LOVE
ทดลองอ่าน ออดอ้อน… เพียงเธอ บทนำ-บทที่2
บทที่ 2
คู่ครอง
“ว่าแต่คุณพ่อถามพลีสแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”
พาขวัญเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง…ที่ผ่านมาพิธานไม่เคยถามเรื่องคนรักของเธอเลย แต่จู่ๆ วันนี้ก็ถามถึง แถมยังถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับภวิลอีกต่างหาก
นี่อย่าบอกนะว่าท่านกำลังอยากจับคู่ให้เธอกับภวิล!
“พ่อแค่คิดว่าถ้าน้องพลีสลงเอยกับภักดิ์เขาได้ก็คงจะดี”
“คุณพ่อ!” พาขวัญเรียกบุพการีอย่างไม่เชื่อหู ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าท่านจะคิดคลุมถุงชนเธอกับภวิล “พลีสกับพี่ภักดิ์ไม่ได้ชอบกันนะคะ จะลงเอยกันได้ไง อีกอย่างเราก็อายุห่างกันตั้งสิบปีแน่ะ”
“แค่สิบปีมันไม่มีปัญหาอะไรหรอกลูก พ่อกับแม่น้องพลีสก็อายุห่างกันเกือบสิบปี ทุกวันนี้พ่อก็ยังรักแม่น้องพลีสไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ” พิธานอธิบายอย่างใจเย็น
พอพูดถึงมารดาที่จากไปแล้ว พาขวัญก็เงียบลงเพราะรู้ว่าถึงท่านจะจากไปนานแค่ไหนบิดาเธอก็ยังรักและคิดถึงท่านเสมอ…หลังจากที่มาติกาเสียชีวิต มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนในชีวิตพิธานมากมาย แต่ท่านก็ไม่สนใจใครเลยและทุ่มเทความรักให้กับลูกสาวอย่างเธอเพียงคนเดียวมาโดยตลอด
“พ่อเองก็อายุมากแล้ว พ่ออยากเห็นน้องพลีสมีครอบครัว มีคนคอยดูแล และมีหลานตัวน้อยๆ ให้พ่ออุ้มก่อนที่พ่อจะเป็นอะไรไป” พิธานเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาวและมองด้วยความรัก
แม้สิ่งที่ท่านพูดจะดูเป็นการบังคับหญิงสาวเกินไปและเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด แต่ท่านก็อยากให้เธอรู้ไว้ว่าท่านหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ และปรารถนาดีกับเธอที่สุดเสมอ
“พลีสบอกแล้วไงคะว่าพลีสไม่ชอบให้คุณพ่อพูดแบบนี้เลย”
“สังขารมันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงนะน้องพลีส…” น้ำเสียงพิธานอ่อนลงและทั้งคู่รู้ดีถึงความจริงข้อนี้ เพราะพวกเขาเคยสูญเสียมาติกาไปแล้ว “ที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อให้น้องพลีสมีความสุขนะ”
ในอดีตพิธานมาจากครอบครัวฐานะปานกลาง หลังเรียนจบมัธยมปลายก็รับจ้างทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิงจนได้พบมาติกาซึ่งอายุน้อยกว่าเกือบสิบปีตอนที่อีกฝ่ายรับงานเป็นตัวประกอบในละคร ด้วยความถูกชะตาทั้งสองคนจึงทำความรู้จักกันเรื่อยมาและพัฒนาความสัมพันธ์จนเกิดเป็นความรัก
พิธานเป็นคนขยัน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบทำให้ได้รับความไว้วางใจให้จัดงานต่างๆ จนระยะหลังพิธานก็ออกมารับจัดงานด้วยตัวเอง ในตอนนั้นธุรกิจออร์แกไนเซอร์ยังไม่เฟื่องฟูเหมือนในปัจจุบัน ท่านจึงถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่รับงานด้านนี้ทำให้มีงานไม่เคยขาด
เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้สวย พิธานกับมาติกาก็ตกลงใจแต่งงานกันและเปิดบริษัทออร์แกไนเซอร์อย่างเป็นทางการ พอธุรกิจเริ่มอยู่ตัวก็ตกลงใจที่จะมีลูกด้วยกันซึ่งก็คือพาขวัญ
ชีวิตช่วงนั้นมีความสุขราวกับความฝัน ครอบครัวสมบูรณ์ ความรักสุกงอม และธุรกิจก็เจริญรุ่งเรือง ทว่า…ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน ไม่กี่ปีหลังจากคลอดพาขวัญ มาติกาก็จากไปอย่างที่ไม่มีใครได้ตั้งตัว พิธานสงสารลูกสาวที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เสียใจที่คนรักจากไป นับตั้งแต่นั้นมาท่านก็ทุ่มเทหัวใจให้กับลูกสาวซึ่งเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ และท่านก็รักบริษัทมากเพราะเคยร่วมแรงร่วมใจสร้างมันมากับคนรัก
มันเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นและเป็นอนุสรณ์ความรักระหว่างท่านกับมาติกา…
“พลีสอาจจะคุ้นเคยกับพี่ภักดิ์ แต่เราไม่ได้รักกันและไม่เคยคบหาดูใจกันมาก่อนเลยนะคะ” พาขวัญพยายามต่อรอง เธอไม่รู้ว่าพิธานพูดจริงหรือพูดเล่น แต่เธออยากให้ท่านเปลี่ยนความคิด
ท่านเล่นจับคู่ให้แบบนี้จะทำให้เธอมองหน้าภวิลไม่ติดเสียเปล่าๆ
“ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยกะเกณฑ์ให้น้องพลีสแต่งงานกับพี่ภักดิ์มาก่อนเพราะพ่อยังรอดูอยู่ว่าน้องพลีสจะคบหากับใครหรือเปล่า พ่อให้โอกาสน้องพลีสได้เลือกเองแล้ว นี่น้องพลีสก็อายุยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะลงเอยกับใครนี่นา” พิธานพูดต่อ คราวนี้พาขวัญถึงกับพูดไม่ออก
เธอดันบอกพ่อไปหมดแล้วนี่นาว่าเธอไม่มีคนรักและไม่มีแม้กระทั่งคนคุย!
“แต่ก็แค่ยี่สิบห้าปีเองนะคะ พลีสยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”
“แต่ปีนี้พี่ภักดิ์เขาสามสิบห้าย่างสามสิบหกปีแล้ว ถ้าน้องพลีสไม่ลงเอยกับพี่ภักดิ์เร็วๆ นี้ พี่เขาอาจจะแต่งงานไปก่อน น้องพลีสก็น่าจะรู้ว่าพี่ภักดิ์เขาเป็นคนดูแลงานทุกอย่างแทนพ่อ”
พิธานตะล่อมและยังให้เหตุผลต่อว่าภวิลดูแลงานทุกอย่างแทนท่านมาหลายปีทำให้เขาแทบจะควบคุมกิจการทุกอย่างไว้ในมือ ทั้งบริษัทออร์แกไนเซอร์และโรงแรมอีกหลายแห่งที่ครอบครัววงศ์วรารมย์เป็นหุ้นส่วนอยู่ หากพาขวัญไม่อยากแต่งงานกับเขา เธอก็ต้องไปเรียนรู้งานแล้วสืบทอดกิจการทุกอย่างแทน
นอกจากภวิลแล้วพิธานก็ไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาดูแลกิจการแทนอีก แม้แต่อติกันต์ซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ของพาขวัญเอง แต่ไม่ใช่ว่าท่านไม่เคยให้โอกาสอติกันต์ ที่ผ่านมาท่านให้โอกาสมากจนเกินไปด้วยซ้ำ
น้าแท้ๆ ของพาขวัญนั้นแตกต่างจากมาติการาวฟ้ากับเหวจนเหมือนไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน เพราะในขณะที่มาติกาอ่อนโยน ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ อติกันต์กลับเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่เป็นโล้เป็นพาย และเห็นแก่ตัวจนไม่นึกถึงคนอื่นเลย
