคนมาทดลองสถานการณ์ก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็รู้แล้ว คำพูดของแม่นางเถาจือมีช่องโหว่เรื่องเวลา ชั่วระยะเวลาครึ่งเค่อไม่อาจทำเรื่องราวทั้งหมดที่นางพูดมาได้ครบถ้วน เช่นนั้นพวกเราย่อมสรุปได้ว่าแม่นางเถาจือโป้ปดมดเท็จ” เสียงของเฉินอิ๋งที่ดังขึ้นยังคงราบเรียบเฉกผืนน้ำดังเก่า ไม่ต่างอันใดกับตัวนางเอง

ครั้นพูดถึงตรงนี้นางก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ คล้ายต้องการทิ้งความรู้สึกล้ำลึกไว้กับทุกคนก่อนจะพูดขึ้นอีกคราว “หากอนุมานกันต่อ เรื่องโกหกที่ว่านี้ย่อมยืนยันถึงความจริงได้ประการหนึ่งคือเรื่องที่พี่ใหญ่ข้าขโมยหยก ขว้างทำลายหยก เหยียบขยี้หยกต่างๆ นานานี้ แม่นางเถาจือไม่ได้เห็นเองกับตา หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเถาจือผู้นี้สร้างหลักฐานเท็จ ที่นางพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นการใส่ไคล้”

หลังเอ่ยวาจาด้วยท่าทีสงบนิ่งจบ เฉินอิ๋งก็กล่าวปิดท้าย “เรื่องนี้สรุปได้ว่าพี่ใหญ่ของข้าไม่ใช่ขโมย นางถูกผู้อื่นปรักปรำ”

สีหน้ารอชมเรื่องสนุกของสตรีในเรือนรับรองทั้งหลายต่างถูกเก็บกลับไปหมดสิ้น

คุณหนูสามแห่งสกุลเฉินฉลาดเฉลียวเยี่ยงนี้ นับว่าเหนือความคาดหมายของทุกคนโดยแท้

เปิดโปงข้อบกพร่องจากจุดที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด ไม่เพียงเป็นการทำลายให้คำให้การของเถาจือพังพินาศภายในคราเดียว หากยังสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้เฉินจิ่นได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค หนำซ้ำยังแทบไม่มีการปะทะคารมอันใดกับกัวย่วน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสันติ สงบนิ่ง บรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

ที่แท้การคลี่คลายเงื่อนงำก็ยังสามารถใช้วิธีการเช่นนี้ได้ เรื่องนี้ทำให้สตรีทั้งหลายที่เคยชินกับการชมละครทะเลาะเบาะแว้งของเหล่าสตรีเรือนหลังทั้งหลายได้เปิดหูเปิดตา

“ผู้น้อย…ผู้น้อยโป้ปดจริงๆ” น้ำเสียงอ่อนระโหยแผ่วเบาของเถาจือดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ต่างกับสายลมที่พัดแผ่วอยู่ข้างหู

นางก้มหน้า เนื้อตัวสั่นสะท้านคล้ายตกประหวั่นสุดขีด “เกล็ด…เกล็ดน้ำตาลบนแขนเสื้อผู้น้อย อันที่จริงไม่ได้เปื้อนตอนอยู่ในเรือนรับรอง ความจริงผู้น้อย…ระหว่างทางกลับจากห้องสุขา…ผู้น้อย…แวะไปที่ห้องครัว เกล็ดน้ำตาลนี้ คาดว่า…คาดว่าน่าจะเปื้อนติดแขนเสื้อผู้น้อยมาในตอนนั้น”

จู่ๆ ดวงตาของนางก็มีน้ำตาเอ่อคลอ คลานเข่าไปอยู่ข้างเท้ากู้หนานและร่ำไห้ “คุณหนูรองได้โปรด…”

“ช้าก่อน” เฉินอิ๋งจู่ๆ ก็เอ่ยปากตัดบท

เถาจือหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ยังไม่ทันได้พูดเฉินอิ๋งก็เอ่ยปากถามอย่างรวดเร็ว “เจ้าคงไม่คิดจะบอกว่าเจ้าเข้าไปขโมยของกินในครัว แขนเสื้อเลยเปื้อนเกล็ดน้ำตาลมากระมัง”

เถาจือยังคงน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าซึมกะทือ คล้ายไม่อาจตอบสนองได้ทันท่วงที

เฉินอิ๋งจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง นางถามซ้ำว่า “เจ้าไปขโมยขนมเถาซูเกล็ดหิมะในห้องครัว ใช่หรือไม่”

เมื่อถูกคาดคั้นเช่นนั้น เถาจือก็เผลอพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว

นางคิดจะพูดเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นถึงได้วิ่งไปขอรับผิดต่อกู้หนาน แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกเฉินอิ๋งขวางไว้

“แม่นางเถาจือ ขอเจ้าตอบออกมาชัดๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่ เจ้าไปขโมยขนมเถาซูเกล็ดหิมะจากในห้องครัวใช่หรือไม่ใช่” เฉินอิ๋งถามเป็นครั้งที่สาม น้ำเสียงกระจ่างชัดยิ่ง

เถาจือลอบชำเลืองมองกัวย่วนที่ปั้นหน้าตาบึ้งตึงอยู่อีกด้าน ในที่สุดก็พูดออกมา “ใช่…ใช่เจ้าค่ะ…”

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินอิ๋งยิ้มมุมปาก ยกมือทำท่าเชื้อเชิญ “เชิญเจ้าร้องต่อได้แล้ว”

เถาจือเนื้อตัวแข็งทื่อ ถึงดวงตาของนางยังคงมีน้ำตาเอ่อคลอ แต่ครั้นได้ยินเฉินอิ๋งพูดเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงร้องไม่ออก

เรือนรับรองเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเสียงหัวเราะกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์แผ่วเบาก็ดังขึ้น

คุณหนูสามสกุลเฉินผู้นี้วาจาท่าทีแม้จะพิลึกพิลั่นแต่ก็น่าสนใจมาก

เฉินอิ๋งไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดเช่นไร นางยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เสียงพึ่บดังขึ้น กระดาษอีกแผ่นถูกดึงออกมาจากแขนเสื้อ นางหันมองไปทางกู้หนานพลางบอก “คุณหนูรอง จวนของท่านมีสตรีแซ่โจวอายุประมาณสี่สิบ รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอม ใบหน้าเรียวยาว หลังมือมีไฝอยู่เม็ดหนึ่งใช่หรือไม่”

คำถามที่เกิดขึ้นราวอาชาสวรรค์ทะยานฟ้านี้ทำเอาเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรือนรับรองค่อยๆ เงียบลง

กู้หนานสีหน้าอับจน นางพยักหน้าเอ่ย “อืม ใช่แล้ว จวนของพวกเรามีสตรีรูปร่างหน้าตาเช่นนั้นอยู่จริงๆ วันนี้โจวมามารับหน้าที่ดูแลเรือนรับรอง”

“เช่นนั้นก็ดี” เฉินอิ๋งวางใจ หันไปหาทุกคนพลางชูกระดาษแผ่นนั้นขึ้น “ทุกท่านเชิญดู นี่คือคำให้การที่ข้าได้มาจากโจวมามา นางได้ประทับรอยนิ้วมือไว้แล้ว เชิญทุกท่านดูได้”

นางขยับตัวเพื่อให้ทุกคนสามารถเห็นรอยนิ้วมือสีแดงเด่นชัดบนกระดาษนั้นถนัดตาพลางพูดขึ้นช้าๆ “โจวมามาบอกว่าเกล็ดน้ำตาลบนขนมเถาซูเกล็ดหิมะนั้นทำขึ้นจากวัตถุดิบล้ำค่าราคาแพง ด้านในมีผงไข่มุกผสมอยู่ ข้าคิดว่าเรื่องนี้คุณหนูรองคงทราบกระมัง”

กู้หนานตอบ “อืม” ยอมรับว่าคำพูดของเฉินอิ๋งนั้นเป็นเรื่องจริง

เฉินอิ๋งยิ้มมุมปากให้กับอีกฝ่าย “สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ หากมีอะไรไม่ถูกต้องขอให้คุณหนูรองช่วยชี้แจงแถลงไขด้วยได้หรือไม่”

คราวนี้กู้หนานไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่า ‘อืม’ นางพยักหน้า ไม่หันมองใบหน้าของกัวย่วนที่ยิ่งดำคล้ำมากขึ้นทุกทีเสียด้วยซ้ำ

เฉินอิ๋งหันหน้าไปหาทุกคน กล่าววาจาน้ำเสียงสงบนิ่ง “โจวมามาบอกไว้ในคำให้การว่าเพราะผงไข่มุกไม่ใช่ของธรรมดาๆ หนำซ้ำวิธีการปรุงเกล็ดน้ำตาลเองก็เป็นความลับสุดยอด ดังนั้นทุกครั้งเวลาทำของว่างล้วนต้องให้คนจดบันทึกเตรียมผงไข่มุกให้เพียงพอต่อจำนวนคน ก่อนจะให้หัวหน้าคนครัวลงมือทำเกล็ดน้ำตาลด้วยตนเองล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน เก็บมันไว้ในกล่องที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากนั้นค่อยมอบกุญแจให้มามาดูแลคลังเป็นคนเก็บรักษา”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com