ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 4-6
บทที่ 6 เงินทงเป่า ในพระราชกระแสรับสั่ง
เฉินอิ๋งยื่นมือชี้ไปยังคำให้การท่อนหนึ่ง นางกึ่งพูดกึ่งอ่านว่า “โจวมามาเน้นครั้งแล้วครั้งเล่า กล่องเก็บเกล็ดน้ำตาลจะถูกลงกลอนไว้จนกระทั่งวันงานถึงค่อยให้คนดูแลห้องเครื่องไปเอามา ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลาขนมออกจากกระทะ กล่องจะถูกเปิดออกไม่ได้เด็ดขาด มาตรฐานของขนมเถาซูเกล็ดหิมะนี้นับว่าสูงส่งไม่ธรรมดา หลังออกจากกระทะต้องโรยเกล็ดน้ำตาลลงไปทันที เสร็จแล้วก็ใช้ฝาทองแดงปิดมันใหม่อีกครั้ง อบมันไว้อีกยี่สิบสามสิบอึดใจถึงค่อยเปิดฝา เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด”
เคร้ง!
กัวย่วนกระแทกฝาถ้วยชาลงกับโต๊ะ มองดูเฉินอิ๋งด้วยสายตาเย็นชาพลางพูดเย้ยหยัน “คุณหนูสาม เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ใครอยากฟังวิธีทำขนมของเจ้ากัน”
“หากเซี่ยนจู่ไม่อยากฟัง เช่นนั้นปิดหูเสียก็สิ้นเรื่อง จริงหรือไม่” เฉินจิ่นเอ่ยปากต่อความทันควันด้วยท่าทียโสโอหัง น้ำเสียงหยิ่งผยองเหมือนอย่างที่นางเป็นมาโดยตลอด
กัวย่วนจ้องดูอีกฝ่ายเขม็ง แววตาเย็นเยียบยิ่ง
เฉินจิ่นเองก็สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง
สายตาของคนทั้งคู่ปะทะกันอยู่กลางอากาศไม่มีใครยอมใคร
เฉินอิ๋งมองดูพวกนาง พอเห็นสตรีทั้งสองประลองกำลังกันผ่านทางสายตา ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอันใด นางก็เอ่ยปากพูดต่อ “คำให้การของโจวมามานี้คิดว่าทุกคนคงฟังเข้าใจแล้ว เกล็ดน้ำตาลถูกสั่งทำขึ้นเป็นการเฉพาะ มีการดูแลจัดเก็บเป็นอย่างดี ก่อนของว่างถูกจัดขึ้นโต๊ะ คนที่จะสัมผัสมันได้มีเพียงแค่สามคนเท่านั้น ได้แก่ หัวหน้าคนครัว มามาดูแลคลัง และคนดูแลห้องเครื่อง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้นางก็หันไปทางเถาจือ ถามน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้ข้าอยากถามแม่นางเถาจือ เจ้าขโมยกินขนมได้เช่นไร หัวหน้าคนครัวจงใจทำเกินมาสองสามชิ้นให้สาวใช้อย่างเจ้าได้คลายความอยาก? หรือว่ามามาดูแลคลัง คนดูแลห้องเครื่องสนิทสนมกับเจ้าเป็นพิเศษ จงใจมอบเกล็ดน้ำตาลให้เจ้าจัดการ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็อยากให้คุณหนูรองเชิญพวกเขาทั้งสามมาที่นี่เดี๋ยวนี้ จะได้ยืนยันต่อหน้าเถาจือ”
ได้ยินเช่นนั้นกู้หนานก็ตะลึงไปชั่วขณะ นางอดนึกโมโหไม่ได้
พูดเช่นนี้มิเท่ากับว่าคุณหนูสามสกุลเฉินผู้นี้กำลังตำหนิว่าคนของจวนเจิ้นหย่วนโหวไม่มีกฎระเบียบอยู่หรือไร เช่นนี้มันตบหน้ากันชัดๆ
ถึงจะไม่พูดแต่ในใจนางก็อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ทว่าถึงอย่างนั้นกู้หนานก็ยังคงปั้นหน้าสงบนิ่ง หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นกดซับมุมปาก เอ่ยวาจาอย่างไม่สนใจไยดี “เถาจือ เจ้าพูดเองเถอะ”
เถาจือใบหน้าตื่นตระหนกขึ้นหลายส่วน นางสองมือยันพื้นแน่น กระดูกข้อต่อแทบจะกลับกลายเป็นสีขาว พูดเสียงสั่นเครือ “ผู้น้อย…เอ่อ…ผู้น้อยไม่ได้อยู่ในห้องครัว…ผู้น้อย…”