พิธานจำได้ว่าหลังแต่งงานกัน มาติกาขอให้น้องชายมาอยู่ด้วยเพราะมีกันแค่สองคนพี่น้อง พิธานเห็นว่าตอนนั้นครอบครัวไม่ได้ลำบากอะไรแล้ว ท่านเองไม่มีญาติที่ไหน พ่อแม่ก็เสียไปแล้ว จึงยินดีต้อนรับอติกันต์มาอยู่ด้วยเพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
ตอนนั้นอติกันต์เพิ่งเริ่มเป็นวัยรุ่น เขาอายุน้อยกว่ามาติกาสิบสองสิบสามปีเห็นจะได้ ท่าทางเป็นเด็กเกเรและเอาแต่ใจเพราะก่อนที่พ่อกับแม่จะเสียอติกันต์ก็ถูกตามใจจนเสียเด็ก พิธานคิดว่าอยู่ด้วยกันไปน่าจะพออบรมสั่งสอนกันได้ แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดจนมาติกาเองยังอ่อนใจ
ยิ่งมีชีวิตที่สุขสบายอติกันต์ยิ่งไม่สนใจการเรียน ติดเพื่อน และเที่ยวเตร่ ยิ่งหลังจากมาติกาเสียก็ยิ่งไปกันใหญ่ แต่มาติกาคงพอจะรู้ว่าน้องชายตัวเองเป็นยังไง หากไม่มีพิธานช่วยดึงไว้ก็คงไร้อนาคต ท่านจึงขอร้องให้พิธานเมตตาและสงสารอติกันต์ซึ่งพิธานก็รับปากว่าจะดูแลให้เพราะรักภรรยา
ช่วงมัธยมปลายอติกันต์เกเรหนักจนหลงเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดและเกือบจะถูกจับ เรื่องผู้หญิงก็มีปัญหาไม่เคยขาด พอจบมัธยมปลาย เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดซ้ำยังขอไปเรียนต่อเมืองนอก พอพิธานไม่อนุญาตก็ยกคำขอของมาติกามาพูด ท่านไม่อยากมีปัญหาจึงยอมตามใจอีกฝ่ายอย่างเสียมิได้
กว่าจะเรียนจบมาได้อติกันต์ก็ผลาญเงินไปมากและใช้เวลาไปตั้งเกือบหกปี พอบินกลับมาเมืองไทยท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ดี
พออติกันต์กลับมาและเห็นว่าพิธานให้ภวิลไปช่วยงานที่บริษัท อติกันต์ซึ่งอายุมากกว่าภวิลเพียงสามปีก็ไม่อยากน้อยหน้าจึงขอเข้าไปทำงานด้วย แล้วหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ฝ่ายภวิลนั้นไม่อะไรกับอติกันต์อยู่แล้ว แต่อติกันต์คงไม่อยากให้ภวิลได้ดีกว่าจึงพยายามขัดแข้งขัดขาอยู่เสมอ ถึงกระนั้น ‘ผลงาน’ ก็เป็นเครื่องมือพิสูจน์คนได้ดีที่สุด
ภวิลได้รับความไว้วางใจจากพิธานมากจนท่านยินดีให้นั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัทอย่างที่อติกันต์เถียงไม่ได้แม้จะไม่พอใจอยู่มากก็ตาม ส่วนอติกันต์ซึ่งถือหุ้นอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์มีตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรักษาหน้าของเขาเท่านั้น ไม่ได้ทำงานหรือมีหน้าที่จริงๆ จังๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพาขวัญก็น่าจะเห็นแล้วว่าพิธานไม่สามารถฝากอนาคตบริษัทเอาไว้กับคนที่เห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตนอย่างอติกันต์ได้เลย ทุกวันนี้แค่เอาตัวเองให้รอดอติกันต์ยังไม่รู้จะทำได้หรือไม่ ที่มีชีวิตร่ำรวยและสุขสบายในปัจจุบันก็เพราะได้ส่วนแบ่งจากบริษัทเท่านั้น
“แล้วคุณพ่อจะมั่นใจได้ยังไงคะว่าพอแต่งงานแล้วพี่ภักดิ์จะไม่ฮุบทุกอย่างเอาไว้เอง”
“ถ้าพี่ภักดิ์เขาจะทำ เขาก็คงทำไปนานแล้ว” ความซื่อสัตย์ของภวิลมีมากแค่ไหนพิธานรู้ดีที่สุด ตลอดเวลายี่สิบสองปีที่เฝ้ามองอีกฝ่ายมา เขาไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังเลย “นี่คิดว่าพี่ภักดิ์เขาทำดีเอาใจพ่อเพื่อให้พ่อไว้ใจจนยกน้องพลีสให้เขาเพราะเขาอยากได้กิจการทุกอย่างของเราเหรอ”
“พลีสไม่ได้มองพี่ภักดิ์ไม่ดีนะคะ แต่เราก็ต้องมองหลายๆ ด้าน”
“ก็ดีแล้วที่รู้จักมองอะไรหลายๆ ด้าน แต่…มันจะง่ายกว่ามั้ยถ้าพี่ภักดิ์เขาไปเปิดบริษัทเอง ไม่ใช่คอยมาทำงานหนักแทนพ่องกๆ โดยที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพ่อจะยกอะไรให้เขาบ้าง อันที่จริงพี่ภักดิ์เขาจะขอพ่อไปเปิดบริษัทก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ในเมื่อเขาสนิทกับพนักงานเก่งๆ หลายคน มีลูกค้าสำคัญอยู่ในมือมากมาย แถมยังมีทรัพย์สินส่วนตัวมหาศาลจนใช้ไปทั้งชาติแบบสบายๆ ก็ไม่หมด”
“เขาไปเอาเงินมาจากไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“ไม่ได้ยักยอกจากเราก็แล้วกัน” พิธานหัวเราะเพราะพาขวัญคงคาดไม่ถึงในเรื่องนี้ “พี่ภักดิ์เขาเป็นพนักงานคนหนึ่ง เขาได้เงินเดือนในตำแหน่งผู้บริหาร ได้โบนัส ได้คอมมิชชั่นตามผลงานตั้งเยอะ เพราะเขาทำงานเก่งมาตั้งแต่เข้าทำงานปีแรกๆ แล้ว เขาศึกษาเรื่องหุ้นมานาน พอมีเงินมากพอก็เอาไปลงทุนจนได้กำไรไม่รู้ปีตั้งเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีเงินเหลือไปซื้อคอนโดฯ ราคาตั้งห้าสิบหกสิบล้านหรอก”
“แต่…พลีสกับพี่ภักดิ์ไม่ได้รักกันนะคะคุณพ่อ” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม ต่อให้ภวิลจะสมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่หากทั้งสองแต่งงานกันโดยที่ไม่ได้รัก ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร
พิธานเลี้ยงพาขวัญมากับมือ ทำไมท่านจะไม่เข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร และในยุคปัจจุบันก็คงไม่เห็นด้วยกับการคลุมถุงชน แต่ท่านก็เชื่อว่าภวิลจะเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอมีความสุขได้แน่นอน
“น้องพลีสอาจจะไม่ได้รักพี่ภักดิ์ แต่พ่อดูออกว่าพี่ภักดิ์เขาแอบรักน้องพลีสมานานแล้วนะ” พิธานกุมมือลูกสาวราวกับจะเน้นย้ำกับเธอ “เขาอดทนและรอคอยน้องพลีสมานานแล้ว”
“อะ…อะไรนะคะ” พาขวัญถามอย่างไม่เชื่อหู
นี่เป็นอีกเรื่องที่หญิงสาวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ภวิลจะรักเธอได้ยังไง เขาจะเอาเวลาที่ไหนมารักเธอในเมื่อทั้งสองคนไม่เคยใกล้ชิดกันเลย และเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ กับเธอด้วย
“ถ้าพี่ภักดิ์ไม่มีใจให้น้องพลีสเขาก็คงตกลงใจไปกับคนอื่นนานแล้วเพราะมีผู้หญิงเพียบพร้อมหลายคนสนใจเขา แต่ที่เขาไม่กล้าแสดงออกกับน้องพลีสคงเพราะคิดว่าน้องพลีสเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณอย่างพ่อและพ่อเชื่อว่าเขากำลังรอเวลาที่เหมาะสม” พิธานยังใจเย็นและพูดด้วยเหตุผล
“คุณพ่อคิดไปเองหรือเปล่าคะ พี่ภักดิ์อาจจะแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้”
“พ่อดูออกน่า แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็ไม่คิดว่าพี่ภักดิ์เขาจะรอน้องพลีสไปตลอดชีวิต และถ้าเขาแต่งงานกับคนอื่น พ่อก็ไม่มั่นใจว่าในอนาคตเขาจะยังดูแลบริษัทที่พ่อรักต่อไปมั้ย พ่อถึงได้อยากให้น้องพลีสแต่งงานกับเขาเพราะมันจะช่วยให้พ่อมั่นใจว่าเขาจะซื่อสัตย์กับวงศ์วรารมย์อย่างเต็มร้อย”
“แต่ว่าพลีส…”
“คุยกันด้วยเหตุผลนะ พ่อไม่ได้บังคับให้น้องพลีสแต่งงานกับพี่ภักดิ์วันนี้หรือพรุ่งนี้นะลูก” พิธานพูดต่อเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังลังเล แต่เมื่อพูดถึงบริษัทที่เธอรู้ดีว่าท่านรัก เธอก็มีท่าทีอ่อนลง “พ่อแค่พูดเพราะอยากให้ทั้งสองคนลองคบหาดูใจกันไปก่อน หากปรับตัวเข้าหากันไม่ได้จริงๆ พ่อก็จะไม่บังคับ แต่พ่อมั่นใจว่าพี่ภักดิ์เขาจะไม่ปฏิเสธ แค่พ่อเอ่ยปาก เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างตามที่พ่อบอกอยู่แล้ว”
“เห็นมั้ยคะ แล้วจะไม่ให้พลีสคิดว่าพี่ภักดิ์เป็นหุ่นยนต์ของคุณพ่อได้ยังไง”
พาขวัญเบ้ปากให้คนดีของพิธานอย่างอดไม่ได้ ความจริงหญิงสาวไม่ได้มีปัญหาเลยหากภวิลจะเป็นหุ่นยนต์ของท่านในเรื่องการทำงานหรือเรื่องใดๆ ก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ แต่นี่…ท่านกำลังจะป้อนคำสั่งให้เขามาเป็นสามีเธอ แล้วเขาก็จะตอบตกลงง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
“คุณพ่อถามพี่ภักดิ์เขาดูดีๆ เถอะค่ะ ถ้าเขามีคุณสมบัติเพอร์เฟ็กต์อย่างที่คุณพ่อพูดมาขนาดนั้นเขาก็คงมีตัวเลือกเยอะ คงไม่อยากแต่งงานกับเด็กกะโหลกกะลาอย่างพลีสหรอก”
“พ่อเกริ่นกับพี่ภักดิ์เขาแล้วและเขาไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อน้องพลีสยังไม่มีใคร จะดูๆ พี่ภักดิ์เขาไว้ก็ไม่เสียหายนี่ลูก พี่ภักดิ์เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ขาดตกบกพร่องอะไรเลยนะ” พิธานพูดทีเล่นทีจริงเพื่อไม่ให้เธอเครียด “พ่อว่าเขาก็หล่อออกนะ ไปงานที่ไหนสาวๆ ก็มองเขาตาปรอย น้องพลีสไม่ชอบเหรอ”
“พลีสว่าก็…เฉยๆ ค่ะ”
“ไม่ม้างงง ระดับพี่ภักดิ์นี่หล่อเทียบนายแบบหรือดาราได้สบายเลยนะ”
พิธานมองลูกสาวเหมือนเธอเป็นเด็กปากแข็ง พาขวัญไม่ปฏิเสธว่าภวิลดูดีมาก และในสายตาท่าน เขาคงเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา ความสามารถ และนิสัย
