ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่5-บทที่6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทที่5-บทที่6

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 5

ตัวตนที่แท้จริง

 

“แล้วคุณภักดิ์ไม่ได้ชอบคุณพลีสจริงๆ เหรอคะ”

แก้วเกล้าวกเข้าประเด็นเดิม เธอถามด้วยความสงสัย เพราะจะว่าไปแล้วภวิลก็ไม่เคยยอมรับว่าชอบพาขวัญ ขนาดอิชยะยังไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดหรือแสดงความในใจที่มีต่อพาขวัญเลย

“งั้นก็น่าแปลกนะคะ” เธอพูดต่อเมื่อชายหนุ่มตอบคำถามด้วยความเงียบ “ทำไมผู้ชายที่ดูดีมากๆ แบบคุณภักดิ์ถึงได้โสดมาจนถึงตอนนี้ เกล้าไม่เชื่อหรอกค่ะว่าจะไม่มีผู้หญิงเข้าหาคุณ”

“มันเลือกเยอะ หรือถ้ามีคนมาคุยๆ ด้วยมันก็คุยเงียบๆ เหมือนเกรงใจใครสักคน” อิชยะชิงตอบคำถามแทนภวิล แก้วเกล้ารู้ได้ทันทีเลยว่า ‘คุยเงียบๆ’ ที่พูดถึงน่ะหมายความว่ายังไง

“รู้ดีจังเลยนะคะ”

แก้วเกล้าอดแขวะคนรักไม่ได้ เพราะก่อนที่จะคบกันอิชยะก็คงมีผู้หญิงไว้ ‘คุยเงียบๆ’ ไม่น้อยเหมือนกัน ดูตอนกับเธอนั่นปะไร…เขายังเคยยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นคู่นอนของเขาก่อน

“แต่ผมไม่ทำตัวเป็นเสือร้ายเงียบแบบไอ้ภักดิ์มันก็แล้วกัน ไม่งั้นคุณจะรู้เหรอว่าผมเคยมีข่าวอะไรกับใครมาบ้าง” อิชยะแก้ตัว แต่ก็ไม่ได้ฟังดูดีขึ้นเลยในสายตาของแก้วเกล้า

แต่ความจริงหญิงสาวก็พอจะเข้าใจแหละว่าพวกเขาเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน อีกทั้งสถานะอย่างพวกเขาสองคนย่อมมีผู้หญิงให้ความสนใจและพยายามเข้าหาอยู่มาก

คนที่เข้ามาก็อาจมาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ครั้นพวกเขาจะเปิดเผยความสัมพันธ์กับใครบ่อยๆ ก็คงไม่ดีต่อภาพลักษณ์สักเท่าไหร่ และคงต้องคบดูให้มั่นใจก่อนด้วย ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับว่าตกลงกันยังไง ยอมรับเงื่อนไขของกันและกันได้หรือไม่ แต่เท่าที่รู้จักกันมาเธอมั่นใจว่าพวกเขาไม่ใช่พวกหลอกลวง

อย่างอิชยะที่อดีตเป็นผู้ชายค่อนข้างร้ายกาจอาจมีใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง กับคนอื่นแก้วเกล้าไม่รู้หรอกว่าเขาจะใช้หรือไม่ แต่กับเธอ…เขาใช้ทั้งเล่ห์และเหลี่ยมจนเธอปวดหัวไปหมด

“ขนาดนายอิชย์ยังโสดมาได้ตั้งนาน มันเพิ่งจะมามีแฟนแบบจริงๆ จังๆ ตอนคบกับคุณเกล้านี่แหละครับ ผมจะโสดนานบ้างก็คงไม่แปลกหรอก” ภวิลแก้ตัว

“อย่างเพื่อนคุณภักดิ์น่ะโสด แต่ไม่สดและไม่ซิงค่ะ ท่าทางจะผ่านมาหลายมือแล้วด้วย” แก้วเกล้ามองเสือร้ายที่นั่งข้างๆ ด้วยความหมั่นไส้จนอิชยะต้องขยับเข้าไปใกล้ๆ เธออย่างประจบประแจง

“แต่ตอนนี้ผมไม่มีใครนอกจากคุณคนเดียวนะ” เขาบอกก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน “ฉันว่าแกควรรีบรวบรวมความกล้าจีบคุณพลีส อย่ามาปากแข็งหน่อยเลยน่าว่าแกไม่ได้ชอบเธอ”

เมื่อวนมาที่เรื่องของตัวเองจนน่ากลัวว่าจะ ‘เข้าเนื้อ’ อิชยะก็รีบแนะนำราวกับเป็นกูรูด้านความรักจนแก้วเกล้าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก เขาลืมไปแล้วหรือว่าคราวตัวเองก็เกือบจะเอาตัวไม่รอด

ยังจะมีหน้าไปแนะนำเพื่อนอีก!

