ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 675-677
บทที่ 675 ผิดในผิด
“ข้าว่าองค์หญิงใหญ่ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ เหตุใดยามนี้ถึงเพิ่งคิดจะมาตามหาพวกเรา แล้วก่อนหน้านี้นางทำอะไรอยู่” ไป๋เหล่าเฉวียนแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปาก พร้อมยกมือเกาบริเวณรอบคอเสื้อ
ทันทีที่พูดถึงองค์หญิงใหญ่ เขาก็ลืมเรื่องสูงต่ำหมดสิ้น ครั้นเการอบคอเสื้อจบเขาก็ตบหน้าขา จุปากแผ่วเบาออกมาสองครา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสาร “น่าเสียดาย นางมาช้าเกินไป หากเร็วกว่านี้สักหนึ่งหรือสองปี ฮ่องเต้สุนัขนั่นไหนเลยจะพ้นเงื้อมมือของพวกเราไปได้ ถึงตอนนั้นทันทีที่จวิ้นอ๋องน้อยปรากฏตัว แผ่นดินนี้ย่อมตกเป็นของพวกเรา”
พระชายาคังอ๋องกับเสิ่นจิ้งจือสบตากันคราหนึ่ง สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่ต่างล้วนหม่นหมอง
วาจาของไป๋เหล่าเฉวียนแม้จะหยาบกระด้าง แต่ทุกถ้อยคำล้วนถูกต้อง
หากมีเส้นสายจากทางองค์หญิงใหญ่ให้ปีนไต่ได้แต่เนิ่นๆ สถานการณ์ของพวกเขาในเพลานี้ย่อมต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
พระชายาคังอ๋องถอนหายใจออกมาเงียบๆ ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา “นี่คงเป็นประสงค์แห่งฟ้ากระมัง เรื่องนี้ใครเล่าจะไปนึกถึง ที่องค์หญิงใหญ่จู่ๆ ก็ติดต่อพวกเราเช่นนั้นคาดว่านางคงทำเพื่อบุตรีของนางเซียงซานเซี่ยนจู่ผู้นั้น ฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นทำลายวาสนาบุพเพของเซี่ยนจู่ หนำซ้ำยังทำลายผู้คนที่นางจัดวางไว้ในกองทัพอีก ด้วยเพราะโมโหนางเลยส่งคนไปซานตง แต่พวกเรากลับลอบสังหารเซี่ยนจู่…”
จู่ๆ นางก็เก็บเสียงหลับตาน้อยๆ โบกมือ น้ำเสียงกลับกลายเป็นอ่อนระโหยไร้สิ้นเรี่ยวแรง “ช่างเถอะ ทุกอย่างล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ยามนี้พูดอันใดไปก็ล้วนแต่สายเกินแก้แล้ว”
พอได้ยินเช่นนั้นเสิ่นจิ้งจือก็สีหน้านึกละอาย เขาก้มหน้าไม่พูดไม่จา ไป๋เหล่าเฉวียนกลับยกแขนสั้นๆ หนุนไว้หลังหัว เอ่ยปากตามอำเภอใจ “ข้าว่าใช้มีดแทงเขาให้ตายในคราเดียวเสียก็สิ้นเรื่อง เรื่องนี้หากไม่ใช่เพราะเขามาอ้อนวอนต่อหน้าพวกเรา ใครไหนเล่าจะยอมลงมือแทน”
เขาหัวเราะออกมาคราหนึ่งก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาตื่นเต้นกระหายเลือดส่องประกาย “พระชายา เขาทำความผิดใหญ่หลวง ไม่ว่าเช่นไรก็น่าจะลงโทษให้หนักสักครั้ง ให้เขาได้รู้จักเจ็บปวด”
เสิ่นจิ้งจือมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา นัยน์ตาเยี่ยงอสรพิษนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก
ไป๋เหล่าเฉวียนแม้จะรับรู้ได้แต่กลับมิได้นึกสนอกสนใจ สายตาจ้องมองไปก็แต่ที่พระชายาคังอ๋อง คล้ายกำลังรอคำสั่งจากนาง
พระชายาคังอ๋องสีหน้าเรียบเฉย คล้ายไม่มีความรู้สึก
พูดกันตามตรง แรกเริ่มนางก็นึกตำหนิคนผู้นั้นเช่นกัน
ทว่าครั้นคิดดูอีกที หากไม่มีเหตุลอบสังหารที่เขาเสี่ยวสิง พวกนางกับจวนองค์หญิงใหญ่ไม่แน่ว่าอาจผูกอยู่ด้วยกันนานแล้ว เมื่อองค์หญิงใหญ่พังทลาย พวกนางก็คงไม่แคล้วถูกฝังร่วมไปด้วย
หากพิจารณาจากผลลัพธ์ คนผู้นั้นเท่ากับช่วยพวกนางไว้กลายๆ
พระชายาคังอ๋องหลับตาลงน้อยๆ เสียงทอดถอนใจนับไม่ถ้วนกลับกลายเป็นความเงียบงัน