ภวิลมีใบหน้าหล่อเหลาที่มีส่วนผสมของเอเชียกับตะวันตกได้อย่างลงตัว แต่จะค่อนไปทางตะวันตกมากกว่า ผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกของเขาโด่งมาก ริมฝีปากหยักลึกได้รูปสวย ดวงตาสีฟ้าคมกริบราวกับภาพวาดทำให้ค่อนไปทางดุแม้เขาจะทำสีหน้าเรียบเฉย ขนตาที่ยาวและหนากว่าผู้ชายทั่วไปทำให้ดวงตาเขามีเสน่ห์จนผู้หญิงหลายคนไม่สามารถสบตาเขาได้นานเกินสามวินาที ใบหน้าคมคายได้รูปชัดเจนประดับด้วยไรเคราอ่อนๆ ที่ถูกตกแต่งอย่างดีรับกับรูปหน้า แนวกรามเป็นเส้นคมส่งให้ภาพรวมของใบหน้าค่อนข้างดุดันมากกว่านุ่มนวล แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เขาเซ็กซี่ และมีเสน่ห์แบบผู้ชายอย่างเข้มข้นจนคนมองสั่นสะท้าน
ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่ เขาน่าจะสูงราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ การออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างดีทำให้เขามีรูปร่างที่ดีตามไปด้วย พาขวัญเคยเห็นชายหนุ่มถ่ายแบบลงนิตยสาร กล้ามเนื้อบนร่างกายเขาแน่นหนัด งดงาม และดูดีไม่แพ้บรรดานายแบบสากลเลย
แต่…มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยินดีที่ถูกพ่อขอร้องให้แต่งงานกับเขา!
“คุณพ่ออวยพี่ภักดิ์ขนาดนี้ พลีสเริ่มคิดแล้วนะคะว่าเขาประจบคุณพ่อหรือเปล่า”
“ไม่คิดว่ามันขัดกับบุคลิกของพี่ภักดิ์เขามากไปหน่อยเหรอ พ่อยังนึกภาพเวลาพี่ภักดิ์เขาประจบสอพลอใครสักคนไม่ออกเลยนะ” พิธานยิ้มขำ “นี่น้องพลีส…พ่ออายุมากขนาดนี้ เลี้ยงดูน้องพลีสมาขนาดนี้ สามารถสร้างฐานะให้ครอบครัวเราได้ขนาดนี้ น้องพลีสไม่ไว้ใจสายตาพ่อเลยเหรอ”
“เปล่าค่ะคุณพ่อ พลีสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ในสายตาของพาขวัญนั้นพิธานเป็นเหมือน ‘ฮีโร่’ ท่านเป็นคนเก่ง ขยันขันแข็ง มีเหตุผล มองคนขาด และน่าเชื่อถือมากที่สุดสำหรับเธอ ที่ผ่านมาท่านพูดอะไรไม่เคยผิดไปจากความจริงเลย
“พ่อเชื่อว่าพี่ภักดิ์เขาจะรักและดูแลน้องพลีสได้ดีไม่แพ้พ่อเลย ลองเปิดใจให้พี่เขาหน่อยนะลูก” พิธานโอบไหล่หญิงสาวเข้ามากอดไว้และลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
พาขวัญพิงศีรษะกับแผ่นอกกว้างที่แสนอบอุ่นของบิดา เธอนึกย้อนไปถึงช่วงที่ผ่านมา…นี่แสดงว่าก่อนหน้านี้ภวิลก็รับรู้มาตลอดว่าพิธานให้เขามาที่บ้านบ่อยๆ เพราะอะไร แล้วเขาไม่รู้สึกอึดอัดใจบ้างหรือที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ ทำไมเขาถึงเก็บอาการได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
แม้ว่าพาขวัญดูจะไม่เห็นด้วยกับการถูกจับคู่ แต่หลังจากที่พิธานคุยเรื่องภวิลกับหญิงสาวแล้วเธอไม่ได้มีท่าทีต่อต้านจนเกินไป ท่านก็เบาใจในระดับหนึ่งว่าอย่างน้อยๆ ยังพอจะคุยกันได้ และหากพาขวัญได้ศึกษาดูใจกับภวิลจริงๆ เธอก็อาจมีใจให้เขาจนนำไปสู่การแต่งงานอย่างที่ท่านคาดหวังไว้
ทว่าพิธานรู้นิสัยพาขวัญกับภวิลดีว่าหากปล่อยให้ทั้งสองคนเรียนรู้กันตามธรรมชาติโดยที่ท่านไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเลยก็คงยากที่เธอกับเขาจะมีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพราะพาขวัญไม่มีทางเข้าหาภวิลก่อนแน่ และภวิลเองก็คงกลัวคนอื่นจะครหาจนไม่กล้าแสดงท่าทีต่อลูกสาวท่านดังเช่นที่ผ่านมา