“ฉันได้ยินว่าไอ้ ‘ราเมศ’ แฟนเก่าคุณพลีสมันกลับมาจากอเมริกาสักพักแล้วนะ แถมตอนนี้ยังโสดสนิทแล้วด้วย” อิชยะรีบอัพเดตเรื่องศัตรูหัวใจให้ฟังเผื่อว่าภวิลจะกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง

ที่จริงภวิลไม่เคยเล่าเรื่องพาขวัญให้ฟังหรอก แต่เขาสืบมาได้ด้วยตัวเอง

ราเมศ…อายุมากกว่าพาขวัญสองปี เคยคบกับหญิงสาวตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ เป็นรักแรกและเป็นแฟนคนแรกของหญิงสาวเลยก็ว่าได้ แต่คบกันได้แค่ครึ่งปีก็ต้องเลิกรากันเมื่อฝ่ายชายจบการศึกษาและไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยจนไม่มีเวลาติดต่อกันเหมือนเดิม

ภวิลจำได้ว่าพาขวัญเศร้าอยู่หลายวัน เธออาจจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็ดูเหงาๆ ลงไปมาก ภวิลสงสัยจึงแอบตามสืบดูจนได้รู้ความจริงว่าที่ราเมศบอกเลิกพาขวัญไม่ใช่เพราะไม่มีเวลาติดต่อกัน แต่เป็นเพราะหมอนั่นมีผู้หญิงอื่น ทว่าเขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับเธอเพราะกลัวว่าเธอจะยิ่งเสียใจ

ภวิลเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าราเมศอยากกลับมาคืนดีกับพาขวัญ แต่นับตั้งแต่ ‘วันนั้น’ อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาหาหรือติดต่อกับพาขวัญอีกเลย

“ระวังเอาไว้นะ ราเมศยังหนุ่มยังแน่น อายุก็ไล่เลี่ยกับคุณพลีส ไม่มีช่องว่างระหว่างวัย ตอนนี้มันดูดีกว่าเมื่อก่อน แถมยังดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาก บางทีคุณพิธานอาจจะเล็งมันไว้เป็นลูกเขยก็ได้” อิชยะแนะนำปนยุยงให้อีกฝ่ายทำอะไรสักอย่าง “อีกทั้งฐานะ ชาติตระกูล และการศึกษามันก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ”

“สรุปคือจะไม่พูดเรื่องงานแต่งแล้ว…ถูกมั้ย”

ภวิลถอนหายใจใส่เพื่อน จากนั้นก็ตัดบทวกเข้าเรื่องงานทันที

“คราวก่อนที่เราคุยกันได้บทสรุปว่าทั้งคู่อยากไปจัดงานแต่งที่โรงแรมนี้ ฉันก็เลยติดต่อไปขอวันว่างของทางโรงแรมมาแล้วว่าอีกประมาณสี่เดือนข้างหน้ามีวันไหนที่เหมาะจะจัดงานได้บ้าง”

ว่าจบภวิลก็เปิดสมุดออร์แกไนซ์ขึ้นมาอย่างที่อิชยะไม่อาจต่อรองได้เพราะถ้าคุยแต่เรื่องพาขวัญ ภวิลอาจจะลุกขึ้นมาบีบคอเขาแทน ชายหนุ่มได้แต่กลอกตามองบนใส่พลางคิดในใจว่าหากภวิลมัวแต่ชักช้าจนราเมศจีบพาขวัญตัดหน้าไปได้สำเร็จ เขานี่แหละจะเป็นคนแรกที่สมน้ำหน้าภวิล

ทำเป็นนิ่งนอนใจไปเถอะ เดี๋ยวคนอื่นก็คาบไปกินก่อน!

 

พาขวัญไปดูความเรียบร้อยที่โรงเรียนในตอนเช้าเพราะวันนี้จะมีคลาสผู้ใหญ่ทั้งช่วงเช้าและบ่าย ส่วนตอนเย็นมีคลาสเด็กประถมและคลาสสอนเต้น เมื่อถึงเวลาเที่ยงเธอก็ให้วิชัยพามาส่งที่บริษัท

พิธานนัดพนักงานคนสำคัญและหัวหน้าฝ่ายต่างๆ มาทานอาหารร่วมกันที่ห้องพิเศษในโรงอาหารของตึกโดยสั่งอาหารจากแม่ค้าภายในโรงอาหารและจากร้านข้างนอกมาเพิ่มเติม

เป็นการทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเองเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่จะว่าไปพาขวัญก็รู้จักพนักงานแล้วหลายคนและพนักงานเองก็รู้จักเธอเช่นกันเพราะหญิงสาวเคยมาที่บริษัทแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไปออกงานกับพิธาน แต่ท่านคงอยากให้เธอมาทำความรู้จักกับทุกคนอย่างเป็นทางการถึงได้นัดมาในวันนี้

“เลยเวลามาสิบนาทีแล้วนะครับพี่พิธาน ทำไมพนักงานดีเด่นของพี่พิธานยังไม่มาอีก ไม่รักษาเวลาเอาเสียเลย” อติกันต์พูดขึ้นขณะที่พิธานกับพาขวัญกำลังพูดคุยกับพนักงานหลายคนอย่างครื้นเครง เสียงนั้นทำให้ทุกคนหยุดคุยกันไปชั่วขณะ “นี่จะไม่ให้ใครไปตามหน่อยเหรอครับ”

“สงสัยคุณภักดิ์ยังคุยงานติดพันอยู่น่ะค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปตามคุณภักดิ์ให้นะคะ”

กรกนกแก้ตัวแทนเจ้านาย ปกติเวลาอยู่ที่บริษัทเธอมักจะอยู่ข้างๆ ภวิลเพื่อรับคำสั่งของเขาเสมอ แต่วันนี้ขณะกำลังจะออกมาที่ห้องอาหารมีลูกค้าโทรมาพอดี เขาจึงให้เธอล่วงหน้ามาก่อนและบอกว่าจะรีบตามมา ปกติภวิลเป็นคนรักษาเวลาเสมอ หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ เขาไม่มีทางมาสายแน่

“เข้าข้างเจ้านายเหลือเกินนะคุณนก”

อติกันต์เหยียดยิ้ม แต่กรกนกกับภวิลทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเกือบสิบปี ภวิลเป็นหัวหน้าที่ตั้งใจทำงาน ไม่เคยเอาเปรียบลูกน้อง และทำตัวน่านับถือเสมอ เธอจะเข้าข้างเขาก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร

“คุณนกไม่ต้องไปหรอก ให้น้องพลีสไปดีกว่า” พิธานหันไปมองลูกสาว พาขวัญถึงกับทำหน้างง “น้องพลีสจะได้ไปเห็นห้องทำงานของพี่ภักดิ์เขาด้วยไง เผื่อวันหนึ่งจะอยากมาช่วยงาน”

หญิงสาวทำหน้ามุ่ยในทันที พิธานรู้ดีว่าเธอไม่ชอบทำงานที่บริษัทและไม่อยากดูแลธุรกิจของวงศ์วรารมย์ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ขอท่านเปิดโรงเรียนสอนการแสดงอย่างที่เธออยากทำหรอก

ที่พิธานอยากให้พาขวัญเป็นคนไปตามภวิลเพราะคงอยากให้เธอเห็นเขาในเวลาทำงาน เธอจะได้ชื่นชมเขา และท่านก็คงอยากให้เธอกับเขามีช่วงเวลาคุยกันตามลำพังบ้าง…เธอรู้ทันหรอก

“ไปสิน้องพลีส คนอื่นเขาหิวกันแล้วนะ”

“ค่ะคุณพ่อ”

