ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 678-680 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 678-680

บทที่ 679 น้ำใสใจจริง

“ข้ามาแล้ว” จู่ๆ เสียงของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น

ทันใดนั้นทัศนียภาพงดงามตรงหน้าก็จางหาย เหลือก็แต่เพียงอากาศเหน็บหนาวยามค่ำคืน สายลมคมกริบดุจมีดเย็นเยียบเสียดกระดูก

สตรีนางนั้นคล้ายไม่ได้ยิน นางยังคงมองไปยังฝั่งน้ำด้านตรงกันข้าม น้ำเสียงเล็กละเอียดระคนอยู่กับสายลมเหน็บหนาว ลอยละล่องไปทางด้านหลัง “ในที่สุดท่านก็ยอมมา”

ความรู้สึกคับแค้นหลงใหลระคนอยู่ในน้ำเสียงดังกล่าว

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอยมาจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มเจ้าของเสียงเดินออกมาจากป่า เงาร่างแข็งแกร่งกำยำ หน้าตาธรรมดาๆ ปรากฏ ห่มห่อเรือนร่างไว้ใต้อาภรณ์ประณีตงดงามสีดำ ปลายแขนเสื้อกุ๊นขอบเงิน ส่องประกายเล็กๆ ยามสะท้อนอยู่กับแสงจันทร์

“เจ้าตามหาข้ามีธุระอะไรกระนั้นหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่เคยเปลี่ยน ขณะเดียวกันก็ระแวดระวังไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน “กว่าข้าจะออกมาได้ก็ไม่ใช่ง่าย โชคดีที่วันนี้เป็นวันเทศกาล การคุ้มกันหละหลวม หาไม่แล้วข้าคงไม่อาจปลีกตัวมาได้”

สตรีคนดังกล่าวคล้ายได้ยินเรื่องน่าขันอะไรบางอย่าง นางหัวเราะเบาๆ ออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะผินหน้ากลอกตาชำเลืองมองมาคราหนึ่ง

นั่นเป็นใบหน้าที่ปราศจากรอยแผลเป็น สง่างามเป็นหนึ่ง งดงามหยาดเยิ้ม ทว่าสีหน้าแววตากลับเย็นเยียบเสียดกระดูก บุคลิกลักษณะสองอย่างระคนอยู่ด้วยกันอย่างน่าประหลาด เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่ขณะเดียวกันก็แลดูเย้ายวนยิ่ง

ที่แท้ก็คือพระชายาคังอ๋อง

นางในวันนี้มิได้ปลอมตัวหากกลับปรากฏกายด้วยรูปโฉมแท้จริง

“ยากเย็นถึงเพียงนั้น? ก็แค่ออกจากเมืองเท่านั้น ใช่ต้องต่อกรกับแม่ทัพผู้กล้าอันใดไม่” นางปิดปากยิ้ม ใบหน้างดงามไม่พบอารมณ์โกรธขึ้งเดือดดาลอันใด เพียงเอ่ยปากตำหนิ “คำพูดของนายท่านนี้ ผู้น้อยหาเชื่อไม่”

คำว่า ‘ผู้น้อย’ นี้อ่อนหวานละมุนละไม อ้อยอิ่งมิรู้สิ้น เย้าหยอกใจคนไม่ต่างอันใดกับกรงเล็บแมว

ชายผู้นั้นเคลิบเคลิ้ม สองตาที่เพ่งมองดูนางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เขายกเท้าเดินตรงเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว

เพียงแต่เพิ่งเคลื่อนไหวได้ไม่ทันไร จู่ๆ เขาก็ชะงักเท้า สีหน้าท่าทางกลับกลายเป็นตึงเครียด สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างเป็นกังวลคล้ายกลัวถูกผู้ใดพบเห็นเข้า เขาไม่ขยับเข้าไปอีก ทำเพียงเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน “เอาล่ะ เจ้าว่ามาเถอะ ตามหาข้ามีธุระอันใด”

พระชายาคังอ๋องหันหน้ากลับไป จ้องมองดูโคมไฟที่อยู่อีกฝั่ง สีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป

แน่นอน สีหน้าท่าทางเช่นนั้น นอกจากโคมไฟที่อยู่อีกฝั่งกับเงาจันทร์เหนือผิวน้ำแล้วก็ไม่มีผู้ใดเห็นอีก

นางเงยหน้าขึ้น แหงนหน้ามองจันทร์กระจ่าง ถอนหายใจออกมาเงียบๆ เอ่ยปากอย่างยากลำบาก “หลังจากกันตอนเทศกาลจงชิวครานั้น พวกเราก็ไม่ได้พบเจอกันเลยถึงห้าเดือนเต็ม ยามนี้กว่าจะได้พบเจอกันสักครั้งนายท่านกลับเอ่ยปากเข้าเรื่องทันที ไม่แม้แต่จะถามผู้น้อยสักคำว่าช่วงนี้เป็นเช่นไร”