“เจ้าคิดจะบอกว่าเจ้าสัมผัสถูกเกล็ดน้ำตาลตอนของว่างถูกส่งมาที่เรือนรับรองใช่หรือไม่” เฉินอิ๋งตอบขึ้นมาแทน
เถาจือรีบพยักหน้า “ใช่ ใช่แล้ว…”
“แม่นางเถาจือ เจ้าไม่ได้พูดความจริงอีกแล้ว” เฉินอิ๋งส่ายหน้า ชูกิ่งไม้ชี้ไปยังแผนที่ที่อยู่ในมือของสาวใช้ชุดคราม น้ำเสียงเฉยชาเอ่ยขึ้นว่า “ห้องครัว เรือนรับรอง ห้องสุขาสามแห่งนี้ประกอบกันเป็นมุมแหลม จริงอยู่ หากเจ้าสัมผัสถูกเกล็ดน้ำตาลระหว่างส่งมันจากห้องครัวมาเรือนรับรอง เช่นนั้นช่องโหว่ของคำให้การเจ้าย่อมพอฝืนยอมรับได้ ทว่าเจ้ากลับลืมไปเรื่องหนึ่ง”
พอพูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไปชั่วขณะ แววตาใสกระจ่างดุจผืนน้ำหยุดนิ่งอยู่บนตัวเถาจือ “โจวมามาเคยเอ่ยปากเน้นอยู่หลายครั้ง ของว่างออกจากกระทะต้องใช้ฝาทองแดงปิด ตลอดช่วงสามสิบลมหายใจจะเปิดฝาออกไม่ได้เป็นอันขาด จากห้องครัวถึงเรือนรับรองใช้เวลาสามสิบลมหายใจพอดี ตลอดทางขนมเถาซูเกล็ดหิมะล้วนถูกอบอยู่ในฝา”
เมื่อพูดถึงจุดนี้เฉินอิ๋งก็พูดช้าลง “วันนี้คนที่รับผิดชอบส่งของว่างมีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งคือคนดูแลห้องเครื่อง อีกคนคือหัวหน้าคนครัว บอกข้ามา เจ้าแอบเปิดฝานั่นออกใต้สายตาผู้ใด”
เถาจือใบหน้าซีดเผือด พูดอะไรไม่ออกอีก
เฉินอิ๋งเลื่อนกิ่งไม้ออก จ้องเถาจือเขม็ง “แม่นางเถาจือ ด้วยฐานะบ่าวชั้นสามอย่างเจ้า ที่เดียวที่เจ้าจะสัมผัสกับเกล็ดน้ำตาลได้คงมีเพียงชั่วจังหวะเวลาเล็กๆ ตอนนำของว่างขึ้นโต๊ะอยู่ในเรือนรับรองนี้เท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือหนึ่งเค่อก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้อยู่ที่ห้องสุขา ไม่ได้อยู่ในห้องครัว และยิ่งไม่ได้อยู่ระหว่างทางส่งของว่างมา เจ้าอยู่ในเรือนรับรองนี้”
เถาจือหน้าไร้สีเลือด แขนทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด ร่างทั้งร่างพลอยสั่นระริกตามไปด้วย
ขอเพียงนางอยู่ในเรือนรับรอง เช่นนั้นที่นางพูดว่า ‘เห็นเองกับตา’ ย่อมกลับกลายเป็นถ้อยคำโป้ปด ถึงตอนนั้นคำกล่าวหาที่ว่าเฉินจิ่นเป็นขโมยก็ย่อมหมดความหมายไปโดยปริยาย
“พูดมาตั้งนาน ก็แค่เกล็ดน้ำตาลไม่ใช่หรือไร” จู่ๆ กัวย่วนก็ขึ้นเสียง แววตาเหมือนไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา “หากข้าบอกว่าข้าตกรางวัลยกขนมเถาซูชิ้นหนึ่งให้นางกิน คุณหนูสามยังจะมีคำพูดอันใดอีก”
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกจากปากกัวย่วน บรรยากาศภายในเรือนรับรองก็เคร่งเครียดขึ้นอีกคราว
เพียงเพราะต้องการให้เฉินจิ่นมีความผิดฐานขโมยของให้ได้ เซียงซานเซี่ยนจู่ถึงกับดึงดันยอมสมคบกับสาวใช้เถาจือให้การเท็จ
สายตาของทุกคนจับจ้องมาทางเฉินอิ๋ง
เฉินอิ๋งเองก็คล้ายตกตะลึง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงพยักหน้าพูดขึ้นช้าๆ ว่า “หากเซี่ยนจู่พูดเช่นนี้ มันก็ย่อมเป็นไปได้”
“เช่นนั้นทุกอย่างก็คงจบแล้วกระมัง” กัวย่วนเชิดคางได้ใจ