ใครเล่าจะนึกถึงว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเมื่อหลายปีก่อนนั้นจะบังเอิญลากเอาเซี่ยนจู่มาเข้าร่วมด้วย หลังจากนั้นอีกหลายปี ความผิดพลาดเล็กๆ เพียงหนึ่งเดียวนี้กลับผลักดันเรื่องราวสถานการณ์ให้ยากเกินคาดเดา
ที่เรียกว่าสวรรค์กลั่นแกล้งคนนั้นไม่แคล้วคงเป็นเช่นนี้
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เสิ่นจิ้งจือก็ค้อมกายเอ่ย “เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของผู้น้อย หากพระชายาต้องการลงโทษ ก็ขอได้โปรดลงโทษผู้น้อยเถิด”
พระชายาคังอ๋องลืมตามองดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง นางสะบัดแขนเสื้อเอ่ยปากน้ำเสียงเฉื่อยเนือย “เมื่อครู่ข้าก็บอกแล้ว เรื่องนี้จบสิ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก”
น้ำเสียงแม้จะเย็นชา ทว่าท่าทีกลับประจักษ์ชัดถึงเจตนาของผู้พูด
นางมิได้คิดจะลงโทษผู้ใด ต่อให้เสิ่นจิ้งจือเป็นตัวต้นเหตุ แต่นางก็ไม่คิดฟื้นฝอยหาตะเข็บ
เสิ่นจิ้งจือหัวคิ้วกระตุก ใบหน้าเย็นชาอึมครึมปรากฏอารมณ์ความรู้สึกเล็กๆ ยากจะสังเกตเห็น
เขาก้มหน้าลงช้าๆ ประสานมือกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้น้อยก็ยังมีเรื่องต้องรายงาน ไม่ทราบว่าพระชายามีอารมณ์รับฟังหรือไม่”
“เชิญแม่ทัพเสิ่นว่ามา” พระชายาคังอ๋องมือข้างหนึ่งค้ำยันอยู่บนโต๊ะ จ้องมองดูเขาเขม็ง
เสิ่นจิ้งจือหยิบเอาซองจดหมายหนาๆ ออกมาจากแขนเสื้อ ลุกเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าพระชายาคังอ๋อง ก่อนจะยื่นส่งมันด้วยสองมือ “พระชายา นี่เป็นเงินภาษีของปีนี้จากทางซานตง รายการกับสมุดบัญชีล้วนอยู่ที่นี่แล้ว เชิญพระชายาตรวจสอบ”
พอพูดจบเขาก็วางมันลงบนโต๊ะแผ่วเบา ก่อนจะหันกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่วงทีแคล่วคล่อง
ไป๋เหล่าเฉวียนที่อยู่อีกด้านดวงตาสามเหลี่ยมคว่ำเบิกกว้าง จ้องมองดูซองจดหมายดังกล่าวเขม็ง สายตาละโมบโลภมากยากจะปิดบัง
พระชายาคังอ๋องกลับคล้ายมองไม่เห็น นางหยิบเอาซองจดหมายนั้นขึ้นมาด้วยท่วงท่างามสง่า ฉีกมันออกพลางยิ้ม “ลำบากแม่ทัพเสิ่นแล้ว ทุกปีต้องให้ท่านเป็นธุระให้” นางหยุดการเคลื่อนไหว ยกซองจดหมายขึ้นแนบอกทอดถอนใจ “เงินภาษีของชาวบ้านคือรากฐานสำคัญในการฟื้นฟูของพวกเรา ยามนี้ข้าได้แต่หลบซ่อนตัวนับว่าทำผิดต่อชาวประชาทั่วหล้าโดยแท้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
แค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค แต่กลับทำให้เสิ่นจิ้งจือประทับใจอย่างยิ่งยวด ถึงจะไม่กล้าจ้องมองนางตรงๆ ทว่าสองมือที่วางอยู่บนเข่ากลับกุมเข้าหากันแน่น สีหน้ากลับกลายเป็นฮึกเหิม
ไป๋เหล่าเฉวียนมองพวกเขาสองคนคราหนึ่งก่อนจะก้มหน้าเบ้ปาก
วาจาเหลวไหลเหล่านี้เกรงว่าแม้แต่ภูตผีก็ยังไม่เชื่อ น่าขันที่เสิ่นจิ้งจือกลับเห็นเป็นจริง
ที่น่าขันยิ่งไปกว่านั้นคือเห็นอยู่ชัดๆ ว่าแม้แต่พระชายาคังอ๋องก็ยังไม่เชื่อ แต่กลับใช้มันหลอกล่อผู้อื่น
ไม่รู้ว่าสองคนนี้ใครเสียสติกว่าใคร
ไป๋เหล่าเฉวียนลอบยิ้มหยัน
ยามนี้พระชายาคังอ๋องกวาดตามองรายการและสมุดบัญชีคร่าวๆ เป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นปรากฏอยู่ทางด้านบนนั้นหม่นหมองลงหลายส่วน “เงินภาษีของปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วอยู่มากโข”
น้ำเสียงของนางแผ่วเบา นิ้วมือที่จับอยู่บนกระดาษซีดขาว
“เพราะผู้น้อยไร้ความสามารถ” เสิ่นจิ้งจือรีบลุกขึ้นเอ่ยปากตำหนิตนเอง
ไป๋เหล่าเฉวียนมองดูอีกฝ่ายพร้อมเบ้ปาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกระโดดลงจากเก้าอี้เตี้ยยืนประสานมือมิได้พูดอันใด
เขาไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตนเอง
เขาทำเพียงฆ่าคนแลกเงิน เรื่องอื่นอันใดเขาหาสนใจไม่
พระชายาคังอ๋องนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น ฝืนยิ้มกล่าว “ท่านทั้งสองเชิญนั่งลงเถิด เรื่องนี้มิได้เกี่ยวกับพวกท่าน ทั้งหมดล้วนเพราะข้าบัญชาการไม่ดีเอง ท่านแม่ทัพทั้งสองไหนเลยจะมีความผิดอันใดได้”
ครั้นพูดถึงตรงนี้พระชายาคังอ๋องก็พึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็กลับกลายเป็นหนักแน่นมั่นคง นางหยิบเอาตั๋วเงินบนโต๊ะขึ้นมา แบ่งมันออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน ผลักสองส่วนขึ้นหน้า กล่าววาจาเสียงขรึม “นี่เป็นเงินเดือนประจำปีของพวกท่านสองคน แม้จะน้อยไปหน่อย แต่ก็เป็นน้ำใจของพวกชาวบ้าน ขอพวกท่านอย่าได้ปฏิเสธ”
เสิ่นจิ้งจือตกใจก่อนจะกลับกลายเป็นประทับใจ ประสานมือเอ่ยเสียงสั่น “พระชายาวางแผนอยู่ในกระโจม ทุ่มเทแรงกายแรงใจ พวกผู้น้อยมิได้สร้างความดีความชอบอันใด ไหนเลยจะกล้ารับเงินเหล่านี้”
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกจากปากของเสิ่นจิ้งจือ มือของไป๋เหล่าเฉวียนที่เหยียดยื่นออกไปกว่าครึ่งก็มีอันต้องชักกลับ ถึงในใจของเขาจะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกอันใดชัดแจ้ง ได้แต่ชำเลืองมองไปทางเสิ่นจิ้งจือ
อันที่จริงเขากลัวชายนัยน์ตาเยี่ยงอสรพิษผู้นี้อยู่เล็กๆ
นอกจากครอบครัวพระชายาคังอ๋องที่เสิ่นจิ้งจือเคารพแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่เคยเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา หากว่ากันถึงเรื่องความโหดเหี้ยมแล้ว ไป๋เหล่าเฉวียนย่อมไม่ด้อยกว่าสักเท่าใดนัก แต่หากว่ากันด้วยเรื่องเจ้าเล่ห์เพทุบายล่ะก็ ไป๋เหล่าเฉวียนไหนเลยจะเทียบเคียงได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดจะล่วงเกินอีกฝ่ายง่ายๆ
ครั้นพระชายาคังอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็สองตาเปียกชื้นวับวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที น้ำเสียงคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ “ท่านแม่ทัพทั้งสองเปี่ยมด้วยคุณธรรม ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก อดีตอ๋องอำลาโลกนี้ไปนานแล้ว หากมิใช่มีท่านแม่ทัพทั้งสองคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ลำพังข้าผู้เดียวไหนเลยจะดำเนินการทั้งหมดได้”
ขอบตานางแดงระเรื่อ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ทว่าสายตากลับหนักแน่นมั่นคง จ้องมองคนทั้งสองพลางกล่าว “ทว่าข้าตัดสินใจแล้ว แม่ทัพทั้งสองหากไม่รับ วันหน้าข้าไหนเลยยังจะมีเหตุผลอันใดเรียกใช้พวกท่านได้อีก ไม่ว่าเช่นไรก็ขอให้ท่านทั้งสองช่วยข้าด้วย”
พอพูดจบนางก็ลุกขึ้น งอเข่าย่อกายแสดงคารวะ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัว เสิ่นจิ้งจือตะลึงไปชั่วอึดใจ มือยื่นออกหมายพยุงแต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง พระชายาคังอ๋องหมอบคุกเข่าเป็นที่เรียบร้อย เอ่ยปากสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ทัพทั้งสองเป็นเหมือนแขนของข้า วันหน้าหากได้ขึ้นครองราชย์ พวกท่านทั้งสองย่อมต้องเป็นกระดูกแขนของราชสำนัก เป็นขื่อคานของแผ่นดิน ขอท่านทั้งสองอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย”