ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 681-682 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 681-682

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 681 หนึ่งธนูจากประจิม

ไป๋เหล่าเฉวียนพลิกข้อมือ มีดสั้นพลันปรากฏอยู่ในกำมือ

เขายกมันขึ้นแตะริมฝีปาก แลบลิ้นเลียอยู่สองสามทีก่อนจะฉีกปากกล่าว “พูดกันจนถึงเพียงนี้แล้ว ข้ายังจะซ่อนตัวอีกเพื่ออันใด!”

เขา “ทุด” ถ่มน้ำลายข้นๆ ลงพื้นคราหนึ่ง ประสานมือเยี่ยงอันธพาล “ต้องขออภัยด้วย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป นายท่านของข้าก็คือคนผู้นี้ ใครใช้ให้ชาวบ้านยอมจ่ายเงินมากกว่าเล่า”

เขายิ้มจนเห็นฟันเหลืองเต็มปากพลางโบกมือ

พึ่บ

เสียงแขนเสื้อสะบัดดัง ชายในอาภรณ์ทะมัดทะแมงเจ็ดแปดนายกระโจนออกมาจากในลาน ประสานมือแสดงคารวะต่อชายผู้นั้น “คารวะนายท่าน”

ชายคนดังกล่าวสีหน้าเรียบเฉย ยกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่อินังขังขอบ

ภายใต้การนำของไป๋เหล่าเฉวียน พวกเขาขยับกายรุกคืบขึ้นหน้าตรงไปทางพระชายาคังอ๋อง

“ถึงพระชายาจะทรยศข้า แต่ข้าก็จะไม่ทำอันใดท่าน” ชายคนดังกล่าวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สองแขนไพล่อยู่ทางด้านหลังท่วงทีสุขุม “เพียงแต่คงต้องให้พระชายาลำบากสักสองสามวันเพื่อล่อคนผู้หนึ่ง”

จู่ๆ เขาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่งคล้ายจนใจ “เจ้าตาเยี่ยงอสรพิษนั่น…อา…ควรต้องเรียกเสิ่นจิ้งจือ แม่ทัพเสิ่นสินะ คนผู้นี้ไม่ต่างอันใดกับเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง* ไม่ว่าจะพยายามควานหาตัวเช่นไรก็หาตัวเขาไม่พบ หากไม่เห็นเขาตายกับตาข้าเกรงว่าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

เขาส่ายหน้ายื่นมือออกมาลูบแขนเสื้อ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ “โชคดีที่ในมือข้ายังมีพระชายา มีท่านอยู่ ข้าไหนเลยจะยังต้องกังวลว่าเขาจะไม่ปรากฏตัว”

พระชายาคังอ๋องมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าขาวสะอาด ดวงตาฝากแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกเดือดดาล แต่ถึงกระนั้นนางก็มิได้พูดอันใด

ยามนี้พวกไป๋เหล่าเฉวียนห้อมล้อมนางไว้เป็นที่เรียบร้อย ทว่านางกลับไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แม้แต่จะหลีกหนีหรือหลบเลี่ยง ทำเพียงยืนตัวตรง สายรัดเอวปลิวไสว เสมือนเทพธิดาอาบไล้แสงจันทร์

ไป๋เหล่าเฉวียนจ้องนางเขม็ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งแผ่นหลังขนลุกตั้งชัน

เพียงชั่วพริบตา ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร ร่างของเขาก็พุ่งทะยาน กดบุรุษในอาภรณ์ผ้าดิ้นลงกับพื้น เอ่ยปากเสียงแผ่ว “ศัตรู”

แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงปล่อยสายธนูแผ่วเบาก็ดังลอยมาจากป่าลึก

ฟุ่บ…

ใต้แสงจันทร์ท่ามกลางสายลม ธนูเหล็กดอกหนึ่งพุ่งผ่านหนังหัวของไป๋เหล่าเฉวียนไป

ฉึก!

ปักตรึงอยู่บนต้นไม้ ตัวธนูจมหายเข้าไปกว่าครึ่ง ขนสีขาวที่ปลายธนูกระเพื่อมไหวไม่หยุด

ไป๋เหล่าเฉวียนตกใจเหงื่อเย็นไหลท่วมทั่วทั้งร่าง

หากมิใช่เขาการตอบสนองรวดเร็ว เกรงว่าธนูดอกนั้นคงปลิดชีวิตเขาไปแล้ว

“เหล่าไป๋ฝีมือดียิ่งนัก” พระชายาคังอ๋องยิ้มเอ่ยปากชื่นชมออกมาประโยคหนึ่ง สายตาแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกเสียดาย

หากสามารถสังหารหัวหน้าศัตรูได้ภายใต้ธนูดอกเดียว เช่นนั้นยามนี้นางต้องเป็นฝ่ายกำชัยแล้วแน่ๆ น่าเสียดาย เหล่าไป๋ฝีมือไม่ธรรมดาจึงหลบรอดไปได้