พาขวัญยอมเดินออกจากห้องทานอาหารไปอย่างไม่อยากขัดใจผู้เป็นพ่อ เพราะเธอเองก็เหมือนทำใจยอมรับข้อเสนอของท่านที่ว่าจะ ‘ดูๆ’ ภวิลเอาไว้บ้าง ฉะนั้นเธอขวางท่านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร และลึกๆ เธอไม่ได้ต่อต้านภวิล เพียงแต่รู้สึกอึดอัดกับแผนการจับคู่ของพิธานเท่านั้น

พาขวัญอาจไม่ได้มาที่บริษัทบ่อยๆ แต่ก็พอจะรู้ว่าห้องทำงานส่วนตัวของพิธานคือห้องไหนและห้องทำงานส่วนตัวของภวิลอยู่ตรงไหนเพราะเธอเคยไปมาแล้ว

หญิงสาวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่หมาย ห้องของภวิลอยู่ติดกับชั้นดาดฟ้าของตึก…เธอจำได้

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องหญิงสาวก็ยกมือขึ้นเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต บนชั้นนี้ค่อนข้างเงียบเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง พนักงานคงออกไปทานอาหารกลางวันกันเกือบหมดแล้ว

“ไม่อยู่เหรอ…”

พาขวัญพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยหลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของห้อง เธอคิดว่าภวิลคงลงไปที่ห้องอาหารและสวนทางกับเธอเพราะลิฟต์ในอาคารมีหลายตัว

แต่เพื่อความแน่ใจหญิงสาวจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องเพื่อสำรวจดูอีกครั้งก่อนจะออกไป ทว่า! ภาพที่ได้เห็นหลังบานประตูก็ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงจนเกือบลืมหายใจไปหลายวินาที

ภวิลกับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพนักงานของบริษัทกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มจนเหมือนลืมเวลาและลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจนอาจเป็นเหตุให้ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของเธอก็เป็นได้

ร่างบางหน้าร้อนผ่าว ตัวชา และไม่คิดเลยว่าเธอจะได้เข้ามาเห็นภาพนี้ พาขวัญบอกตัวเองให้ตั้งสติ ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง และออกจากห้องนี้ไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้ภวิลกับคู่ขาของเขารู้ตัว แต่เธอก็ช้าไปหลายวินาทีเพราะตอนนั้นทั้งสองคนหันมาเจอเธอเข้าเสียก่อน

“ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะ เอ่อ…พอดีคุณพ่อให้พลีสมาตามพี่ภักดิ์ไปที่ห้องอาหาร ทุกคนรออยู่” พาขวัญพยายามตั้งสติและเรียบเรียงคำพูดบอกกับอีกฝ่ายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้นหญิงสาวก็รีบเดินออกมาโดยไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ เพราะแค่นี้เธอก็อายแทนพวกเขามากแล้ว แต่…จะโทษภวิลกับคู่ขาของเขาก็คงไม่ได้เพราะเธอดันเปิดประตูเข้าไปเจอเอง

พาขวัญพยายามทำใจยอมรับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นเรื่องส่วนตัวของภวิล แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพิธานมันก็ทำให้เธออดเสียความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มไม่ได้

พิธานบอกว่าภวิลแอบมีใจให้เธอมานานและเขารู้อยู่แล้วว่าท่านอยากให้เขากับเธอลงเอยกัน…แล้วทำไมเขาถึงยังทำแบบนี้กับผู้หญิงอื่นอยู่อีก สรุปว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่

คำพูดของอติกันต์วนเวียนเข้ามาในความคิดของหญิงสาว เธอไม่อยากตัดสินภวิลจากคำพูดใคร และไม่อยากฟังความข้างเดียว แต่ภาพที่เห็นก็ตอกย้ำให้คำพูดของอติกันต์มีน้ำหนักมากขึ้น พาขวัญไม่ได้อคติกับภวิล เธอไม่ได้หูเบา แต่มีคนเตือนและเห็นกับตาตัวเองแบบนี้แล้วเธอก็คงต้องมองภวิลในหลายๆ ด้าน จะมองแค่ด้านดีของเขาก็คงไม่ได้ เพราะเขาอาจมี ‘ตัวตน’ หรือ ‘เบื้องหลัง’ บางอย่างที่เธอยังไม่รู้

“อ้าว! ทำไมมาคนเดียวล่ะน้องพลีส พ่อให้เราไปตามพี่ภักดิ์นะ”

พิธานถามเมื่อเห็นลูกสาวเปิดประตูเข้ามาในห้องอาหารอีกครั้ง ท่านคิดว่าจะได้เห็นเธอเดินเคียงคู่มากับภวิล แต่นี่เธอกลับเดินมาคนเดียว แถมสีหน้ายังเหมือนคนไม่สบายใจอีก

“พี่ภักดิ์คุยงานติดพันอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงตามมา”

พาขวัญฝืนยิ้มให้บิดาและพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ถึงจะเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งไปเจอมา แต่เธอไม่อยากทำตัวเป็นเด็กขี้ฟ้องและเอาเรื่องส่วนตัวของภวิลมาพูด

“แหม! คุณภักดิ์ขยันจริงๆ นะครับ สมแล้วที่คุณพิธานวางใจ” พนักงานคนหนึ่งพูดทีเล่นทีจริง

“ไม่รู้ว่าขยันจริงๆ หรือสร้างซีนเอาหน้ากันแน่นะครับ” อติกันต์พูดติดตลกเหมือนอยากแซวเล่น แต่พิธานรู้ว่าเขาจงใจพูดเพื่อให้พาขวัญมองภวิลในแง่ร้ายและต้องการทำลายคะแนนของภวิล

“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย”

พิธานมองไปยังประตูห้องเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกพูดถึงกำลังเปิดมันเข้ามา ชายหนุ่มทักทายทุกคนและกล่าวขอโทษที่มาสายซึ่งก็ไม่มีใครถือสาอะไรเพราะเข้าใจว่าเขาคุยติดพันอยู่กับลูกค้าจริงๆ

“เอาล่ะ ทานข้าวกันได้สักที ผมหิวแล้ว”

พิธานพูดติดตลกเพื่อสร้างบรรยากาศ ทุกคนจึงกลับมาพูดคุยเฮฮาเหมือนเดิม แต่ท่านจับสังเกตได้ว่าท่าทีของภวิลกับพาขวัญมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม…โดยเฉพาะลูกสาวท่าน

ตอนที่ภวิลเข้ามาในห้อง เขาคอยมองพาขวัญหลายครั้งเหมือนอยากหาโอกาสเข้ามาคุยและอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ลูกสาวท่านกลับหลบตาและทำเหมือนมองไม่เห็นเขาราวกับพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุย ทั้งๆ ที่ปกติเธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรภวิล พิธานคิดว่าหลังจากคุยเรื่องการแต่งงานแล้วเธออาจทำตัวเหมือนอึดอัดใจและวางตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีท่าทีต่อต้านหรือหลีกเลี่ยงภวิลแบบนี้เลย

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

หลังจากนั้นระหว่างพาขวัญและภวิลก็ไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้นเลย…

คนที่พยายามจับคู่ให้หนุ่มสาวอย่างพิธานถึงกับถอนหายใจที่ทุกอย่างดูจะผิดแผนขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนก็ใช่ว่าจะสนิทสนมหรือพูดคุยกันมากอยู่แล้ว พอเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในระหว่างที่พาขวัญไปตามภวิลที่ห้องทำงานส่วนตัวก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่ดูจะห่างเหินกันมากขึ้นไปอีก

“น้องพลีสรอพ่อในรถแป๊บนึงนะ พ่อมีอะไรจะคุยกับพี่ภักดิ์เขาหน่อย”

พิธานบอกลูกสาวเมื่อเดินมาถึงหน้าบริษัทซึ่งวิชัยขับรถมาจอดรอรับทั้งสองคนกลับบ้านวงศ์วรารมย์หลังจากที่ร่วมทานอาหารกลางวันและพูดคุยกับพนักงานคนสำคัญของบริษัทเรียบร้อยแล้ว

“ค่ะคุณพ่อ”

พาขวัญหันไปมองคนตัวสูงที่เดินมาส่งเธอกับพิธานที่รถแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะเดินไปขึ้นรถเมื่อเขามองตอบเธอคล้ายกับมีอะไรจะพูดด้วย ท่าทางเช่นนั้นยิ่งทำให้พิธานมั่นใจว่าทั้งสองคนกำลังมีปัญหากัน

“ภักดิ์กับน้องพลีสทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” ผู้อาวุโสกว่าถามเมื่อเห็นว่าลูกสาวเข้าไปนั่งรอท่านในรถแล้ว “ฉันสังเกตว่าน้องพลีสไม่มองภักดิ์เลยตั้งแต่กลับมาจากไปตามภักดิ์ที่ห้องทำงาน”

“เราไม่ได้ทะเลาะกันครับ เพียงแต่…”

ภวิลเงียบไปเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง ชายหนุ่มรู้ว่ามันเป็นความผิดของเขาที่ไม่ระวังและปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจนพาขวัญบังเอิญเข้ามาเจอ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นเช่นนั้นเลย

จริงอยู่ว่าเขากับ ‘จารวี’ พนักงานฝ่ายขายคนสำคัญของบริษัทเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและสานสัมพันธ์กันอย่างไม่เปิดเผย แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว เขาจบความสัมพันธ์กับเธอก่อนที่พิธานจะคุยเรื่องที่ท่านอยากให้เขาลงเอยกับพาขวัญเสียอีก และทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันเสมอมา

ทว่าจารวีคงยังมีเยื่อใยกับภวิลอยู่ พอเธอได้ยินคนซุบซิบกันว่าพิธานเหมือนจะต้องการให้เขาลงเอยกับพาขวัญ วันนี้เธอจึงตัดสินใจมาคุยกับเขา จารวีพยายามยื้อเขาเอาไว้จนรั้งเขาเข้าไปจูบและพาขวัญก็เข้ามาเห็นพอดี เขาอยากอธิบายให้พาขวัญเข้าใจในวินาทีนั้น แต่เธอก็รีบผลุนผลันออกจากห้อง แล้วที่เขาไม่ได้ตามเธอมาในทันทีเพราะต้องเคลียร์กับจารวีให้เด็ดขาดตั้งแต่ตอนนั้นจะได้ไม่มีปัญหาตามมาอีก

ภวิลอธิบายให้จารวีเข้าใจแล้วว่าระหว่างเธอกับเขาไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ได้อีก เขาขอให้ต่อแต่นี้ไปเธอกับเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน และขอให้เธออย่าทำแบบนั้นอีกซึ่งจารวีก็เข้าใจ

แม้จะยังมีเยื่อใยต่อภวิล แต่จารวีเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและ ‘แมน’ พอที่จะยอมรับความจริง และนี่เป็นข้อดีของเธอที่ทำให้ครั้งหนึ่งเขารู้สึกดีกับเธอจนเริ่มต้นความสัมพันธ์กัน

ทว่าเมื่อศึกษากันและกันได้พักหนึ่งแล้วภวิลก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจรักจารวีและเธอก็เข้ามาแทนที่คนที่อยู่ในหัวใจเขาไม่ได้จริงๆ เขาจึงขอยุติความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเธอด้วยการพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและทั้งคู่ก็จบความสัมพันธ์กันอย่างเข้าใจ ในตอนนั้นภวิลรู้สึกผิดต่อเธอมาก

เขาไม่อยากเอาเปรียบและปล่อยให้เธอถลำลึกไปมากกว่านี้

“แต่…คุณพลีสเข้ามาเห็นผมกำลังจูบกับวี” ภวิลตัดสินใจบอกความจริงไปในที่สุดเพราะเขาไม่อยากโกหกพิธาน “ตอนนั้นผมอยากจะอธิบายให้คุณพลีสเข้าใจ แต่ไม่มีโอกาสเลย”

“ภักดิ์กับคุณวีเลิกกันไปเกือบปีแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่ากลับมาคบกันอีกรอบ”

พิธานขมวดคิ้วขณะมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด ท่านอาจไม่เคยยื่นมือเข้าไปจัดการหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของภวิล แต่ก็คอยมองดูอยู่ห่างๆ ด้วยความห่วงใยในฐานะญาติผู้ใหญ่จนพอจะรู้ว่าเขาคบหากับใคร ตอนไหน และจบความสัมพันธ์กันแล้วหรือไม่

หากท่านไม่แน่ใจว่าภวิลยังไม่มีใคร ท่านก็คงไม่พูดเรื่องที่อยากให้เขาลงเอยกับพาขวัญแน่ เพราะท่านไม่ได้อยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านได้ชื่อว่าแย่งคนรักของใคร

