บทที่ 2
อู่หลิงอ๋องไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบขุนนาง แต่สวมชุดยาวสีขาวกระจ่างกุ๊นลายดอกไม้เล็กๆ สีขาวที่ชายแขนเสื้อ เกล้าผมประดับหมวกสีทอง รูปร่างสูงสง่า ท่าทางสง่าผ่าเผยและดูผ่อนคลาย ที่เอวยังคาดฝักกระบี่ยาวไว้ด้วย
ฮ่องเต้ดูจะลำเอียงมากไปแล้ว ถึงกับอนุญาตให้เขาพกกระบี่เดินไปมาในวังได้ด้วย เซี่ยซูเพิ่งจะแอบบ่นว่าในใจเสร็จ อู่หลิงอ๋องก็เก็บกระบี่เข้าฝักเรียบร้อย เมื่อเห็นใบหน้าเขาชัดเจน นางก็ตกตะลึงไปทันที
ผู้คนเอ่ยกันว่าอู่หลิงอ๋องเว่ยอี้จือผู้นี้หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็ก เดิมทีนางคิดว่าก็แค่คำพูดเยินยอเท่านั้น เวลานี้ได้มาเห็นตัวจริงแล้วจึงค่อยรู้สึกว่าเป็นเช่นที่ว่ากันมา
ประโยคที่ว่า ‘ดวงตาดำขลับดั่งแต้มครั่ง คิ้วดำคมคายดุจวาด’ ยังไม่พอจะใช้อธิบายคนผู้นี้ได้ด้วยซ้ำ เพียงแค่เขายืนอยู่ก็สามารถทำให้ผู้คนไม่อาจเหลียวไปมองทางอื่นได้ ยามสายลมพัดมาชายแขนเสื้อกว้างจะโบกไหว ดูช่างพลิ้วไหวสง่างาม เพียงเขาชายตามองก็ทำให้คนหลงใหลเคลิ้มฝันราวกับล่องลอยไปไกลแล้ว
ได้ยินมาว่าในเจี้ยนคังเคยมีคนเอ่ยชื่นชมเขาว่า ‘ตระหง่านดุจยอดผาเห็นแต่ไกล รูปโฉมดุจจันทร์อำไพไร้เมฆา’ ช่างสมกับที่ว่ามาจริงๆ
“คารวะท่านอัครเสนาบดี” เว่ยอี้จือยกมือขึ้นประกบกันด้วยท่าทางสง่างาม
สายตาเซี่ยซูกวาดมองทั่วใบหน้าเขา นางจำต้องกล้ำกลืนโยนคำพูดของมู่ไป๋ทิ้งไป แล้วทักทายกลับ “คารวะอู่หลิงอ๋อง”
องค์ชายเก้าที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าไม่พอใจ เขาปราดเข้าไปดึงแขนเว่ยอี้จือ “พี่จ้งชิง ไปช่วยเขาทำไมกัน ขุนนางเจ้าเล่ห์พรรค์นี้…”
“องค์ชาย รีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยอี้จือหันไปขยิบตาให้นางกำนัลข้างๆ องค์ชายเก้า นางจึงเข้ามาประคององค์ชายเก้าแล้วพาตัวไปทันที
เว่ยอี้จือหันมาดูเสื้อผ้าของเซี่ยซู ก่อนจะเอ่ยยิ้มแย้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน “เมื่อครู่ข้าก็ทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น ท่านอย่าได้ถือสาเลย ไม่ทราบว่าท่านได้เตรียมเสื้อผ้ามาหรือไม่ ในรถม้าข้ามีอยู่ชุดหนึ่ง เพียงแต่เกรงว่าท่านจะรังเกียจ”
“จะรังเกียจได้อย่างไรเล่า” เซี่ยซูฝืนยิ้ม “ขอเพียงอู่หลิงอ๋องไม่รังเกียจ ข้าเองก็ยินดี”
“ท่านอัครเสนาบดีเกรงใจเกินไปแล้ว” เว่ยอี้จือสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เขารีบสั่งให้นางกำนัลเชิญเซี่ยซูไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รถม้าของเขา
เซี่ยซูเอ่ยปากขอบคุณแล้วจากไป ยอมรับความช่วยเหลือของเว่ยอี้จือไว้ด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบ
รถม้าของนางสง่าภูมิฐานยิ่ง ไม่คิดเลยเว่ยอี้จือซึ่งบัดนี้มีฐานะเป็นอู่หลิงอ๋องควบตำแหน่งต้าซือหม่ากลับนั่งยานพาหนะของขุนนางขั้นห้าเท่านั้น
เฮอะ! หากมิใช่เพราะนิสัยแท้จริงเป็นคนสูงส่งน่านับถือล่ะก็ คงต้องจงใจทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับข้าแน่ หนึ่งอ๋องผู้เที่ยงธรรมกับหนึ่งขุนนางโฉดชั่ว จะได้เห็นกันชัดๆ ว่าใครที่สูงส่ง ใครกันที่ต่ำช้า
ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
เซี่ยซูสั่งให้นางกำนัลรออยู่นอกรถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายในรถมีเสื้อผ้าเตรียมไว้จริงๆ ทั้งยังใหม่เอี่ยมเสียด้วย ทว่าเนื้อผ้านั้นกลับธรรมดาสามัญ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พอเทียบกับตอนที่นางยังไม่ได้กลับเข้าสกุลเซี่ยแล้วก็ยังดีกว่ามาก
นางยิ้มน้อยๆ แล้วรีบเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดใหม่อย่างไม่ลังเล