ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 675-677 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 675-677

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 677 ไม่มีผู้ใดเชื่อถือไว้วางใจได้

พระชายาคังอ๋องปิดประตูห้องก่อนจะกลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง นางยื่นมือลูบใบหน้า

ทันใดนั้นรอยแผลเป็นนั่นก็จางหาย ที่ปรากฏอยู่ใต้เทียนสีแดงคือใบหน้างดงามราวกับภาพวาด ผิวพรรณชุ่มชื้นขาวสล้าง แม้แต่สายตาเยี่ยงผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ครั้นส่องสะท้อนอยู่กับแสงเทียนก็ล้วนกลับกลายเป็นนุ่มนวล

“แม่ทัพเสิ่น ท่านคิดว่าเขา…คนผู้นั้น…ยามนี้ยังเชื่อถือได้หรือไม่” นางมองดูเสิ่นจิ้งจือ ดวงตางดงามวับวาวเป็นประกาย

‘เขา’ ที่นางพูดถึงในยามนี้คือผู้ใด พวกเขาสองคนล้วนรู้ดีแก่ใจ

เสิ่นจิ้งจือก้มหน้า ไหนเลยจะกล้าสบตากับอีกฝ่าย เขาตอบเสียงขรึมว่า “พระชายาได้โปรดวางใจ คนผู้นี้ขี้ขลาดตาขาว ขอเพียงขู่เขาสักเล็กน้อย เขาไหนเลยจะกล้าทำอันใด ผู้น้อยวันนี้ได้ขู่เขาไปแล้ว เชื่อว่าอย่างน้อยช่วงนี้เขาย่อมทำตัวว่านอนสอนง่าย”

ริมฝีปากของเขายกยิ้ม ความรู้สึกเย้ยหยันปรากฏอยู่บนใบหน้าอึมครึมเย็นชานั้น “นับแต่รับพระชายาไว้ เขาก็นั่งอยู่บนเรือลำเดียวกับพวกเราแล้ว ยามนี้หากคิดจะไป ไหนเลยจะง่ายดายเยี่ยงนั้น หากพ้นจากเรือไป เขาย่อมไม่แคล้วต้องเผชิญหน้ากับพายุฝนฟ้าคะนอง เช่นนี้แล้วเขายังจะไปที่ใดได้อีก”

พระชายาคังอ๋องแม้จะเข้าใจถึงเหตุผลนี้ดี แต่สีหน้าวิตกกังวลก็ยังคงไม่ลดน้อยถอยลง นางขมวดคิ้ว “ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ข้าก็ยังคงมิอาจวางใจ ท่านเองก็รู้ พวกหลี่เอ๋อร์ล้วนมีเขาคอยดูแลจัดการ เดิมข้าก็ยังพอวางใจอยู่ แต่หลังเกิดคดีองค์หญิงใหญ่ ข้าก็ตกใจจนไม่กล้าโผล่หน้าออกไปที่ใด หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเกรงว่าจะหวังพึ่งพาเขามิได้”

ยิ่งพูดหว่างคิ้วของนางก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่น ความรู้สึกวิตกกังวลปรากฏชัดอยู่ในคำพูด

เสิ่นจิ้งจือพอได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาถามเสียงแผ่ว “ในเมื่อพระชายากล่าวเช่นนี้ ผู้น้อยก็ใคร่ขอถาม พวกจวิ้นอ๋องน้อยยามนี้อยู่ที่ใด”

เรื่องนี้พระชายาคังอ๋องพูดถึงน้อยมาก โอกาสที่พวกเขาจะได้พบหน้ากันเดิมหรือก็น้อยยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้หลายปีมานี้จวิ้นอ๋องน้อยกับจวิ้นจู่น้อยอยู่ที่ใด เขากับไป๋เหล่าเฉวียนจึงต่างไม่รู้

พระชายาคังอ๋องจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก่อนจะหลุบตาลงน้อยๆ ขนตายาวๆ สะท้านไหวคล้ายนึกลังเล

ก่อนหน้านี้…อันที่จริงมิสู้บอกว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน นางยังคงวางใจคนผู้นั้น เหตุผลที่วางใจก็ด้วยเพราะคนผู้นั้นขี้ขลาด

สิบกว่าปีมานี้เพราะเขาขี้ขลาด พวกนางถึงมีชีวิตสงบสุขมาถึงยามนี้

ทว่าเมื่อครู่ตอนเห็นภาษีจากซานตง ผนวกกับสภาพของจวนองค์หญิงใหญ่กับจวนซิงจี้ป๋อหลังคิดก่อการกบฏ จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่สบายใจ

