ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 678-680 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 678-680

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 678 นัดหมายยามสายัณห์

“แม่ทัพเสิ่น การเดินทางในครั้งนี้อันตรายยิ่งนัก ข้าเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ข้าเขียนนี้จะช่วยให้ท่านหาพวกหลี่เอ๋อร์พบหรือไม่” พระชายาคังอ๋องพับจดหมาย สายตาแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกกระวนกระวาย “ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้รับจดหมายจากหลี่เอ๋อร์คือตอนเทศกาลจงชิวเดือนแปดปีนี้ หากคนผู้นั้นคิดอ่านเป็นอื่น ท่านไปในตอนนี้เกรงว่าอาจคว้าน้ำเหลว”

น้ำเสียงของนางแผ่วเบายิ่ง ดวงตาแม้จะฉายแววกลัดกลุ้ม แต่ถึงกระนั้นนางก็พยายามปลุกเร้าตนเอง เอ่ยปากใบหน้าสุขุม “พวกเราตกลงนัดหมายกันที่สองเดือน ไม่ว่าท่านแม่ทัพจะหาหลี่เอ๋อร์พบหรือไม่ ถึงวันนั้นข้าก็จะไปรอท่านยังที่นัดหมาย”

เสิ่นจิ้งจือตะลึงงัน ก่อนจะพรวดพราดเงยหน้ามองดูนาง “พระชายาตั้งใจจะไปจากเมืองหลวง?”

“ใช่แล้ว” พระชายาคังอ๋องสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะอยู่นาน ชักช้าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้น”

เสิ่นจิ้งจือสองตาหรี่เล็กลง กลิ่นอายบนร่างพลันเย็นยะเยือก “หรือว่าพระชายารับรู้เรื่องอันใดมา”

“ก็หามีอันใดไม่ ข้าแค่มีลางสังหรณ์เท่านั้น” พระชายาคังอ๋องยิ้มพราย เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ปรากฏอยู่ในดวงตา ตรงกันข้ามกลับเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวลชัดแจ้ง “แต่ไหนแต่ไรลางสังหรณ์ข้าก็ไม่เคยพลาด ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นยามนี้ก็อกสั่นขวัญแขวนแล้ว หากยังอยู่ต่อ ดีไม่ดีอาจเป็นภาระให้กับเขา มิสู้ตัดสินใจเด็ดขาดเลยจะดีกว่า”

สีหน้าของเสิ่นจิ้งจือกลับกลายเป็นเคร่งขรึม แต่ถึงกระนั้นเขาก็มิได้พูดอันใด

เขายินดีสนับสนุนการตัดสินใจของนาง ในเมื่อคนผู้นั้นมีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงสังหารทิ้งเท่านั้น จะได้ไม่เป็นภัยในภายภาคหน้า

เพียงแต่เรื่องนี้ยังต้องวางแผนให้ดี คนผู้นั้นมีองครักษ์ข้างกายไม่ใช่น้อย หนำซ้ำมีอยู่หลายคนที่ฝีมือไม่เลว

“ทางแม่ทัพไป๋ยังมีกำลังคนอยู่ น่าจะเพียงพอสำหรับจัดการเรื่องนี้” พระชายาคังอ๋องคล้ายเข้าใจความคิดอ่านของเขาได้แต่เนิ่นๆ น้ำเสียงของนางเฉยชา “ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็ไม่คิดจะฆ่าล้างตระกูลพวกเขา แค่จัดการตัดสิ่งที่ควรตัดเท่านั้น เรื่องนี้หาได้ยุ่งยากไม่”

เสิ่นจิ้งจือพึ่งตระหนักขึ้นได้ พระชายาคังอ๋องก็คิดลงมือแล้ว

ไม่แน่ว่าอาจเป็นแผนโฉมสะคราญ

“พระชายาปราดเปรื่องยิ่งนัก” น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งราบเรียบ ไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกเช่นไร

“วันเวลาและสถานที่นัดหมายรวมถึงเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ข้าล้วนเขียนไว้ในจดหมายชัดแจ้งแล้ว ท่านแม่ทัพกลับไปอ่านดูก็จะรู้เอง” พระชายาคังอ๋องกล่าวขึ้นมาอีก นิ้วมือแตะกระดาษเขียนจดหมายเบาๆ สีหน้าฝากแฝงไว้ซึ่งความหมายลึกล้ำ “เรื่องนี้มีแต่ท่านกับข้าเท่านั้นที่รู้ จะให้บุคคลที่สามล่วงรู้มิได้เป็นอันขาด”

“ผู้น้อยรับทราบ” เสิ่นจิ้งจือตอบรับ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดเสริม “ผู้น้อยจะทิ้งคนเอาไว้สองสามคน หากพระชายามีความจำเป็นอันใด แค่ทำตามที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ทิ้งเครื่องหมายไว้เท่านั้นก็ได้แล้ว”

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ” พระชายาคังอ๋องพยักหน้า มอบจดหมายให้กับเขา ก่อนจะหยิบเอาแผลปลอมบนโต๊ะนั่นขึ้นชำเลืองมองพลางยิ้ม “ข้ายังมีเรื่องต้องรบกวนท่านแม่ทัพอีกเรื่อง แผลปลอมนี้เกรงว่าคงต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว อันเก่าจวนเจียนติดไม่อยู่เต็มที”

รอยยิ้มของอีกฝ่ายทำเสิ่นจิ้งจือใจเต้นระส่ำ เขาพยายามสงบจิตสงบใจอย่างสุดกำลัง เอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “คืนนี้ผู้น้อยจะรีบไปจัดการให้”

“รบกวนท่านแม่ทัพแล้ว” พระชายาคังอ๋องพยักหน้าขอบคุณก่อนจะกล่าววาจาอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง “พอได้แผลเป็นปลอมมา ท่านแม่ทัพก็วางมันไว้ที่เดิมเหมือนเช่นเคยเถิด ข้าจะหาเวลาไปเอาเอง ท่านแม่ทัพเองก็รีบเดินทางเถอะ ทุกอย่างจะได้เป็นไปตามนัดหมายของพวกเรา”

เสิ่นจิ้งจือขานรับ อารมณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้นภายในใจ คล้ายปลาบปลื้มยินดี คล้ายผิดหวังห่อเหี่ยว และคล้ายเฝ้ารออะไรบางอย่าง

ความรู้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นไรและจะไปที่ใด เขาไม่ปรารถนาจะนึกและไม่กล้าคิด

ครั้นผลักประตูออกจากห้อง เขาก็พบว่านอกระเบียงทางเดินยามนี้หิมะโปรยละออง ลมทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพัดมา ลมหนาวแทรกผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ อากาศสดใสชุ่มชื้น

เสิ่นจิ้งจือหันหน้ามองกลับมาช้าๆ

เรือนฝั่งตะวันตกเงียบสงัด ไม่ปรากฏแสงเทียนอันใด ไร้ซึ่งรอยยิ้มเสียงหัวเราะของอิสตรี มีเพียงหิมะถาโถมหล่นร่วงลงมาไม่หยุด

อารมณ์ความรู้สึกไม่ชัดแจ้งเล็กๆ ปรากฏอยู่ภายในดวงตาเยี่ยงอสรพิษเย็นเยียบของเขา

เสิ่นจิ้งจือกระชับเสื้อคลุม ผลักประตูไม้เปิดก่อนจะเดินหายเข้าไปท่ามกลางทุ่งหิมะเวิ้งว้าง…

 

หลังหิมะโถมถาผ่านพ้น เมืองเซิ่งจิงก็มิหนาวเหมือนก่อนหน้านี้อีก ตรงกันข้ามกลับเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ฝนน้อยแดดมาก แสงอาทิตย์เจิดจ้า เป็นฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดซึ่งหาได้ยากยิ่ง