นางลุกขึ้นยืน ท่าทีคล้ายเจ็บปวดใจ กระโปรงผ้าพลิ้วไหวตามลม สายรัดเอวไหวสะบัด เส้นผมขยับไหวน้อยๆ แสงจันทร์สาดลงบนอาภรณ์สีเขียว อาบไล้อยู่ทั่วทั้งร่าง แลดูงดงามชวนให้คนที่ได้เห็นสติสัมปชัญญะเลอะเลือน

สายตาของชายผู้นั้นกลับกลายเป็นหลงใหลขึ้นมาอีกคราว คล้ายถูกนางดึงดูดไว้จนสิ้น แต่ถึงกระนั้นเท้าของเขาก็ราวกับถูกตรึงไว้ ร่างกายหยุดนิ่งไม่ขยับ

“ข้าเองก็คิดถึงเจ้า กลัวว่าฤดูหนาวนี้เจ้าจะโดดเดี่ยวเดียวดาย เกรงว่าเจ้าจะทนทำงานหนักไม่ไหว กลัวเจ้าจะเจ็บหลังเจ็บเอวขึ้นมาอีก” เขาถอนหายใจออกมายาวๆ สีหน้ากลัดกลุ้มลำบากใจอยู่หลายส่วน “เพียงแต่ยามนี้มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย องค์หญิงใหญ่กับซิงจี้ป๋อก็ต่างล้วนกระทำความผิด คิดดูว่าพวกเขาก่อนหน้านี้มีชื่อเสียงเกียรติยศมีอิทธิพลเพียงใด ยามนี้จู่ๆ ก็ล้มลงเสียดื้อๆ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงจัดการกับพวกเขารุนแรงฉับพลันยิ่ง”

พอพูดถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจออกมาอีกคราว น้ำเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเดิม “ยามนี้ผู้คนในราชสำนักต่างพากันระวังตัวแจ การตรวจสอบจากทางด้านนอกหรือก็เป็นไปอย่างเข้มงวดกวดขัน ที่ข้าระมัดระวังเช่นนี้ก็เพราะกลัวทำเสียเรื่อง”

เขาเงยหน้ามองจันทร์ประหนึ่งทอดถอนใจไม่รู้สิ้น หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็หันมองมาทางพระชายาคังอ๋อง สายตาฝากแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกลึกล้ำ “เจ้าเองก็รู้ใจข้ามาตลอด ข้าหาได้กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับตนเองไม่ ต่อให้เกิดเรื่องกับตระกูลข้าทั้งตระกูล ข้าก็หาได้ใส่ใจ ที่ข้ากลัวที่สุดคือพลอยทำเจ้าลำบากไปด้วยต่างหาก”

เขาขยับเท้าขึ้นหน้าครึ่งก้าวคล้ายไม่อาจควบคุมอารมณ์ความรู้สึกที่มีอยู่เต็มอกนั้นได้อีกต่อไป

นั่นเป็นครึ่งก้าวที่ระแวดระวังอย่างยิ่งยวด คล้ายกลัวเหยียบถูกกับระเบิด แต่ถึงกระนั้นน้ำเสียงของเขากลับจริงจังยิ่งคล้ายต้องการควักหัวใจออกมาให้อีกฝ่ายดู “นับแต่พบเจอเจ้าในยามนั้น เจ้าก็อยู่ในใจข้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจลืมเลือน ข้าไม่ปรารถนาจะให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเจ้า หากเพราะข้าทำให้เจ้าต้องลำบากไปด้วย เช่นนั้นแม้ตายหมื่นครั้งข้าก็คงไม่อาจปฏิเสธความผิดได้”

เงาร่างของพระชายาคังอ๋องขยับไหว

จากจุดที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ นางในยามนี้คล้ายหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขา เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยเพราะปลื้มปีติยินดี

ทว่าหากเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านางจะเห็นได้ว่ามุมปากของนางกำลังยกโค้งเผยให้เห็นรอยยิ้มเหยียดหยัน

“ความรู้สึกลึกล้ำของนายท่านเช่นนี้ผู้น้อยไหนเลยจะรับไหว” นางกล่าว เห็นได้ชัดว่าดวงตาของนางเต็มไปด้วยสายตาหยอกเย้า ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไว้ซึ่งน้ำตาคล้ายซาบซึ้งเจียนร่ำไห้

น้ำเสียงของชายผู้นั้นอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม “ขอเพียงเจ้ารู้ใจข้า เท่านั้นข้าก็พอใจแล้ว”

เมื่อพูดจบเขาก็เงยหน้ากวาดตามองไปรอบๆ ใบหน้ายังคงปรากฏริ้วรอยวิตกกังวลทว่าน้ำเสียงกลับละมุนละไม “ช่างเถอะ เจ้าว่ามา เจ้าตามหาข้ามีเรื่องอันใด”

