เซี่ยหมิงฮุยลาโลกไปนานแล้ว นายท่านทั้งสองของบ้านรองก็คือบุตรชายทั้งสองของเขา ทั้งสองจึงมีฐานะเป็น ‘ท่านอา’ แท้ๆ ของเซี่ยซูนั่นเอง
เซี่ยซูเคยได้ยินเซี่ยหมิงกวงพูดถึงท่านอาทั้งสองมาบ้าง เซี่ยตุนคนโตเป็นคนขี้เมา วันทั้งวันเอาแต่เมาอยู่แทบเท้าหญิงงาม เซี่ยหลิงคนรองไม่ชอบเล่าเรียนตำรา วันๆ ใฝ่ฝันแต่จะเป็นแม่ทัพ ทว่าน่าเสียดายที่กลับป่วยกระเสาะกระแสะเป็นวัณโรค
เซี่ยหมิงกวงเคยถึงขั้นเรียกทั้งสองคนนั้นว่า ‘พวกสวะ’
เซี่ยซูมีแผนการในใจแล้ว นางสาวเท้าเดินเข้าไปในห้อง
กลิ่นยาฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วห้อง หลังฉากกันลมเห็นร่างหนึ่งเอนนอนพิงหัวเตียงอยู่
เด็กรับใช้เดินเข้าไปกระซิบสองสามคำ ทว่าคนบนเตียงกลับไม่ยอมขยับตัว เซี่ยซูจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปเอง
เซี่ยหร่านอายุอ่อนกว่านางสองปี เขาสวมชุดยาวสีขาวตัวหลวมโพรก รูปโฉมหล่อเหลา ทว่าดูซีดเซียวไปสักหน่อย รอยแดงตรงลำคอก็ดูน่าตกใจอย่างยิ่ง
เมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เซี่ยหร่านจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพียงเหลือบมองด้วยแววตาเย่อหยิ่งเย็นชาแค่แวบเดียวก็ถอนสายตากลับไป แล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ทำให้ท่านอัครเสนาบดีต้องเป็นกังวลแล้ว”
เซี่ยซูกระแอมเบาๆ เป็นการบอกให้คนรับใช้ถอยออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเขาอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอา”
เซี่ยหร่านเงยหน้าขึ้นมาทันที สีหน้าราวกับมองเห็นผี
“ท่านอามองข้าเช่นนี้ทำไมเล่า ถึงท่านจะอ่อนกว่าข้าสองปี แต่ก็ถือว่าอยู่คนละรุ่นกัน ข้าเรียกท่านว่าท่านอาก็เหมาะสมแล้ว”
สีหน้าเซี่ยหร่านดูเกรี้ยวกราดในทันใด “ข้าไร้สายเลือดสกุลเซี่ย เป็นแค่ลูกชู้ของเมียบ่าวแค่นั้น!”
ว่าแล้วเชียว นี่ต้องเป็นคำด่าทอของท่านอาสองท่านนั้นแน่
เซี่ยซูนั่งลงตรงริมเตียง พลางคลี่พัดจีบออกแล้วพัดให้เขา “ช่างบังเอิญยิ่งนัก ข้าก็เป็นลูกนอกสมรสเช่นกัน ท่านอา ข้าว่าเราทั้งสองต่างก็มีชีวิตที่น่าสงสารเหมือนๆ กัน ควรจะช่วยเหลือกันถึงจะถูก ท่านจะมาด่วนจากไปก่อนได้อย่างไรเล่า”
เซี่ยหร่านได้ยินเซี่ยซูพูดพล่ามด้วยท่าทีตีสนิทเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้งไป เขานิ่วหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร”
เซี่ยซูจึงเลิกตีหน้าทะเล้น แล้วกระซิบว่า “ท่านอาเติบโตมาโดยได้รับการสั่งสอนอบรมจากท่านปู่ คิดแล้วก็น่าจะมีดีกว่าคนอื่นๆ บัดนี้ท่านปู่ไม่อยู่แล้ว ท่านอากลับมาอยู่ในสภาพที่ถูกคนกลั่นแกล้งรังแกเสียได้ มิสู้ท่านอาใช้ความสามารถที่มีติดตัวมาช่วยเหลือหลานชายเช่นข้าดีกว่า ดูสิ ข้ากับท่านอาก็อายุพอๆ กัน ร่างกายก็แข็งแรงดี ย่อมมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าหลังคาเรือนจะพังครืนลงมา”
เซี่ยหร่านเข้าใจได้ในทันที ทว่าสีหน้ากลับยิ่งเย่อหยิ่งมากกว่าเดิม “ที่ท่านมาถึงที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้เองหรือ ข้าว่าไม่ต้องมาก็ได้กระมัง เพราะว่าเหล่าสกุลมีชื่อทั้งหลายคงไม่หวังจะให้ท่านได้มีชีวิตอยู่นานเท่าไรนักหรอก”
เซี่ยซูถูจมูกไปมา
เซี่ยหร่านเบือนหน้าไป “ท่านเดินกลับอย่างระมัดระวังด้วย ไม่ขอไปส่ง”
“ก็ได้” เซี่ยซูจำต้องลุกขึ้นยืน นางแสร้งทำทีถอนหายใจด้วยท่าทางที่เสียดายยิ่ง “เช่นนั้นวันหน้าค่อยมาเยี่ยมท่านอาใหม่ วันนี้ที่บอกไป ท่านอาก็ลองเก็บไปคิดดูให้ดี อันที่จริงท่านอาก็คงเข้าใจดีกระมัง ที่ท่านปู่รับตัวท่านอาไว้ก็เพื่อวันนี้มิใช่หรือ”
ออกจากเรือนหลิวอวิ๋นแล้ว มู่ไป๋ก็ปราดเข้ามา ท่าทางอยากจะนินทาเต็มที่ เซี่ยซูเพียงโบกพัดไปมา สรุปผลของการพบปะในครั้งนี้ว่า “ช่างหยิ่งนัก เย่อหยิ่งเหลือเกิน!”
เหล่าสกุลมีชื่อทั้งหลายคงไม่หวังจะให้ข้าได้มีชีวิตอยู่นานเท่าไรนักอย่างนั้นรึ!
เซี่ยซูไม่ประหลาดใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะตั้งแต่แรกนางก็คอยจับตาดูสกุลต่างๆ อย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่สกุลต่างๆ ในราชสำนัก