ฤดูกาลเช่นนี้ชาวบ้านยากจนทั้งหลายย่อมเป็นคนกลุ่มแรกที่นึกยินดี เพราะสามารถประหยัดถ่านฟืนได้ ต่อให้กินไม่อิ่มก็ไม่ต้องทนลำบากทั้งหนาวทั้งหิวโหย เสื้อผ้าอาจบางไปสักหน่อย ผ้าห่มผ้านวมเก่าไปสักนิดก็ไม่เป็นไร แค่อดทนอีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปเอง

ส่วนบรรดาชนชั้นสูง จะหนาวจะอุ่นสำหรับพวกเขาแล้วล้วนหาเป็นไรไม่ หนาวก็มีความสนุกสนานของมัน อุ่นก็มีข้อดีเช่นกัน อย่างเช่นเหมยวสันต์ที่ยามนี้ผลิดอกเบ่งบาน ต้นไม้ใบหญ้าบางชนิดก็ชิงกันกระจายกลีบเกสร เพียงชื่นชมดูก็สุขใจได้เช่นกัน

บางทีอาจด้วยเพราะความคึกคักของฤดูหนาวที่ไม่หนาวสักเท่าใดนี้ ตอนปลายปีดอกไม้รับวสันต์ในเมืองหลวงจึงเบ่งบานกันค่อนข้างมาก แต้มสีเหลืองอ่อนตกแต่งอยู่ทางด้านล่างของกำแพงวัง ในอุทยานหลวง ราวกับฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วก็ไม่ปาน

ฮ่องเต้หยวนจยาเบิกบานพระทัยยิ่ง งานเลี้ยงปลายปีทรงเปลี่ยนไปจัดที่เรือนอุ่นทิศตะวันออก สถานที่แห่งนั้นบุปผารับวสันต์เบ่งบานงดงามเป็นที่สุด ทั้งยังใช้ตี้หลง ฮ่องเต้ขุนนางบอกลาสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ดื่มสุราชมบุปผา ปีใหม่มิได้ผ่านพ้นไปอย่างเงียบเหงา

มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ฮ่องเต้หยวนจยารู้สึกร้อนพระทัยอยู่เล็กๆ นั่นก็คืออู๋ไท่เฟยประชวร

เดิมเป็นการส่งท้ายปลายปี พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลายต้องอยู่เฝ้าปีตามธรรมเนียม* ต้อนรับปีใหม่ไม่ต่างอันใดกับชาวบ้านร้านตลาด

เพียงแต่ปีนี้ช่วงสิ้นปีเซียวไทเฮาปิดประตูกักตน ในเมื่อนี่เป็นความปรารถนาของพระองค์ แล้วผู้ใดไหนเล่าจะกล้าขัด ส่วนอู๋ไท่เฟยเองก็ประชวร นอนพักรักษาตัวอยู่ในตำหนักฉางสี่ มิได้ออกมาร่วมงานเลี้ยง นับเป็นเรื่องที่น่าเสียใจยิ่ง

แม้จะย่างเข้าเดือนหนึ่งแล้วแต่อาการประชวรของอู๋ไท่เฟยก็มิได้ดีขึ้น อาการป่วยเกาะกุมรุมเร้าอยู่ไม่ขาด หลังสิบวันผ่านไปพระองค์ก็ประชวรจนแทบลุกไม่ขึ้น

ฮ่องเต้หยวนจยาร้อนพระทัยยิ่ง สั่งให้หมอหลวงรักษาอย่างสุดกำลัง ทว่าไม่ว่าจะถวายโอสถวิเศษสักเพียงใดก็แทบจะไม่เห็นผลอันใด ฮ่องเต้หยวนจยายิ่งร้อนพระทัย ทุกครั้งที่ออกว่าราชกิจพระองค์ก็มักใจลอยอยู่เป็นประจำ ครั้นเลิกราชกิจพระองค์ก็ทรงวิ่งตรงกลับมา พระทัยล้วนอยู่บนตัวอู๋ไท่เฟย เรื่องอื่นอันใดล้วนไม่ทรงใส่ใจ