ดังนั้นเมื่อสบโอกาสเหมาะพิธานก็มักจะโทรหาภวิลเสมอ ชวนเขามาทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อสร้างความสนิทสนม และพอถึงวันนัดหมายก็ไม่ลืมโทรไปย้ำอีกครั้งด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะทำงานจนลืมเวลา แม้จะรู้ดีว่าหากเป็นนัดของท่านกับพาขวัญแล้วไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะลืมเด็ดขาด
และแน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของใครอีกคนไปได้
จริงอยู่ว่าอติกันต์มักจะออกไปข้างนอกตอนสายๆ แล้วกลับมาอีกทีตอนเกือบตีสองเพราะไปตระเวนราตรีตามประสาหนุ่มโสดที่ยังรักสนุกและบางคืนก็ไม่กลับบ้าน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตอะไรเลย…ทุกครั้งที่ภวิลมาที่นี่สาวใช้ก็จะพูดถึงอยู่เสมอและมันไม่แปลกที่เขาจะได้ยิน
ช่วงแรกอติกันต์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่าระยะหลังๆ โดยเฉพาะหลังจากที่พิธานออกจากโรงพยาบาลครั้งล่าสุด ภวิลก็ดูจะมาที่นี่บ่อยขึ้นจนเหมือนเป็นแขกประจำไปแล้ว ทำให้เขาเริ่มเดาได้ว่าพิธานกำลังคิดจะทำอะไร ใช่! เขาเดาว่าพิธานกำลังเล่นเกมจับคู่เพราะอยากให้พาขวัญลงเอยกับภวิลเป็นแน่
ตลอดเวลาที่ผ่านมาอติกันต์รู้ดีว่าพิธานไม่เคยไว้ใจเขาเลย…
แม้เขาจะเป็นน้องชายของภรรยาที่พิธานรักมาก แต่เมื่อมาติกาเสียชีวิตตั้งแต่พาขวัญอายุได้เพียงสองขวบ สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิธานก็ไม่แน่นแฟ้นดังเดิม เพราะแต่เดิมพิธานก็ไม่ชอบใจพฤติกรรมของเขาอยู่แล้ว พิธานหาว่าเขาชอบเที่ยวเตร่ ไม่สนใจการเรียนหรือการทำงาน อีกทั้งยังใช้เงินสิ้นเปลือง แต่ที่พิธานยอมส่งเสียเขาไปเรียนต่างประเทศและให้เขามีส่วนถือหุ้นในบริษัทเป็นเพราะมาติกาฝากฝังไว้
แต่อติกันต์ก็คิดว่าพิธานอคติกับเขาเกินไป ที่ผ่านมาเขาคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ในเมื่อตอนนั้นเขายังเป็นวัยรุ่น เขามีสิทธิ์ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มแค่อยากลองหาประสบการณ์ชีวิตทุกรูปแบบ และพิธานกับมาติกาก็มีเงินทองตั้งมากมาย จะแบ่งให้เขาซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดใช้บ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
อย่างไรก็ตามอติกันต์ยังหวังว่าเขาจะได้สืบทอดกิจการต่างๆ ต่อจากพิธานมากกว่าคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอย่างภวิล เพราะเขากับภวิลก็อายุไม่ห่างกันมาก เริ่มทำงานในบริษัทในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และระยะหลังๆ ถึงเขาจะยังสนุกกับการปาร์ตี้อยู่ แต่เขาก็ยังไปบริษัท
ดังนั้น…หากพิธานไม่อยู่แล้ว คนที่จะสืบทอดทุกอย่างก็ควรจะเป็นญาติแท้ๆ อย่างเขาไม่ใช่หรือ