และที่ท่านต้องถามภวิลให้รู้เรื่องก่อนเพราะไม่อยากให้ภวิลกับพาขวัญห่างเหินกันจนอติกันต์มีโอกาสเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์และหาเรื่องเป่าหูลูกสาวท่านได้อีก

ยังดีที่พาขวัญไม่ใช่คนหูเบาและไร้เหตุผล ไม่อย่างนั้นคงจะรู้สึกแย่กับภวิลไปนานแล้ว

“ไม่ใช่ครับ วีคงได้ยินเรื่องที่คนพูดกันว่าคุณท่านอยากให้ผมลงเอยกับคุณพลีส เธอก็เลยมาคุยเรื่องนี้กับผม แต่ผมอธิบายกับเธอแล้วว่าผมกลับไปคบกับเธอไม่ได้ และตอนนี้วีก็เข้าใจทุกอย่างดีแล้ว”

ภวิลอธิบายโดยไม่ลงรายละเอียดเพราะไม่อยากให้จารวีเสียหายและไม่อยากให้พิธานตำหนิเธอ จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้สานความสัมพันธ์กับเธอแล้ว เขาไม่ได้รักเธอในแบบคนรัก แต่เธอยังเป็นเพื่อนที่ดีของเขา และเป็นพนักงานที่มีความสามารถคนหนึ่ง เขาจึงต้องปกป้องเธอ

“เอาเถอะ อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกก็แล้วกัน”

พิธานถอนหายใจ ถึงภวิลจะไม่ได้เล่ารายละเอียด แต่ท่านก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก เพราะผู้ชายอย่างภวิลไม่ใช่คนที่จะพูดถึงผู้หญิงในทางเสื่อมเสียและที่ผ่านมาภวิลก็ไม่เคยโกหกท่าน

“เรื่องน้องพลีสน่ะ ฉันไม่ได้บังคับภักดิ์นะ ถ้าภักดิ์ไม่สมัครใจก็บอกฉันได้ ยังไงภักดิ์ก็เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานฉันคนหนึ่ง” พิธานย้ำเพื่อให้ภวิลได้ทบทวนให้แน่ใจ หากเขาไม่ยินดีที่จะลงเอยกับพาขวัญ ท่านก็ไม่อยากบังคับจิตใจเขา แม้ว่าท่านจะอยากได้เขาเป็นลูกเขยมากแค่ไหนก็ตาม

“คุณท่านก็น่าจะรู้ว่าผม…ไม่ได้ฝืนใจในเรื่องนี้เลย” ภวิลยืนยันในสิ่งที่พิธานคิดและรับรู้มาโดยตลอด เขาอาจจะไม่ได้พูดตรงๆ และไม่ได้แสดงออก แต่เขารู้ว่าพิธานรู้จักเขาดีที่สุด

“เอาไว้แก้ตัวใหม่คราวหน้าก็แล้วกัน” พิธานบอก “อีกสามวันจะมีประชุมสำคัญใช่มั้ย ฉันเช็กเวลางานน้องพลีสมาแล้วว่าน่าจะว่างพอดี ตอนเช้าภักดิ์ไปรับน้องพลีสที่บ้านด้วยก็แล้วกัน”

“ครับคุณท่าน”

“ตั้งใจทำคะแนนหน่อยนะ ถ้าฉันเชียร์ภักดิ์มากกว่านี้จะดูเสียผู้ใหญ่แล้ว” พิธานพูดติดตลกก่อนจะเดินไปขึ้นรถอย่างอารมณ์ดีเมื่อภวิลยังยืนยันในสิ่งที่เคยรับปากกับท่านเอาไว้

ภวิลยืนรอส่งพิธานกับพาขวัญด้วยท่าทีนิ่งขรึมเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายเล็กๆ เพราะปกติเขาแทบไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อพาขวัญเลย กระทั่งรถยนต์คันหรูแล่นออกไป เขาจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยพิธานก็เข้าใจและยังเชื่อใจเขา แต่…พาขวัญนี่สิ! ชายหนุ่มไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะยอมรับฟังคำอธิบายของเขาหรือเปล่าในเมื่อตอนนี้…แค่หน้าเขา เธอยังไม่อยากจะมอง

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com