ทว่าเรื่องราวภายในวังเหล่านี้ชาวบ้านร้านตลาดกลับไม่รับรู้

กว่าจะพบกับฤดูหนาวอบอุ่นก็ไม่ใช่ง่าย แผ่นดินหรือก็สงบสุขรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้วันที่สิบห้าเดือนหนึ่งงานเทศกาลโคมไฟจึงคึกคักครึกครื้นกว่าปีที่แล้ว

คืนวันงานเทศกาลโคมไฟ ฟ้ายังไม่ทันมืดสนิท เมืองเซิ่งจิงก็เต็มไปด้วยโคมไฟหลากสี สายรัดเอวผ้าดิ้นไหวสะบัด พระจันทร์สุกสว่างเหนือท้องนภาสาดแสงสดใสสะอาดสะอ้าน อากาศหรือก็อุ่นสบาย นับเป็นวันเวลาดีๆ ที่ตลอดหลายสิบปีมานี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ชาวบ้านร้านตลาดในเมืองต่างพากันออกมาเดินเล่นอยู่ข้างนอก ทั่วท้องถนนมีก็แต่ผู้คน

เพราะเฉลิมฉลองเทศกาล ดังนั้นเมืองหลวงจึงไม่มีการห้ามออกจากเคหสถานในยามค่ำคืน ประตูเมืองทั้งสี่ด้านเปิดกว้าง ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ แต่งกายกันอย่างเต็มที่ เดินทางเข้าเมืองมาดูพลุชมโคมไฟ ขณะเดียวกันก็มีพวกลูกผู้ลากมากดีควบม้าออกจากเมืองไปหาทัศนียภาพงดงามแปลกตาสูงๆ จัดวางสุราอาหารแหงนหน้าชมจันทร์กระจ่างก้มหน้ามองโคมไฟดุจทางช้างเผือกเป็นที่สนุกสนาน

แน่นอนว่าช่วงเวลาเช่นนี้ย่อมไม่อาจขาดบุรุษสตรีที่ต่างมีใจให้แก่กัน จันทร์เหนือกิ่งหลิว คนนัดหมายกันหลังสายัณห์ เดินเคียงคู่อย่างบริสุทธิ์เปิดเผย ให้สัตย์สาบานต่อจันทร์กระจ่างเหนือท้องนภาต่อโคมไฟบนพื้นปฐพี ก่อเกิดเรื่องราวชวนประทับใจจำนวนนับไม่ถ้วน

ในลานเรือนที่อยู่นอกเมืองเองก็มีโคมไฟงดงามประดับอยู่ สตรีในอาภรณ์ธรรมดาๆ นางหนึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังข้างสระน้ำ เหม่อมองดูฝั่งน้ำที่อยู่ด้านตรงกันข้าม ลึกลงไปในดวงตางดงามผ่านโลกมามากนั้นแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ คล้ายกำลังคิดถึงสหายเก่า

ริมสระมีต้นไม้ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ยามนี้กำลังผลิหน่อแตกใบ ท่ามกลางกิ่งก้านเหล่านั้นไม่รู้ผู้ใดแขวนโคมไฟ เปลี่ยนป่าที่มืดดำทุกครั้งยามรัตติกาลมาเยือนให้กลับกลายเป็นงดงามขึ้นหลายส่วน

ครั้นพิจารณาดูโดยละเอียดก็จะพบว่าอันที่จริงโคมไฟพวกนั้นมิได้มีอยู่มากสักเท่าใดนัก แท้จริงแล้วก็มีอยู่แค่เพียงสิบกว่าดวงเท่านั้น แต่เพราะผิวน้ำส่องสะท้อนอยู่กับพระจันทร์เต็มดวง ครั้นสายลมพัดผ่าน พวกมันก็ไหวพลิ้วระยิบระยับเกิดเป็นทัศนียภาพงดงาม

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com