บทที่ 3
สกุลเซี่ยเป็นตระกูลใหญ่ เฉพาะที่อาศัยในจวนก็มีอยู่เกือบร้อยคน เซี่ยซูเข้ามาอยู่ในสกุลเซี่ยตอนที่โตแล้ว ทุกวันในอดีตนางล้วนได้รับการอบรมเรื่องนั้นเรื่องนี้จากเซี่ยหมิงกวงมิได้ขาด จนแทบไม่มีโอกาสจะได้สนทนาหรือพบปะใครอื่น จึงไม่แปลกที่นางจะรู้จักคนในสกุลเซี่ยแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
พ่อบ้านรีบร้อนไปจัดการเรื่องของคุณชายหร่าน ส่วนเซี่ยซูก็ไม่มีแก่ใจมากินทับทิมต่อแล้ว นางจึงเอ่ยถามมู่ไป๋ว่า “คุณชายหร่านผู้นี้เป็นใครกัน”
มู่ไป๋เอ่ยตอบ “คุณชายคงไม่ทราบ หากว่ากันตามลำดับญาติแล้ว ท่านควรเรียกคุณชายหร่านว่า ‘ท่านอา’ เดิมทีเขาก็ถือเป็นหลานชายของนายท่านขอรับ”
นายท่านก็คือเซี่ยหมิงกวง ในเมื่อคุณชายหร่านเป็นหลานชาย ก็ต้องเป็นบุตรชายของน้องชายแท้ๆ ของท่านปู่ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คุณชายหร่านท่านนี้ก็น่าจะถูกเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านรองสิ เหตุใดจึงมาอยู่ในบ้านใหญ่ได้เล่า เซี่ยซูงุนงงสงสัยยิ่งนัก
มู่ไป๋จึงพูดต่อ “แต่ภายหลังเกิดเรื่องขึ้น ฐานะของเขาจึงเปลี่ยนไป…”
เซี่ยซูยังมึนงงไม่หาย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ”
มู่ไป๋หันมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เขาจึงยื่นหน้ามาเล่าเป็นฉากๆ ท่าทางมีลับลมคมในยิ่ง พอเล่าจบก็ทำสีหน้าเหมือนว่า ‘ถ้าเป็นคนทั่วไปข้าไม่เล่าให้ฟังหรอกนะ’
“อ้อ” สีหน้าเซี่ยซูดูซับซ้อนขึ้นมา
เซี่ยหมิงกวงกับน้องชายเซี่ยหมิงฮุยไม่ถูกกัน ฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าน้องชายไม่ได้เรื่อง จะผลักดันก็ทำไม่ไหว อีกฝ่ายก็รู้สึกว่าพี่ชายไร้น้ำใจ แค่เรื่องที่เป็นถึงอัครเสนาบดีแต่ไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลยก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ถึงขั้นเหยียดหยามบุตรชายทั้งสองของเขาราวกับเป็นคนไร้ค่าอีก
เซี่ยหมิงฮุยมีลูกน้อย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาชนะเซี่ยหมิงกวงไป ตอนที่เขาอายุได้ห้าสิบ อนุภรรยาก็ยังคลอดบุตรชายให้เขาได้อีกคนหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกเป็นผู้ชนะจนเคราแทบจะชี้ฟ้าทีเดียว
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เซี่ยหมิงฮุยมาเยี่ยมเยียนเซี่ยหมิงกวงก็จะจูงบุตรชายคนเล็กมาด้วยท่าทางโอ้อวดเสมอ เด็กน้อยยิ่งโตก็ยิ่งเฉลียวฉลาด ทำให้เขาได้ลบล้างความอับอายที่เซี่ยหมิงกวงเคยดูถูกบุตรชายสองคนของเขาก่อนหน้านี้ไป ทำให้ยิ่งปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
ไหนเลยจะรู้ สิ่งที่ดีงามมักไม่ยืนยาว เซี่ยหมิงฮุยจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบหกสิบปีอย่างยิ่งใหญ่ แต่จู่ๆ ที่เรือนหลังก็เกิดไฟไหม้ขึ้น…อนุภรรยาคนงามประดุจบุปผาผู้นั้นถูกจับได้ว่าเล่นชู้กับคนนอก พอซักถามอย่างละเอียดก็พบความจริงว่า…ให้ตายสิ แม้แต่บุตรชายก็มิใช่ลูกของเขาหรอกหรือนี่
ราวกับสายฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ! เซี่ยหมิงฮุยกระอักเลือดจนเป็นลมล้มพับ อุตส่าห์เลี้ยงบุตรชายคนอื่นมานานนับสิบปี ทั้งยังให้เงินใช้จ่ายอย่างมือเติบเสียยิ่งกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ
เวลานั้นเซี่ยหมิงกวงก็อยู่ในงานเลี้ยงด้วย อย่างไรเสียก็ต้องคำนึงถึงสถานการณ์เบื้องหน้าก่อน เขาจึงไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ซ้ำเติม เพียงบอกกล่าวส่งแขกเหรื่อที่มีอยู่เต็มห้องออกไป คนอื่นๆ จะได้ไม่รับรู้เรื่องน่าอับอายในครอบครัวจนนำมาพูดต่อได้