ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 663-665 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 663-665

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 663 กำไลทอง

เฉินอิ๋งมองดูใบหน้าวาดหวังที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

รีบร้อนใช้เงินเช่นนี้ เฉินหานคิดทำสิ่งใดกันแน่

จากที่เห็น นางต้องไม่ยอมบอกความจริงเป็นแน่ ต่อให้ซักไซ้ไล่เลียงก็คงจะถามไม่ได้คำตอบอันใด

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเฉินอิ๋งก็กล่าวออกมา “บนรถม้าของข้ามีเงินสำรองเผื่อใช้ในยามฉุกเฉินอยู่จำนวนหนึ่ง คาดว่าคงมีสักประมาณร้อยกว่าตำลึง ล้วนแต่เป็นตั๋วเงินปลีกย่อยสามารถฝากถอนได้ง่ายดายพวกนั้น”

นางตัดสินใจให้เฉินหานยืมเงินนี้

เทียบกับคุณหนูสามสกุลเฉินที่เมื่อครู่เอาแต่นิ่งเงียบนั้น เฉินอิ๋งรู้สึกว่าเฉินหานที่กำลังคิดวางแผนอะไรบางอย่างผู้นี้น่าใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งกว่า

“เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว” เฉินหานดีใจออกนอกหน้าสองตาเป็นประกาย “อีกสักครู่เอาเงินมาให้ข้า ข้าต้องรีบใช้”

พอพูดจบนางก็กุมมือเฉินอิ๋งแน่น มองตาเฉินอิ๋งพูดกำชับหนักแน่น “อีกอย่างเรื่องนี้ห้ามบอกกับผู้อื่นเด็ดขาด ฟ้ารู้ดินรู้ ท่านรู้ข้ารู้ เข้าใจใช่หรือไม่”

เฉินอิ๋งพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว อีกสักครู่ข้าจะเรียกให้สาวใช้ไปเอามา เจ้าจัดการธุระเสร็จเมื่อไรค่อยไปหาข้าที่เรือนรับรอง ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า”

“เยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก” เฉินหานสองตาเรียวโค้ง ร่างทั้งร่างราวกับโปร่งแสงขึ้นมาหลายส่วน งดงามยิ่ง

เฉินหานยิ้มกล่าว มือที่เกาะกุมอยู่บนมือของเฉินอิ๋งแกว่งไกวไปมา “ขอบใจมาก พี่สาม ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องยอมช่วยข้าแน่”

แม้แต่คำเรียกขานในอดีตนางก็ยังหยิบยกขึ้นมาใช้ เรื่องนี้ทำให้เฉินอิ๋งรู้สึกไม่สบายใจ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินอิ๋งก็เอ่ยปากเตือนออกมาประโยคหนึ่ง “ข้ารู้สึกว่าหากเจ้าคิดจะระเบิดจวนโหวล่ะก็ มันคงยุ่งยากไม่ใช่น้อย”

นี่เป็นสิ่งที่เฉินอิ๋งกังวลใจที่สุด นางกลัวเฉินหานจะทำการทดลองอยู่ในจวน

และยิ่งกลัวว่าหากเฉินหานโมโหขึ้นมา นางอาจเอาผลการทดลองไปใช้กับสกุลเซี่ย

ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะระเบิดสำนักศึกษาหรือจวนโหวล้วนสามารถอ้างว่าเป็น ‘เรื่องซุกซนของพวกเด็กๆ ได้’ แต่หากระเบิดบ้านขุนนางราชสำนักนั้นย่อมกลายเป็นการกระทำความผิดที่แท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้นหากทำทางวังหลวงตื่นตระหนก ผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นเช่นไรย่อมยากจะคาดเดาได้ ด้วยเหตุนี้เฉินอิ๋งจึงอดเอ่ยปากเตือนออกมาไม่ได้

เฉินหานตะลึงงันไปกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่หลังจากนั้นนางก็หัวเราะออกมา

“อา ท่านคิดไปถึงที่ใดกัน” เฉินหานปิดปาก หลังจากยิ้มอยู่ครู่หนึ่งนางก็พูดสีหน้าเคร่งขรึม “วางใจเถอะ เงินพวกนั้นข้าไม่เอาไปใช้เช่นนั้นแน่ และยิ่งไม่เอาเงินของท่านไปใช้สูญเปล่า อีกเดี๋ยวท่านก็รู้เอง”

พอเห็นนางสีหน้าจริงจังเช่นนั้นเฉินอิ๋งก็ไม่เอ่ยปากเตือนอันใดอีก ทำเพียงอมยิ้มพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี อีกสักครู่พวกเราค่อยเจอกัน”

