ชาวต้าฉินจมูกโด่งเบ้าตาลึกโหลกำลังแสดงการร่ายเวท ชายร่างใหญ่ดุจขุนเขาไว้เครายาวจับนกตัวหนึ่งมาใส่กรง เขาบอกให้เด็กหนุ่มชาวต้าฉินที่อยู่ข้างๆ ยกกรงขึ้นมา ส่วนตนเองพูดแบบชาวจงหยวน ด้วยสำเนียงแปร่งหูเรียกให้ทุกคนเข้ามาดู จากนั้นจู่ๆ ก็มีควันสีดำพวยพุ่งออกจากมือเขาเป็นระลอกอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ควันลอยคลุ้งอยู่รอบๆ กรงนก รอจนควันจางลง กรงนกก็อันตรธานไปเสียแล้ว
“ปล่อยควันออกจากมือได้ด้วยรึ!” ชาวบ้านที่มามุงดูต่างรู้สึกเหลือเชื่อ
ชายเครายาวยิ้มพลางยักไหล่ ท่าทางปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็มีควันสีดำลอยฟุ้งออกมาจากมือและลอยวนรอบกรงนกอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตาควันก็กระจายออก นกตัวนั้นพลันกลับมาได้ ยามนี้เกาะอยู่ในกรงอย่างสงบราวกับไม่ได้หายไปไหนมาก่อน
“กลนี้งาย (ง่าย) มาก พวกเรายังแสกคน (เสกคน) ได้ด้วยนะ!” ชายต้าฉินกล่าวด้วยสำเนียงจงหยวนแปร่งๆ
ชายเครายาวปรบมือครั้งหนึ่ง คนแคระสองคนก็นำหญิงชาวต้าฉินที่ดูเจ้าเนื้อผู้หนึ่งเดินเข้ามา
หญิงผู้นั้นใบหน้าขาวแก้มแดง ดวงตาลึก ดูแล้วยั่วยวนอยู่บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าชายชาวต้าจิ้นไม่เห็นว่างามน่ามองแต่อย่างใด
“ขยิบตาอะไรกัน? ไม่เห็นน่ามองสักนิด ยังเทียบกับหญิงสาวหน้าตาธรรมดาในบ้านผู้มีอันจะกินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
“ก็ใช่น่ะสิ พอเอานางมาเทียบท่านอัครเสนาบดีแล้ว ท่านอัครเสนาบดีเหมือนเป็นเทพเลยทีเดียว!”
“อู่หลิงอ๋องเทียบกับนางแล้วก็เหมือนเป็นเซียนเชียวล่ะ!”
เซี่ยซูกับเว่ยอี้จือหันมาสบตากัน ก่อนจะเบือนสายตาออกไปเงียบๆ
ชายเครายาวโบกมือทำท่าบอกให้ทุกคนเงียบเสียงลง แล้วให้คนแคระสองคนพาหญิงสาวเข้าไปไว้ในกรงใบใหญ่ที่อยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นจึงโบกไม้โบกมือหลายท่าพลางท่องคาถาไปด้วย จู่ๆ ก็มีควันสีดำลอยออกมาจากมือ คราวนี้ก่อเป็นกลุ่มควันดำโขมงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
คนแคระโบกพัดเล่มใหญ่ไปทางกรงใบใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว ควันดำพลันกระจายออก หญิงสาวในกรงได้หายตัวไปแล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกันอยู่นั้น เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากอีกฟากถนน
หากจะฉวยโอกาสวิ่งไปตอนที่ควันดำลอยฟุ้งก็คงไม่สามารถวิ่งไปได้ไกลปานนี้แน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่อย่างแน่นขนัด จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หญิงสาวผู้นั้นจะวิ่งออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้
ถึงตอนนี้ทุกคนจึงพากันปรบมือร้องชม ล้วงเงินออกมาตกรางวัล
เว่ยอี้จือปล่อยม่านลง เขากลับไปนั่งแล้วเอ่ยว่า “ท่านมองเห็นอะไรในกลนั้นบ้าง”
เซี่ยซูนิ่วหน้าแล้วตอบว่า “การแสดงนี้แค่เพียงพื้นๆ แต่ถ้าคิดเสียว่ามีเวลาว่างมาดูพอให้เพลินใจ ก็นับว่าไม่เลว”
เว่ยอี้จืออมยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย “เช่นนั้นก็ถือว่าอ๋องเช่นข้าต้อนรับได้ไม่ดีพอ หวังว่าคราวหน้าจะสามารถพาท่านไปดูการแสดงชั้นเยี่ยมอย่างแท้จริงได้”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณในความตั้งใจดีของอู่หลิงอ๋องแล้ว”
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว”
ทั้งสองออกไปเที่ยวเล่นตามอำเภอใจรอบหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงด้านนอกประตูจูเชวี่ย ทั้งสองต่างก็คำนับบอกลากันและกัน แล้วต่างคนต่างก็ขึ้นรถม้าของตนเอง แยกย้ายกันกลับจวน