บทที่ 4
ราชสำนักให้ลาหยุดพักได้ห้าวันครั้ง เหล่าขุนนางจึงถือโอกาสนี้พักชำระกายสระผม และไปเยี่ยมเยียนญาติมิตร
แม้แต่อัครเสนาบดีก็ไม่เป็นข้อยกเว้น
ปลายวสันต์ในเจียงหนาน ฝนตกปรอยๆ
เซี่ยซูเดินลงจากรถม้า นางรับร่มกระดาษมาจากมือมู่ไป๋ แล้วเดินเข้าประตูใหญ่ของจวนต้าซือหม่า
ไหนเลยจะต้องรายงานผู้เป็นนายอีก พ่อบ้านพยักหน้าพลางค้อมกายคารวะแล้วเชื้อเชิญนางเข้ามา อีกด้านก็เร่งให้คนไปเชิญอู่หลิงอ๋องด้วย
เซี่ยซูรู้สึกว่าบารมีขุนนางของตนเองคงจะไปข่มกระทั่งทำให้ผู้อื่นลนลานจนไม่สบายใจได้ นางจึงไม่เข้าไปในห้องโถง แล้วเลือกที่จะเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน เอ่ยปากชื่นชมดอกไม้ดอกนั้นต้นไม้ต้นนี้เป็นครั้งคราว
แม้การปล่อยให้อัครเสนาบดียืนอยู่จะทำให้รู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้เอ่ยปากชมเช่นนี้ พ่อบ้านก็หัวใจพองโต อดจะโอ้อวดขึ้นมาไม่ได้ “เชิญใต้เท้าทางด้านนี้เลยขอรับ เบญจมาศต้นนี้ล้ำค่านัก ทั่วอาณาจักรต้าจิ้น ไม่มีบ้านใดได้ครอบครองของเช่นนี้แล้ว”
เขาเดินนำเซี่ยซูไปชมถึงกลางสวน ที่นั่นมีเบญจมาศกอหนึ่งกำลังคลี่ดอกสีขาวอมเหลือง ดอกไม้แย้มกลีบงามตระการสมกับเป็นยอดแห่งบุปผา
เซี่ยซูมิได้จดจ่ออะไรกับดอกไม้มากนัก อันที่จริงที่นางมาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้อยากจะรั้งอยู่ในจวนต้าซือหม่านานนักหรอก เพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อครหา นางจึงตั้งใจว่าทันทีที่เว่ยอี้จือปรากฏตัวขึ้น นางก็จะรีบลากตัวเขาออกไปพูดคุย แต่บัดนี้เมื่อเห็นพ่อบ้านมีใจกระตือรือร้นอยากให้ชื่นชมดอกไม้เช่นนี้ นางจึงโน้มตัวเข้าไปพินิจดูความงามของดอกเบญจมาศอย่างใกล้ชิด
วันนี้นางสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา เป็นเสื้อสีฟ้านวลแขนกว้างตัวหลวม นอกจากปิ่นหยกขาวที่ใช้เกล้าผมแล้ว ทั่วทั้งร่างก็ไม่ได้สวมเครื่องประดับใดๆ เลย ทว่านางมีข้อได้เปรียบตรงที่ริมฝีปากแดงอิ่มตัดกับฟันขาวกระจ่าง ยามโน้มตัวลงมาเบื้องหน้าบุปผางาม ท่าทางจึงดูสง่างามยิ่ง มือหนึ่งถือร่ม มืออีกข้างก็ช้อนดอกไม้ขึ้นมาสูดกลิ่นเบาๆ สีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่ง
“เป็นดอกไม้งามอย่างแท้จริง” น่าเสียดายที่นิ่งงันอยู่ตั้งนานเซี่ยซูกลับคิดได้แค่ประโยคนี้
ทว่าพ่อบ้านตกอยู่ในภวังค์ไปตั้งแต่เห็นสีหน้าท่าทางของเซี่ยซูแล้ว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจว่านางจะพูดอะไรแม้แต่น้อย
เซี่ยซูเหยียดหลังตรงขึ้น ไม่รู้เพราะเหตุใดดอกไม้ที่นางแตะต้องจึงมีกลีบหนึ่งร่วงลงมา นางรีบยื่นมือไปรับไว้ กลีบดอกไม้จึงร่วงพลิ้วลงสู่อุ้งมือ นางหันไปมองพ่อบ้านด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “นี่…”
“อา ท่านอย่าได้ใส่ใจ ดอกเบญจมาศนั้นจวนจะโรยอยู่แล้วขอรับ”
เวลานั้นเองก็แว่วเสียงฝีเท้ามาจากลานด้านหลัง เซี่ยซูคิดว่าเว่ยอี้จือมาถึงแล้ว นางจึงหันไปมอง ทว่ากลับเป็นสาวใช้นางหนึ่งกำลังถือร่มพลางประคองหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินมาอย่างเชื่องช้า
หญิงกลางคนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าเข้ม แขนพันด้วยแถบผ้าสีขาว สีหน้าดูเศร้าหมอง กระนั้นก็ยังมองเห็นเค้าความงามได้อยู่ นางหยุดยืนอยู่ห่างจากเซี่ยซูไปราวหนึ่งจั้ง ก่อนจะกวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ ทันใดนั้นก็เห็นกลีบดอกไม้ในมือเซี่ยซู นางชักสีหน้าในทันใด “เจ้าเป็นใครกัน! ถึงกับกล้ามาทำลายดอกไม้ของข้า!”
“เอ่อ…”
เซี่ยซูยังไม่ทันได้เรียบเรียงถ้อยคำ หญิงกลางคนผู้นั้นก็เอ่ยด่าทออย่างเกรี้ยวกราดต่อทันที “แค่มองดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! จวนต้าซือหม่าใช่สถานที่ที่เจ้าจะบุกรุกเข้ามาได้หรือ!”