เฉินหานอารมณ์ดียิ่งนัก นางเดินจากไปโดยมีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มใบหน้า

“คุณหนู สวินเจินกลับมาแล้ว” ครั้นพวกเฉินอิ๋งเดินเลี้ยวออกจากประตูวงเดือน จือสือก็เดินเข้ามาพร้อมกล่าวรายงานแผ่วเบา

เฉินอิ๋งส่งเสียง “อืม” ออกมาคำหนึ่ง กลอกตามองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปทางด้านหน้า “ไปหาที่ที่ไม่มีคนแล้วค่อยว่ากันเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะจะพูดคุยกัน”

จือสือขานรับ ทุกคนต่างเดินออกจากประตูวงเดือนไป ที่ยืนตระหง่านอยู่ทางด้านหน้าห่างออกไปไม่ไกลคือภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ด้านบนมีศาลาหกเหลี่ยมสีเขียวอยู่หลังหนึ่ง เหมาะจะใช้เป็นสถานที่พูดคุยกันยิ่งนัก

“พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ” เฉินอิ๋งเอ่ยปากแผ่วเบา นางเดินนำอยู่ทางด้านหน้าก่อนจะเข้าไปนั่งอยู่ในศาลา จือสือพาสาวใช้ตัวน้อยสองคนไปสำรวจดูรอบๆ ภูเขาจำลอง ครั้นมั่นใจว่าไม่มีคน นางก็เรียกสวินเจินให้เข้าไปหาเฉินอิ๋ง ส่วนตัวนางกลับคอยเฝ้าอยู่ที่นอกศาลา

“คุณหนู ผู้น้อยกลับมาแล้ว” สวินเจินค้อมกายแสดงคารวะ ครั้นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายอยู่เล็กๆ ก็ปรากฏให้เห็นต่อสายตา

เฉินอิ๋งยิ้มน้อยๆ กล่าว “ลำบากเจ้าแล้ว ครั้งนี้คงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อยถึงได้มีเหงื่อออกเต็มไปหมด”

“หามิได้ ผู้น้อยชอบวิ่งตะลอนเจ้าค่ะ” สวินเจินยิ้ม หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับมุมหน้าผาก

นางจากไปตามคำสั่งของเฉินอิ๋ง

ดูเผินๆ เหมือนเฉินอิ๋งสั่งให้นางไปเอาของที่เรือนรับรอง แต่ความจริงแล้วเฉินอิ๋งกลับทิ้งนางไว้ให้คอยจับตาดูเซี่ยเหยียน

หลังมีปากเสียงกับเซี่ยเหยียนอยู่บนระเบียง เพราะเฉินอิ๋งกลัวอีกฝ่ายจะก่อเรื่องถึงได้ทิ้งสวินเจินไว้ ให้นางคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้ดี หากมีอันใดจะได้กลับมารายงานได้ทันการณ์

ยามนี้สวินเจินกลับมารายงานตามคำสั่ง

หลังปาดเช็ดเหงื่อเป็นที่เรียบร้อย สวินเจินก็เก็บผ้าเช็ดหน้า เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินอิ๋งพลางกระซิบกล่าว “คุณหนู ตอนคุณหนูห้าตกน้ำ ผู้น้อยอยู่ใกล้ๆ มองเห็นสถานการณ์ได้แทบทั้งหมดเจ้าค่ะ”

“อืม ข้าก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่กลับมาช้าเช่นนี้” เฉินอิ๋งพยักหน้าท่าทีสงบนิ่ง น้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อครู่ชิวสุ่ยเองก็บอกชัดว่าเรื่องนี้เซี่ยเหยียนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ สวินเจินจับตาดูอีกฝ่ายอยู่ลับๆ เห็นเฉินหยวนตกน้ำกับตา คำพูดของนางย่อมเชื่อถือได้

สวินเจินยิ้มกล่าว “คุณหนูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก อันที่จริงผู้น้อยควรกลับมานานแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้เสียเวลาจนถึงตอนนี้ถึงเพิ่งจะกลับมาได้”

เฉินอิ๋งชี้นิ้วไปยังที่นั่งใต้ขื่อ “นั่งลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

สวินเจินกล่าวขอบคุณก่อนจะเบี่ยงกายนั่งลงข้างเฉินอิ๋ง เอียงศีรษะครุ่นคิดพลางกล่าว “เช่นนั้นผู้น้อยจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นให้คุณหนูฟัง”

