จากนั้นเซี่ยหมิงฮุยก็จัดการกับอนุภรรยาทันที เดิมทียังคิดจะจัดการกับเด็กน้อยด้วย แต่เซี่ยหมิงกวงกลับรับตัวเด็กน้อยผู้นั้นแล้วพากลับมาจวนอัครเสนาบดีด้วยกัน
ว่ากันว่าทำเพื่อให้น้องชายอับอาย…
บ้างก็ว่าเขาอยากจะสะสมบุญกุศล…
บ้างก็ว่าคนที่คบชู้กับอนุภรรยาผู้นั้นก็คือเซี่ยหมิงกวงเอง…
เมื่อพ่อบ้านจวนอัครเสนาบดีได้ยินคนในจวนพูดเช่นนั้นก็ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว ‘นายท่านอายุอานามตั้งเท่าใดแล้ว พวกเจ้าก็อย่าปั้นน้ำเป็นตัวใส่ความท่านผู้เฒ่าเลย!’
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เพียงถูกวางไว้ข้างๆ ปล่อยให้คลุมเครืออยู่เช่นนี้เอง เด็กซึ่งมีที่มาที่ไปไม่ชัดแจ้งจึงเติบโตขึ้นอย่างสงบสุขภายในจวนอัครเสนาบดี เหล่าคนรับใช้ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล ด้วยชื่อของเขาคือเซี่ยหร่าน ผู้คนจึงเรียกเขากันว่า ‘คุณชายหร่าน’
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ทว่าในใจเซี่ยซูกลับรู้สึกรับรู้ได้ถึงเรื่องราวบางอย่างที่แฝงอยู่
มู่ไป๋อยู่ในจวนสกุลเซี่ยมาตั้งแต่เล็กจนโต จึงรับรู้เรื่องราวในอดีตมากกว่านาง ตามที่เขาเล่ามานั้น เซี่ยหร่านผู้นี้เข้ามาอยู่ในจวนตอนที่บิดาของนางก้าวเข้าสู่เส้นทางหลอมยาอายุวัฒนะแสวงหาความเป็นเซียนอย่างเต็มตัวแล้ว บางทีที่เซี่ยหมิงกวงพาเด็กน้อยกลับมาบ้าน อาจเพราะวางแผนให้เขารับช่วงต่อก็เป็นได้
แต่ความเป็นมาของเซี่ยหร่านก็ช่างน่ารังเกียจจริงๆ หากวันใดถูกเปิดโปงขึ้นมาคงยากจะทำให้คนเคารพนับถือได้ นอกจากนี้ยังไม่มีสายเลือดสกุลเซี่ยด้วย เซี่ยหมิงกวงย่อมไม่อาจวางใจได้เท่าใดนัก
นี่อาจเป็นเหตุผลที่ท่านผู้เฒ่ารับตัวนางกลับมาที่จวนกระมัง แม้นางจะมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย แต่เทียบกันแล้วก็ยังดีกว่าเซี่ยหร่าน อย่างไรเสียนางก็ยังมีสายเลือดสกุลเซี่ย ทั้งยังเป็นบุตรีสายตรงเพียงคนเดียว ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว
เมื่อได้ใคร่ครวญ เซี่ยซูก็เข้าใจว่าที่ผ่านมาเหตุใดเซี่ยหมิงกวงจึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องคนผู้นี้ให้ฟังมาก่อน แปดส่วนคงกังวลว่านางจะไม่สบายใจ
เรื่องนี้เซี่ยซูเข้าใจได้ แต่ที่ยังสงสัยก็คือเซี่ยหร่านรับรู้เรื่องนี้หรือไม่ นางลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า ก่อนจะหันไปพูดกับมู่ไป๋ “พาข้าไปพบท่านอาหน่อยสิ”
เซี่ยหร่านอยู่ที่เรือนหลิวอวิ๋นซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจวน ที่นั่นอาจจะดูคับแคบไปบ้าง แต่ก็สงบเงียบร่มรื่น น่าอยู่ไม่น้อย บริเวณลานเรือนยังมีสระน้ำเล็กๆ กลีบดอกไม้จากริมสระร่วงลงสู่ผิวน้ำ ยามแสงจันทร์สาดส่องเผยให้เห็นความงามอันน่าหลงใหล
เซี่ยซูกับมู่ไป๋เดินไปถึงประตูเข้าลานเรือน พวกเขาเห็นพ่อบ้านและท่านหมอเดินออกมาพอดี จึงสอบถามไปสองสามคำ ท่านหมอบอกว่าเซี่ยหร่านผูกคอกับขื่อ โชคดีที่ถูกพบเห็นเร็วจึงไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่มีรอยช้ำที่ลำคอเท่านั้น
เซี่ยซูพยักหน้า นางเอามือไพล่หลังพลางเดินไปที่ประตู พบว่ามีเด็กรับใช้ท่าทางคล่องแคล่วรออยู่ข้างในแล้ว
“คารวะอัครเสนาบดีขอรับ”
เซี่ยซูจึงเอ่ยถาม “เหตุใดคุณชายของเจ้าจึงได้คิดสั้นเล่า”
เด็กรับใช้ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็แดงเรื่อ “จู่ๆ นายท่านสองคนจากบ้านรองก็มาหาถึงที่เรือน บอกว่าคุณชายของบ่าวเป็นคนนอก แล้วบอกให้เขาไสหัวออกไปจากสกุลเซี่ยเสีย คุณชายโกรธมาก ก็เลย…”