ถึงกระนั้นอติกันต์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เขาเก็บความไม่พอใจเอาไว้ และไม่ให้พิธานรับรู้ว่าเขาล่วงรู้แผนการจับคู่แล้ว ไม่เช่นนั้นพิธานอาจหาทางขัดขวางไม่ให้เขาแก้เกมของพิธานได้ตั้งแต่เขายังไม่เริ่มลงมืออะไรด้วยซ้ำ กระทั่งวันหนึ่งโอกาสเหมาะของอติกันต์ก็มาถึง
“โห! วันนี้คุณอาตื่นเช้าจังเลยนะคะ”
พาขวัญทักทายขณะเดินลงบันไดมาชั้นล่างแล้วเห็นคุณน้ายังหนุ่มอย่างอติกันต์นั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาในห้องรับแขก และร่างสูงอยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน
จะไปว่าแล้วอติกันต์ก็จัดได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่ง เขาเป็นคนตัวสูง หน้าตาดี และรู้จักดูแลตัวเองอย่างดี อายุที่มากขึ้นไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลง แต่กลับทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก หญิงสาวมักจะเรียกเขาว่า ‘คุณอา’ อย่างติดปากแม้ว่าตามศักดิ์แล้วเขาจะเป็นน้าแท้ๆ ของเธอก็ตาม
“พูดอย่างกับน้องพลีสไม่เคยเห็นอาตื่นเช้าไปได้”
“ไม่เคยเห็นจริงๆ นี่คะ อย่าว่าแต่ตื่นเช้าเลย อาทิตย์นึงพลีสได้เห็นหน้าคุณอาแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
พาขวัญพูดตามความจริง ปกติเวลาเธอตื่นและออกไปที่โรงเรียนสอนการแสดงแต่เช้าเขาก็ยังไม่ตื่น ตอนเย็นเธอกลับมาเขาก็ยังไม่กลับ เรียกว่าวงโคจรชีวิตเจอกันได้ยากก็คงไม่แปลก จะมีแค่วันที่เธอไม่มีสอนและไม่ต้องไปจัดการความเรียบร้อยที่โรงเรียนสอนการแสดงนั่นแหละถึงจะมีโอกาสได้เจอเขา
“ถ้าอย่างนั้นสงสัยอาต้องตื่นแต่เช้ามาให้น้องพลีสเจอหน้าบ่อยๆ แล้วมั้ง”
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ พลีสแค่แซวเล่นๆ คุณอาทานอาหารเช้าหรือยังคะ”
“ยังเลย น้องพลีสจะออกไปโรงเรียนเลยหรือทานอาหารเช้าก่อนล่ะ”
“พลีสว่าจะออกไปเลยค่ะ วันนี้พลีสมีคลาสเช้า”
“งั้นให้อาไปส่งนะ”
“เอ่อ…จะไม่รบกวนคุณอาเหรอคะ” พาขวัญถามอย่างแปลกใจ อติกันต์อาจจะชอบคุยเล่นและใจดีกับเธอก็จริง แต่เขาไม่เคยอาสาขับรถไปส่งเธอเลย แถมตอนนี้ก็ยังเช้ามากด้วย
“ไม่หรอก วันนี้อาไม่มีงานตอนเช้า”
“แต่…”
“ทำไมเหรอ หรือว่าน้องพลีสไม่อยากนั่งรถไปกับอา ฮึ?”
“เปล่าค่ะ งั้นก็ขอบคุณคุณอามากนะคะ”
พาขวัญบอกวิชัยว่าเช้านี้ไม่ต้องไปส่งเธอ แต่ให้เขาไปรับตอนเย็นแทน จากนั้นเธอก็เดินไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่อติกันต์เปิดประตูรออยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้เจอหน้าและไม่ค่อยได้พูดคุยกับเขา แต่ด้วยความที่ทั้งสองคนอยู่ร่วมบ้านกันมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก จะห่างกันก็แค่ช่วงที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ พอเขากลับมาก็มาอยู่ร่วมบ้านกันเหมือนเดิมก็ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับเขาพอสมควร
ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงรู้สึกได้ว่าวันนี้เขามีอะไรบางอย่างที่แปลกไป…