ร่างกายของนางเอนโน้มมาทางด้านหน้า น้ำเสียงกดต่ำลงกว่าเดิม “ตอนกลับไปถึงศาลาหลังคาฟางหญ้า ผู้น้อยเห็นคุณหนูห้าเฉินกับคุณหนูรองสกุลเซี่ยกำลังพูดคุยกัน หลังจากนั้นไม่นานพวกนางสองคนก็เข้าไปในศาลา คุณหนูรองสกุลเซี่ยจูงคุณหนูห้าเฉินไม่ปล่อยมือ มีพูดคุยมีหัวเราะคล้ายไม่มีเรื่องบาดหมางอันใด แต่หลังจากนั้นไม่นาน คุณหนูรองสกุลเซี่ยก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว อยากกลับไปพักผ่อน คุณหนูห้าเฉินเอ่ยปากพูดสองสามประโยคหลังจากนั้นก็ปล่อยนางไป ผู้น้อยสะกดรอยตามนางออกจากสวนอิ๋นซิ่ง”

“นางไปที่อื่นใช่หรือไม่ หรือไปพบเจอกับผู้อื่นอันใด” เสียงของเฉินอิ๋งฝากแฝงอยู่กับสายลมคล้ายถูกลมพัดลอยจากไป

เรื่องนี้แทบจะเห็นชัดอยู่แล้ว

เซี่ยเหยียนสองพี่น้องสนิทสนมกับหลิ่วซื่อยิ่งนัก เรื่องของหลิ่วซื่อพวกนั้นสกุลเซี่ยสองพี่น้องไหนเลยจะไม่รู้ หลิ่วซื่อเป็นคนทะเยอทะยาน หมายใจให้เฉินลี่ขึ้นมาแทนเฉินซวิน นางอยู่ในจวนกั๋วกงมานาน ย่อมเพาะบ่มเขี้ยวเล็บไว้ไม่น้อย

หลังหลิ่วซื่อแพ้พ่าย คนสนิทของนางย่อมถูกสวี่ซื่อกำจัดไปก่อนหน้าแล้วแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยากจะบอกได้ว่านางไม่มีหมากลับอันใดทิ้งไว้

เซี่ยเหยียนกล้าก่อเรื่องในจวนสกุลเฉินเช่นนี้เชื่อว่าต้องมีคนที่คอยสอดประสานอยู่ภายใน

ได้ยินเฉินอิ๋งพูดเช่นนั้นสวินเจินก็พยักหน้าเต็มกำลัง พูดออกมาติดๆ กันว่า “คุณหนูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก ฉลาดเฉลียวจริงๆ แค่เอ่ยปากก็ทายถูกหมดสิ้นแล้ว”

ขณะพูดนางก็กวาดตามองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณก่อนจะเอ่ยปากแผ่วเบาคล้ายกลัวมีคนแอบฟัง “คุณหนูรองสกุลเซี่ยผู้นั้นทำตัวลับๆ ล่อๆ เดินวกวนไปมา ไม่รู้ว่านางรู้จักลู่ทางได้เช่นไร นางเดินไปไกลมาก จนมาถึงที่ลับตาแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสตรีแต่งกายเหมือนสาวใช้นางหนึ่งรออยู่ พวกนางสองคนคล้ายรู้จักกัน พอเห็นหน้าก็เริ่มเอ่ยปากพูดคุย ผู้น้อยเพราะไม่กล้าเข้าไปใกล้จึงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆ คอยจับตาดูพวกนางอยู่หลังต้นไม้”

นางกลืนน้ำลายคล้ายนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในเวลานั้นก่อนจะเอ่ยปากกล่าวต่อ “เพราะผู้น้อยอยู่เหนือลม นางพูดอันใดผู้น้อยจึงมิอาจได้ยิน เห็นก็แต่คุณหนูรองสกุลเซี่ยจู่ๆ ก็ถอดกำไลทองออกจากข้อมือ ส่งมอบให้กับสาวใช้นางนั้น”

ดวงตาของนางเบิกกว้างเล็กน้อย บรรยายถึงกำไลข้อมือนั่น “กำไลนั่นสีทองเป็นประกาย ด้านบนมีอัญมณีฝังอยู่หลายเม็ด ดูล้ำค่ายิ่งนัก สาวใช้นางนั้นรับไว้ด้วยท่าทีปีติยินดี สวมใส่มันไว้บนข้อมือตลอด หลังจากนั้นพวกนางก็แยกย้ายกันไป”

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com