คล้ายกลัวพระชายาคังอ๋องไม่พอใจ เขาจึงรีบกล่าวอธิบายเพิ่มออกมาอีกประโยค “ไม่ใช่ว่าข้าเร่งพระชายา ทว่าข้ายังมีนัดอีก หากไปสายย่อมไม่ใช่เรื่องดี พระชายามีเรื่องอันใดก็กล่าวออกมาเถิด ขอเพียงข้าทำได้ ข้าย่อมต้องจัดการให้”

“จริงกระนั้นหรือ” จู่ๆ พระชายาคังอ๋องก็หันหน้ากลับมา ใบหน้าคล้ายตกตะลึงคล้ายยินดี คล้ายหลงใหลคล้ายลุ่มหลง ดวงตางดงามอ่อนโยนนั้นคล้ายสามารถทำคนใจละลายได้

ชายคนดังกล่าวคล้ายถูกนางทำสติสัมปชัญญะเลอะเลือนสิ้น เขาเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม “เจ้าข้าคบหากันมานานปี ข้าเคยโกหกหลอกลวงเจ้าหรือไร”

พระชายาคังอ๋องครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าพึงพอใจ “ที่ท่านพูดมาก็จริง ท่านไม่เคยโกหกข้ามาก่อน”

นางพูดพลางเดินขึ้นหน้าคล้ายปรารถนาจะเข้าใกล้

ชายคนดังกล่าวกลับตกใจหน้าถอดสี เขาชักเท้าถอยหลังสองก้าว ซ่อนเงาร่างอยู่ท่ามกลางความมืด เอ่ยวาจาอย่างร้อนรน “อยู่ให้ห่างข้าสักหน่อย”

พระชายาคังอ๋องยั้งเท้า ชายหนุ่มเอ่ยปากร้อนรน “คืนนี้มีงานเฉลิมฉลอง ฝั่งกระโน้นหรือก็มีโคมไฟ หากพวกเฝ้าสวนมาดูโคมไฟ เห็นพวกเราเข้าคงยุ่งยากไม่ใช่น้อย”

เขาพูดพลางชะโงกมองไปรอบๆ คล้ายหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นเขาจะได้วิ่งหนีเข้าไปในป่าได้ทัน

พระชายาคังอ๋องยกมือแตะจอนผม ปิดบังความรู้สึกอับจนที่ปรากฏอยู่ในสายตา

หลังจากนั้นนางก็ลดมือลง ที่สะท้อนอยู่ภายใต้แสงจันทร์คือใบหน้ากลัดกลุ้ม หัวคิ้วขมวดอยู่ด้วยกัน นัยน์ตาเปียกชื้น ชวนให้คนนึกเอ็นดูสงสาร

“เป็นความผิดของผู้น้อยเอง ด้วยเพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้ลืมนึกถึงความลำบากของนายท่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้นายท่านก็ตามผู้น้อยเข้าไปในห้อง นั่งพูดคุยกันอยู่ที่นั่นดีหรือไม่” นางเอ่ยวาจาอ่อนโยนพลางยิ้มขื่น เอ่ยปากเย้ยหยันตนเอง “ผู้น้อยไม่มีหนทางใดรั้งนายท่านไว้ ได้แต่หวังว่าจะสามารถอาศัยการพูดคุยนี้ปลอบประโลมความคิดคำนึง”

คำพูดนี้ความหมายชัดแจ้งยิ่งนัก ทว่านางกลับกล่าวออกมาได้เหมาะเจาะเหมาะสมยิ่ง อีกทั้งยังเป็นธรรมชาติยากจะบรรยาย รู้สึกได้ก็แต่อารมณ์ปฏิพัทธ์ ยากเกินกว่าจะยั้งใจไม่ให้คิดไปต่างๆ นานา

ชายคนดังกล่าวในที่สุดก็หวั่นไหว สายตากวาดมองไปยังเรือนร่างงดงามของอีกฝ่ายพลางพยักหน้าชื่นชม “น้อยนักที่เจ้าจะมีอารมณ์สนุกสนานเช่นนี้ ก็ดี เช่นนั้นพวกเราก็เข้าห้องไปกันเถอะ”

เขาพูดพลางหันหลังมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังเล็ก ฝีเท้าเร่งร้อนคล้ายกระวนกระวายใจยิ่ง

พระชายาคังอ๋องสองตาเป็นประกาย เดินตามอีกฝ่ายไป

เรือนหลังเล็กนั่นอยู่ห่างจากริมฝั่งไปไม่ไกล แค่เดินตามเส้นทางหินเขียวครามไปจนสุดก็ถึงแล้ว

ทั้งสองคนหนึ่งหน้าคนหนึ่งหลัง เดินตามกันไปเงียบๆ เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าประตูไม้ ขณะที่ชายผู้นั้นยื่นมือผลักประตู พระชายาคังอ๋องก็เดินช้าลง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ภายใต้แสงจันทร์เย็นยะเยือกงดงามรอยยิ้มดังกล่าวแลดูแปลกประหลาดอยู่หลายส่วน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com