ในใจถึงจะคิดเช่นนี้ ทว่าสีหน้าของนางกลับไม่ปรากฏความรู้สึกอันใด มีก็แต่เพียงรอยยิ้มจางๆ สงบนิ่งไม่มีทีท่าหวาดหวั่น ยิ่งกว่าเดินเล่นอยู่ในลานใหญ่

ส่วนชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นผู้นั้นยามนี้ตกใจจนหน้าถอดสี ขดกายเนื้อตัวสั่นสะท้านอยู่ข้างไป๋เหล่าเฉวียน เงาร่างสูงใหญ่งอค้อมหมดสิ้น ไหนเลยจะยังมีกำลังแรงใจอันใดอีก

“คุ้มครองนายท่าน!” ไป๋เหล่าเฉวียนกระชากอีกฝ่ายไปทางด้านหลัง ดวงตาสามเหลี่ยมคว่ำกลับกลายเป็นดุดัน พลิกมือกุมมีด มืออีกข้างยื่นไปที่ข้างเอว ก่อนที่ดาบโค้งเล่มหนึ่งจะปรากฏ

ดาบโค้งนี้ขนาดไม่ยาว ปลายแหลม ส่องประกายสีดำเข้มอยู่ใต้แสงจันทร์ แค่ดูก็รู้แล้วว่าอาบยาพิษไว้

ดูท่ามีดสั้นหนึ่งตรงหนึ่งโค้งนี้จะเป็นอาวุธประจำกายของเขา

ยามนี้กำลังคนของเขากำลังถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ห้อมล้อมชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นไว้ตรงกลาง

“เหล่าไป๋ หากเมื่อครู่เจ้าตาย ยามนี้คงไม่ยุ่งยากเช่นนี้แล้ว” พระชายาคังอ๋องเอ่ยปากติติง สีหน้าคล้ายดรุณีน้อยไร้เดียงสา ท่าทีตระหนกตกใจเมื่อครู่คล้ายเป็นก็แค่ละครบทหนึ่งเท่านั้น

“ฮ่าๆ” ไป๋เหล่าเฉวียนหัวเราะพิลึกพิลั่น “คิดเอาชีวิตข้าไป๋เหล่าเฉวียนหาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่”

แม้จะพูดเช่นนั้นทว่าดวงตาสามเหลี่ยมคว่ำของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกระแวดระวัง สีหน้าท่าทางมิได้ผ่อนคลายดั่งคำพูด

“ช่างเถอะ ผู้คนล้วนบอกว่า ‘คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืน’ เหล่าไป๋ได้รับความเอ็นดูจากสวรรค์เยี่ยงนี้ ข้าเองก็จนปัญญา” พระชายาคังอ๋องยิ้มแย้มงดงาม นางปรบมือเบาๆ คราหนึ่ง

แม้จะแผ่วเบา ทว่าท่ามกลางราตรีเงียบสงัด มันกลับคล้ายดังลอยออกไปไกล

ทันทีที่เสียงปรบมือดังขึ้น เสียงฝีเท้าสวบสาบก็ดังตามมา เพียงไม่นานชายชุดดำปิดหน้าปิดตาก็กรูกันออกมาจากป่า คุ้มกันพระชายาไว้ทางด้านหลัง

จู่ๆ สถานการณ์ก็พลิกผันกลับกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นรุกอยู่เพียงฝ่ายเดียว ทว่ายามนี้ทั้งสองฝ่ายกลับคุมเชิงซึ่งกันและกัน

“ที่แท้เจ้าก็เตรียมการไว้เพียงนี้” ชายคนดังกล่าวกัดฟันพูด ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้นชิงชัง

“ใช่แล้ว” พระชายาคังอ๋องสะบัดแขนเสื้อยิ้ม สายตากวาดมองไปทางไป๋เหล่าเฉวียน เอ่ยวาจาเย้ยหยันกลายๆ “เหล่าไป๋ ข้าไม่เคยเชื่อถือไว้วางใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย รู้สึกอยู่ตลอดว่าคนเช่นเจ้าไม่อาจเชื่อใจ ดังนั้นถึงเผยแผนการให้เจ้าล่วงรู้ หลังจากนั้นก็ให้คนคอยจับตาดู สุดท้ายเจ้าก็ทรยศหักหลังข้าจริงๆ ไม่ผิดจากคำพูดที่ว่าคนชั้นต่ำย่อมกระทำเรื่องน่าละอายเลยแม้แต่น้อย”