เถาจือที่หมอบอยู่กับพื้นถอนหายใจโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
เฉินจิ่นที่ยืนอยู่อีกด้านกลับใบหน้าเขียวคล้ำ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งนางก็เดินขึ้นหน้าดึงแขนเสื้อของเฉินอิ๋ง กัดริมฝีปากพูด “น้องสาม ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้า หากไม่ไหวจริงๆ ก็ช่างเถอะ ไว้รอท่านแม่ของพวกเรากลับมา…”
“ไม่ได้” เฉินอิ๋งปฏิเสธข้อเสนอของนางทันควัน ท่าทีหนักแน่นเด็ดเดี่ยวยิ่ง
เฉินจิ่นขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาเจียนหลั่ง
เฉินอิ๋งพยายามช่วยนางอย่างสุดกำลังเช่นนี้บางทีอาจมีวัตถุประสงค์อื่น ทว่าการที่คนผู้หนึ่งทำเพื่อนางถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ต้องนับเป็นน้ำใจใหญ่หลวงประการหนึ่ง
ไว้จบเรื่องก่อน ถึงตอนนั้นนางต้องขอให้ท่านแม่สนิทสนมกับบ้านรองให้มากขึ้น เฉินจิ่นนึกตัดสินใจพร้อมมองดูเฉินอิ๋งด้วยความรู้สึกซาบซึ้งปราดหนึ่ง แล้วไม่พูดอะไรอีก
เฉินอิ๋งยามนี้หัวคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ คล้ายมีอะไรบางอย่างไม่อาจตัดสินได้ นางเดินไปทางด้านข้างช้าๆ สองสามก้าว ทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรออก นางสาวเท้ายาวๆ ไปทางเฉินจิ่น “พี่ใหญ่ ท่านฟังข้าให้ดี ข้าอยากถามท่าน…”
จู่ๆ นางก็หันเท้าเปลี่ยนทิศ ตรงดิ่งไปทางเถาจือรวดเร็ว ดึงแขนซ้ายอีกฝ่ายไว้พลางออกแรงสะบัด
เคร้ง!
ของชิ้นหนึ่งหล่นออกมาจากแขนเสื้อของเถาจือ กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น เฉินอิ๋งรีบใช้เท้าเหยียบมันไว้ ในเวลาเดียวกันก็กระชากเถาจือไปทางด้านหลัง
การเคลื่อนไหวนี้ราวกับเมฆเคลื่อนธาราคล้อย สำเร็จเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เถาจือรู้สึกเพียงมือของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยพละกำลังชวนตะลึง นางแทบถูกอีกฝ่ายฉุดให้ลุกขึ้นพร้อมจับเหวี่ยงลงกับพื้น ใจนางก็เต้นระส่ำ ใบหน้าตื่นตระหนกขาวซีดไปหมด
กว่าที่ทุกคนจะได้สติ เฉินอิ๋งก็หยิบเอาของชิ้นนั้นขึ้นมาจากพื้น แกะกระดาษที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกออก เผยให้เห็นของที่อยู่ด้านใน มันเป็นก้อนเงินเนื้อดีสองชิ้นที่มีขนาดเล็กใหญ่เท่ากัน
“เงินทงเป่าในพระราชกระแสรับสั่ง ปีที่สิบสี่” เฉินอิ๋งอ่านตัวอักษรบนก้อนเงินด้วยเสียงอันดังพลางหันไปทางกัวย่วนและเผยยิ้มมุมปาก “นี่เป็นเงินก้อนที่ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว”
นางพูดพลางชั่งน้ำหนักเงินก้อนในมือพลางเอ่ยปากต่ออย่างรวดเร็ว “ก้อนเงินสองก้อนนี้น้ำหนักน่าจะสักสองสามตำลึง สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินแท้ได้หลายเท่าตัว นี่เป็นเงินที่เซี่ยนจู่ประทานให้เถาจือด้วยอย่างนั้นหรือ ตกรางวัลมากมายเช่นนี้ หรือนี่เป็นเงินรางวัลที่เซี่ยนจู่ใช้ซื้อตัวนางให้มาโกหกใส่ความพี่ใหญ่ข้า”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.