ความรู้สึกไม่สบายใจนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ครั้นเกิดขึ้นแล้วมันก็หยั่งรากฝังลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ ความรู้สึกสงสัย กระวนกระวาย วิตกกังวลทยอยเกิดขึ้นไม่หยุด ไม่ต่างอันใดกับเถาวัลย์ยามวสันต์ เลื้อยลามไปทั่วทุกแห่งหนมิอาจควบคุม

หากว่ากันโดยละเอียด ความรู้สึกไม่ไว้วางใจของนางนี้ก็มาจากเหตุผลเดียวกันคือความขี้ขลาดของคนผู้นั้น

หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใด ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวของคนผู้นั้น เพื่อปกป้องตนเอง ไม่แน่ว่าเขาอาจใช้ชีวิตของพวกนางเป็นเดิมพัน วางแผนเอาตัวรอด

และเดิมพันที่สำคัญที่สุดนอกจากบุตรและธิดาของนางแล้ว ยังจะมีอื่นใดอีก

ยามนั้นคนผู้นั้นทุ่มเทอย่างสุดกำลังส่งบุตรธิดาของนางออกไปข้างนอก ที่แท้แล้วเพื่อปกป้องหรือหมายยึดเดิมพันไว้ในอุ้งมือก่อนล่วงหน้ากันแน่

เมื่อคิดถึงจุดนี้พระชายาคังอ๋องก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ จิตใจสับสนวุ่นวายถึงขีดสุด

ที่แท้เขาก็ไม่ไว้วางใจนาง เช่นเดียวกับที่นางไม่ไว้วางใจเขา

อันที่จริงไม่ว่าจะเสิ่นจิ้งจือหรือไป๋เหล่าเฉวียน ทุกคนนางล้วนไม่ไว้วางใจ

แต่ว่าทอดสายตามองไปทั่วทั้งแผ่นดินต้าฉู่ คนที่อยู่ข้างกายนางยามนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงคนที่นางสามารถไว้วางใจได้ แค่คนที่พอพูดคุยด้วยได้ก็หามีสักกี่คนไม่

ทันใดนั้นความรู้สึกเศร้ารันทดขมขื่นก็เอ่อท้นขึ้นในใจนาง ปลายจมูกของนางฟุดฟิด ขอบตาแดงระเรื่อขึ้นมาอีกคราว

ทว่านางรู้ว่านางไม่อาจลังเลได้นานนัก จำเป็นต้องตัดสินใจทันที

นางรู้สึกสังหรณ์ใจว่าหากยามนี้ยังไม่ตัดสินใจ นางต้องนึกเสียใจแน่

พระชายาคังอ๋องตัดสินใจแน่วแน่ นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ สองตาที่มองไปทางเสิ่นจิ้งจือวับวาวเป็นประกายคล้ายเอ่อท้นไปด้วยน้ำตา คล้ายอยากพูดแต่กลับหยุดไว้เท่านั้น

เสิ่นจิ้งจือมองดูนางปราดหนึ่ง ในใจเต้นระส่ำ เขารีบก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าพูดอันใด

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงถอนหายใจยาวๆ เชื่องช้าก็ดังลอยเข้าหู

“เอาล่ะ จนถึงยามนี้คนที่ข้าพอหวังพึ่งได้ก็คงมีแต่ท่านแล้ว ทั่วหล้านี้คนที่ยินดีช่วยข้าด้วยใจแท้จริงคงมีเพียงแม่ทัพเสิ่นผู้เดียวเท่านั้น” เส้นเสียงอ่อนโยนฝากแฝงไว้ซึ่งน้ำเสียงโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง คล้ายขนนกที่ถูกทิ้งไว้กลางสายลม อ่อนนุ่มแผ่วเบา หล่นร่วงลงกลางใจ

เสิ่นจิ้งจือเนื้อตัวหนาวสะท้าน รู้สึกมือเท้าหัวใจชาสิ้น เขารู้ว่าพระชายาคังอ๋องงดงาม แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าสตรีที่ปกติกระทำการใดล้วนตรงไปตรงมา ยามอ่อนโยนจะงดงามเปี่ยมเสน่ห์ชวนหวั่นไหวเยี่ยงนี้

มิน่าคนผู้นั้นถึงได้หลงใหลหัวปักหัวปำเช่นนี้ ที่แท้…

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปรามตนเองมิให้คิดต่อ

ที่พวกเขายามนี้ยังสามารถประคองตัวรักษาชีวิตรอดได้นั่นก็ด้วยเพราะพระชายาสละตนเองอยู่เบื้องหน้า ส่วนแม่ทัพใหญ่อย่างพวกเขาแทนที่จะละอายใจที่ตนเองไร้ความสามารถกลับตำหนิสตรีที่ไร้ที่พึ่งพิง นี่หาใช่การกระทำของผู้กล้าไม่

เขานึกละอายใจ ขยับอาภรณ์ลุกขึ้นยืน คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น “ขอเพียงพระชายามีคำสั่ง ผู้น้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟ แม้ตายก็ไม่ปฏิเสธ”