ไป๋เหล่าเฉวียนหัวเราะพิลึกพิลั่นออกมาอีกสองครา ทว่าดวงตากลับฉายแววระแวดระวัง เขาไม่สนใจนาง ทำเพียงหันไปกระซิบบอกกับบุรุษผู้นั้นอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ด้านในมีคนของเสิ่นจิ้งจืออยู่กว่าครึ่ง ตะลุยฝ่าออกไปไม่ง่าย”

นี่เป็นคำพูดของคนในยุทธภพ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังฟังเข้าใจ ชายผู้นั้นสีหน้าย่ำแย่ลงทุกที

พระชายาคังอ๋องยามนี้เป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบอยู่ ไม่ว่าจะจำนวนคนหรือทักษะล้วนเหนือกว่าเขาทั้งสิ้น

ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ สายตากระวนกระวายกวาดมองไปรอบๆ คล้ายกำลังมองหาลู่ทางฝ่าออกไป

เห็นใบหน้าตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่าย รอยยิ้มบนใบหน้าของพระชายาคังอ๋องก็ยิ่งปรากฏชัด

นางย่างเท้าขึ้นหน้าเชื่องช้า ยืนอยู่หน้าชายปิดหน้าปิดตาเหล่านั้น เชิดคางชี้ไปทางไป๋เหล่าเฉวียน “เหล่าไป๋เอ๋ยเหล่าไป๋ เจ้าคิดว่าด้วยกำลังพลเพียงน้อยนิดพวกนั้นเจ้าจะสามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากป่านี้ได้กระนั้นหรือ”

ไป๋เหล่าเฉวียนกลอกตาวุ่นวาย สองมือที่ถือมีดกางออกก่อนจะกุมกลับเข้าอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัวหลายครั้งหลายคราว ใบหน้าบัดเดี๋ยวมืดบัดเดี๋ยวสว่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เหล่าไป๋ ข้าจะให้โอกาสเจ้า ให้เจ้ากับคนของเจ้าสามารถถอยออกไปได้อย่างปลอดภัย ไม่รู้ว่าเจ้ายินดีจะตกลงทำการค้านี้กับข้าหรือไม่” พระชายาคังอ๋องพูดเนิบๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็คอยจับจ้องมองดูท่าทีของเขาไม่วางตา

ไป๋เหล่าเฉวียนมองดูนางด้วยสีหน้าอึมครึม จู่ๆ กล้ามเนื้อใต้คางก็กระเพื่อมไหว เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นยิ่ง หรือบางทีอาจบอกได้ว่ากำลังครุ่นคิด

พระชายาคังอ๋องมีแผนอยู่แต่แรกแล้ว พอเห็นเช่นนี้นางก็เอ่ยปากเตือนสติอีกฝ่ายต่อ “ข้อเสนอของข้านั้นง่ายมาก อีกทั้งยังคุ้มค่ายิ่ง แค่ใช้ชีวิตของเจ้ากับคนของเจ้าทั้งหมดพวกนั้นแลกกับเขาผู้เดียว”

นางยื่นแขนออกชี้ไปยังชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นที่กำลังขดตัวสั่นสะท้านอยู่อีกด้าน สีหน้ากลับกลายเป็นอำมหิต “ข้าต้องการแค่เขาผู้เดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ สำหรับข้าแล้วหามีความสำคัญไม่ ขอเพียงถอยจากไปเสียตอนนี้ ข้ารับรองว่าจะไม่มีผู้ใดไล่ตามเอาชีวิตพวกเจ้า”

พอพูดถึงตรงนี้นางก็ยิ้มออกมาอีกคราว ท่าทางกลับกลายเป็นผ่อนคลาย น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ “เหล่าไป๋ เจ้าเองก็รู้ หลังได้ตัวคนผู้นี้ข้าก็จะไปจากเมืองหลวงและจะไม่กลับมาอีกชั่วนิรันดร์ เพราะฉะนั้นการค้านี้เจ้าไม่ขาดทุนแม้แต่น้อย ขอเพียงเจ้าพาคนของเจ้าไปเสียแต่ตอนนี้ อาศัยฝีมือของเจ้า ชนชั้นสูงในเมืองหลวงเจ้าย่อมเลือกได้ตามสบาย”

“เหลวไหล!” ในที่สุดเหล่าไป๋ก็ปริปาก เขาร้องด่าออกมาทันที “คนในมือข้ามีเท่าใดเจ้ารู้อย่างนั้นหรือ ชนชั้นสูงในเมืองหลวงคนใดจะกล้ารับข้าไว้ หากมิใช่เขา” เขาใช้ศอกชี้ไปยังชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นที่อยู่ข้างๆ พลางฉีกปากยิ้ม “สตรีเน่าเหม็นเช่นเจ้าเอ่ยวาจาเหลวไหลจนเคยชิน หากข้าเชื่อเจ้า แค่ชั่วพริบตาเจ้าก็ทรยศหักหลังข้าแล้ว”

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com