พระชายาคังอ๋องสายตาปลาบปลื้ม ดวงตาวับวาวเป็นประกายคล้ายธารวสันต์เขียวขจี ธารสารทใสกระจ่าง งดงามยากเกินบรรยาย “ยามนี้ข้าคงต้องฝากพวกหลี่เอ๋อร์ไว้กับแม่ทัพเสิ่นแล้ว”

ขณะกำลังพูดนางก็ก้าวเท้าขึ้นหน้าช้าๆ พยุงเสิ่นจิ้งจือให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง

บางทีอาจเพราะตื่นเต้นเกินไป ตอนพยุงเขาปลายนิ้วของนางถึงได้สั่นสะท้านอยู่น้อยๆ ทันทีที่แตะถูกแขนทั้งสองข้างของเสิ่นจิ้งจือ แขนของเขาก็ราวกับลุกติดไฟก่อนจะลามไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว

เขาไม่วายกลืนน้ำลาย ลำคอแห้งผาก มือเท้าชาด้านเป็นเท่าทวี

เสิ่นจิ้งจือจิตใจหวั่นไหว เหม่อลอยไม่เป็นตัวของตนเอง ครั้นตั้งสติได้ สตรีรูปโฉมงดงามไม่มีผู้ใดเทียบเทียมนางนั้นก็จากไปก่อนแล้ว ยามนี้กำลังนั่งตัวตรงอยู่ข้างโต๊ะ มือเรียวนั้นกำลังจับพู่กันสะบัดน้ำหมึกเขียนอะไรบางอย่าง

ภายใต้แสงเทียนสีแดง ที่ปรากฏอยู่บนผนังสีขาวราวกับหิมะคือเงาด้านข้างงดงาม สายตาของโฉมสะคราญผู้นั้นกำลังจับจ้องอยู่ที่กระดาษกับปลายพู่กัน สีหน้าสงบนิ่งใบหน้างามสง่า ทั้งหมดทั้งมวลล้วนจับตายิ่งนัก

ทันใดนั้นเสิ่นจิ้งจือก็นึกดูแคลนตนเอง สองตาหม่นหมอง เขาก้มหน้าลงอีกครั้ง

“ข้าได้เขียนบอกสถานที่ที่พวกหลี่เอ๋อร์ไปพำนักอยู่ในยามนี้แล้ว รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ยังมีจดหมายที่ข้าเขียนถึงหลี่เอ๋อร์อีกฉบับ ในจดหมายมีรหัสลับที่ข้าตกลงกับเขาไว้ก่อนหน้า เมื่อเห็นมันเขาก็จะรู้จริงเท็จได้ทันที ถึงตอนนั้นเขาย่อมยินดีตามท่านไป” นางเขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางพู่กันลง ริมฝีปากแดงระเรื่อเป่ารอยน้ำหมึกบนกระดาษ

เสิ่นจิ้งจือก้มหน้ามาโดยตลอด แต่ด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้ไม่มอง แค่ฟังเสียงลมเขาก็นึกคิดถึงท่าทางของนางในยามนี้ได้

การนึกคิดเองเช่นนี้ชวนให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้ยิ่งกว่าเห็นด้วยตาเสียอีก หากมิใช่เพราะจิตใจที่แน่วแน่กว่าคนธรรมดาทั่วไป ทำให้สามารถยืนหยัดรักษาจรรยาบรรณนายบ่าวไว้ได้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองจะทำอะไรลงไปบ้าง

พระชายาคังอ๋องสายตาจับจ้องอยู่บนกระดาษเขียนจดหมาย คล้ายใจจดใจจ่อ ทว่าหางตากลับหยุดอยู่บนตัวเสิ่นจิ้งจือ พอเห็นสภาพเช่นนั้นของอีกฝ่าย นางก็มั่นใจว่าความรู้สึกของนางนั้นไม่ผิดจริงๆ

นางรู้ ยิ่งเป็นคนที่ท่วงท่าภูมิฐาน ตัณหาราคะในกระดูกก็ยิ่งมาก

บุรุษบนโลกนี้แต่ละคนล้วนยากผ่านด่านโฉมสะคราญ

นางลอบส่ายหน้ายิ้มหยัน ทว่าใบหน้ากลับเรียบเฉย นางวางจดหมายลงอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจัง

ก็เหมือนอย่างที่ว่ามากไปน้อยไปล้วนไม่ดี เวลานี้นางก็แค่หยั่งเชิงเท่านั้น ในเมื่อเสิ่นจิ้งจือมีใจ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็เท่ากับสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งคงได้แต่ต้องดูประสงค์แห่งฟ้าแล้ว

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 มิ.. 66 เวลา 12.00 .

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com